กิเลนท้าชิงอันดับ 3 - ราชันโคขาวต้องการอยู่รอด, ยูรอฟสกี้ ปะทะ กามา, การกลับมาเยือนของศิษย์เก่า เมืองทอง, ศึกระหว่างทีมที่เริ่มต้นจากศูนย์, การตลาดมีส่วนคล้ายกัน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ 'SIAMSPORT' อยากแนะนำว่าเกม ไทยลีก ระหว่าง เมืองทอง กับ ลำพูน ในวันอังคารที่ 4 เมษายนนี้ น่าติดตามมากเพียงใด!!
[ 1 ] กิเลนท้าชิงอันดับ 3 - ราชันโคขาวต้องการอยู่รอด
ไทยลีก 2022-23 เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเหลือเพียง 6 นัด เท่านั้นที่จะห้ำหั่นกัน แม้ว่าเรื่องการลุ้นแชมป์จะเข้มข้นลดลงไปแล้ว เนื่องจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะเข้าป้ายสู่สมัยที่ 8 ของสโมสรได้ในบั้นปลาย ทว่าการแย่งชิงอันดับอื่นๆ ยังน่าติดตามอยู่
โดยเฉพาะอันดับ 3 และโซนหนีตกชั้นที่ เมืองทอง และ ลำพูน ต่างก็ต้องการคะแนนเพื่อเป้าหมายของพวกเขาเอง
กิเลนผยองอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นร้อนแรงสุดขีด นี่คือผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 เลยทีเดียว กับการเก็บชัยชนะได้ 5 นัด ติดต่อกันในลีก ซึ่งทำให้ เมืองทอง ที่ผลงานไม่สู้ดีนักในเลกแรก ทะยานสู่หัวตารางในทันที
ขณะเดียวกัน ลำพูน น้องใหม่ของ ไทยลีก ยังต้องลุ้นว่าพวกเขาจะมีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ เพราะฟอร์มในช่วงต้นฤดูกาลค่อนข้างย่ำแย่ จมอยู่โซนสีแดงมากถึง 15 สัปดาห์ กระทั่งมาดีขึ้นตอนที่ อเล็กซานเดร กามา เข้ามาเป็นเฮดโค้ช ทิศทางของทีมก็เริ่มเป็นไปในทิศบวก
ดังนั้นนี่คือเกมที่มี 3 คะแนน เป็นเดิมพัน โดยที่ฝั่ง เมืองทอง ได้เปรียบตรงที่จะได้เล่นต่อหน้าแฟนๆ ของตนเอง แต่ท้ายที่สุด ฝ่ายใดจะสมหวัง ต้องรอดูใน 90 นาที ที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม
[ 2 ] ยูรอฟสกี้ ปะทะ กามา
มาริโอ ยูรอฟสกี้ คือกุนซือรุ่นใหม่ที่เพิ่งรับหน้าที่เฮดโค้ชของ เมืองทอง เมื่อเดือนตุลาคม 2020 ซึ่งนั่นคือหลังจากการที่เจ้าตัวประกาศแขวนสตั๊ดได้ไม่นานนัก ทำให้เรื่องของประสบการณ์ยังเป็นรองกุนซือหลายๆ คนใน ไทยลีก
อย่างไรก็ตาม 'แนวทาง' การทำทีมของเทรนเนอร์ชาวมาซิโดเนีย สามารถกลบจุดด้อยของตนเองไปได้หมด กับสไตล์การต่อบอลกับพื้น บิวต์อัพเกมจากแดนหลัง และไม่เน้นซูเปอร์สตาร์ มันจึงทำให้กิเลนผยองเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง
ขณะที่ กามา ที่เพิ่งย้ายจากลีกเกาหลีใต้ กลับสู่สยามประเทศ เมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา โดยมีภารกิจนำ ลำพูน ให้อยู่รอดปลอดภัยใน ไทยลีก ให้จงได้
ด้วยความเจนจัดในลีกไทย ผลงานของราชันโคขาวจึงดีวัน-ดีคืน แม้ว่าจะยังไม่ก้าวข้ามสู่พื้นที่สีเขียว แต่อย่างน้อยการมาของเทรนเนอร์ชาวบราซิล ก็ทำให้แฟนๆ มีความหวังอยู่ที่ปลายทาง
แม้ว่าอันดับในตารางคะแนน ยูรอฟสกี้ และ เมืองทอง จะดูดีกว่า ลำพูน ของ กามา ทว่าเมื่อเทียบผลงานส่วนตัวแล้ว เฮดโค้ชกิเลนผยองนั้นเป็นรองอยู่พอสมควร
หากนับตอนที่เขายังเป็นนักเตะ ยูรอฟสกี้ ชนะ กามา ได้เพียง 2 จาก 15 ครั้งที่เผชิญหน้ากัน ส่วนเทรนเนอร์บราซิล นั้นเอาชัยไปถึง 7 นัด
พอ ยูรอฟสกี้ มาเป็นกุนซือ ทั้งคู่พบกันมาแล้ว 4 ครั้ง ปรากฏว่า กามา ชนะไปได้ 2, เสมอ 1 และแพ้ 1 แมตช์ ซึ่งก็ยังเป็นเฮดโค้ชชาวมาซิโดเนีย ที่เป็นรองอีกเช่นกัน
ดังนั้นเกมระหว่าง เมืองทอง กับ ลำพูน ในวันอังคารที่ 4 เมษายนนี้ ท่าทาง เมืองทอง คงจะต้องพบกับความอึดอัดไม่น้อยเลยทีเดียว
[ 3 ] การกลับมาเยือนของศิษย์เก่า เมืองทอง
เมืองทอง คือสโมสรที่มีอะคาเดมี่เป็นของตัวเอง พวกเขาวางรากฐานเยาวชนมานับสิบปี และผลิตผลก็ออกดอกให้เห็นในปัจจุบันกับการที่มีนักเตะค้าแข้งอยู่ในประเทศมากมาย - ไทยลีก, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3 หรือแม้กระทั่งอะเมเจอร์ลีก ก็มีผู้เล่นที่เคยผ่านรั้ว ธันเดอร์โดม มาก่อน
เอาแค่ ลำพูน ก็มีนักเตะถึง 7 คน ที่เคยเล่นให้กิเลนผยอง และเมื่อนับรวม กามา ในฐานะกุนซือ ก็เป็นจำนวน 8 คน ที่มีอดีตกับ เมืองทอง
มิก้า ชูนวลศรี, สันติภาพ ราษฎร์นิยม, ชัยวัฒน์ บุราณ, ทศพล ลาเทศ, สหวิช ขำเปี่ยม, เจนรบ สำเภาดี และ อ่อง ตู คือ 7 รายชื่อคนคุ้นเคยกับอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย
โดยมี สันติภาพ, ชัยวัฒน์ และ สหวิช เป็น 3 รายนั้นเติบใหญ่มาจากอะคาเดมี่ของ เมืองทอง จึงทำให้พวกเขาย่อมมีความผูกพันกับบ้านหลังเก่าอยู่ไม่น้อย ดังนั้นนี่จึงเป็นเกมที่มีความหมายสำหรับพวกเขาเหล่านี้ในการกลับมาเยือนถิ่นฐานอีกครั้ง
แต่ท้ายที่สุด อดีตศิษย์เก่าจะมา 'ทำแสบ' กับกิเลนผยองได้หรือไม่ ต้องรอดูกันอีก 90 นาที ที่ ธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม
[ 4 ] ศึกระหว่างทีมที่เริ่มต้นจากศูนย์
ความคล้ายกันของทั้ง 2 สโมสร คือการที่เป็นทีมที่เริ่มต้นจาก 'ศูนย์' เหมือนกันทั้งคู่
เมืองทอง ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2007 และก็ไต่เต้าจาก ดิวิชั่น 2 (ไทยลีก 3 ในปัจจุบัน) ก่อนจะได้แชมป์ในซีซั่นนั้นเลย แล้วก็มาได้แชมป์ ดิวิชั่น 1 (ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) อย่างต่อเนื่องในฤดูกาลถัดมา และผงาดคว้าโทรฟี่ลีกสูงสุดของเมืองไทย ในปี 2009
ส่วนฝั่ง ลำพูน พวกเขาเริ่มนับหนึ่งในปี 2011 และก็อยู่ในลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคเหนือ (ไทยลีก 3 ในปัจจุบัน) เป็นหลัก โดยมีผลงานดีที่สุดคืออันดับ 5 ของโซน เมื่อซีซั่น 2016
กระทั่งปี 2019 การมาของ 'บอสตาล' พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก นักธุรกิจหนุ่มผู้รักในกีฬาฟุตบอลแบบสุดลิ่ม ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสโมสรอย่างแท้จริง ด้วยเนรมิตให้ทัพราชันโคขาวกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นในชั่วข้ามคืน
พวกเขาค่อยๆ ไต่เต้าจาก ไทยลีก 3 ขึ้นสู่ ไทยลีก 2 และประกาศศักดาคว้าแชมป์ลีกรองเมื่อซีซั่น 2021-22 ก่อนคว้าตั๋ว ไทยลีก ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ดังนั้นนี่จึงเป็นเหมือนศึกระหว่าง 2 สโมสร ที่เริ่มต้นนับหนึ่งด้วยหัวใจฟุตบอลและมีปณิธานแรงกล้าที่จะพัฒนาวงการลูกหนังไทย ให้ไปไกลกว่าเดิม
[ 5 ] การตลาดมีส่วนคล้ายกัน
ในอดีต เมืองทอง คือสโมสรที่สะสมนักเตะฝีเท้าดีจากทั้งประเทศ พวกเขาเคยมีกองกลางสายคลาสสิกรวมตัวอยู่พร้อมกันหลายรายในปีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, กิตติพล ปาภูงา, นรงค์ชัย วชิรบาล และคืนอื่นๆ ที่ต่างตบเท้าเข้าสู่รั้ว ธันเดอร์โดม
ขณะที่แข้งต่างชาติ พวกเขาก็สร้างปรากฏการณ์สะท้านวงการลูกหนังทั่วโลกด้วยการดึง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานศูนย์หน้า ลิเวอร์พูล มาค้าแข้งในเมืองไทย ได้อย่างเหลือเชื่อ
นับจากนั้นเป็นต้นมา ผู้เล่นมากดีกรีก็ทยอยกันมาเล่นให้ เมืองทอง มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยูรอฟสกี้ (ทีมชาติมาซิโดเนีย), พัก นัม โชล (ทีมชาติเกาหลีเหนือ), รี ควาง ชอน, (ทีมชาติเกาหลีเหนือ), เจย์ โบธรอยด์ (ทีมชาติอังกฤษ), คิม ดอง-จิน (ทีมชาติเกาหลีใต้), อี โฮ (ทีมชาติเกาหลีใต้) ซึ่งชื่อเหล่านี้บางรายผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วทั้งสิ้น
การได้นักเตะระดับนี้เข้ามา แม้จะต้องจ่ายค่าจ้างแสนแพง แต่มันถูกตอบแทนด้วย 'มูลค่า' ทางการตลาดของสโมสรที่เพิ่มสูงขึ้นในทันที
หากกิเลนผยองคือแหล่งสะสมแข้งมากดีกรีในยุคก่อนหน้า - ลำพูน ก็คือทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะค่าตัวสูงเช่นกันในปัจจุบัน
เจฟเฟรน ซัวเรซ อดีตเยาวชนของ บาร์เซโลน่า ผู้เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ลีโอเนล เมสซี่, ชาบี, อันเดรียส อีเนี้ยสต้า มาแล้ว ยอมมาโลดแล่นในเมืองไทย แบบสุดเซอร์ไพรส์
ไม่พอเพียงเท่านี้ ราชันโคขาวยังมี อาลี่ ชิสโซโก้ ซึ่งติดทีมชาติฝรั่งเศส ชุดใหญ่มาแล้ว แถมผ่านประสบการณ์กับสโมสรใหญ่ในยุโรป ทั้ง ลีญง (ฝรั่งเศส), บาเลนเซีย (สเปน), ปอร์โต้ (โปรตุเกส) และรวมไปถึง ลิเวอร์พูล
นี่คือ 2 นักเตะที่เคยเล่นในลีกระดับโลกมาแล้ว ทว่า ลำพูน กลับสามารถดึงตัวมาได้สำเร็จ แม้ว่าพวกเขาจะย้ายมาในช่วงที่วัยเกิน 30 ไปแล้ว แต่อย่างน้อย การมาถ่ายทอดวิชาให้กับกลุ่มผู้เล่นไทย ก็ถือว่าราชันโคขาวสร้างประโยชน์ให้ลีกเช่นกัน เพราะการที่แข้งระดับนี้จะมาเล่นที่นี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
ดังนั้นทั้ง เมืองทอง และ ลำพูน จึงเป็นทีมที่มีจุดเกาะเกี่ยวในด้านการประชาสัมพันธ์สโมสรที่คล้ายคลึงกันไม่น้อยเลยทีเดียว