ไทยลีก 2022-23 อาจจะเป็นฤดูกาลที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ทว่าการชิง 'อันดับ 3' ยังมีเข้มข้นในทุกๆ สัปดาห์ กับการแข่งทำแต้มกันแบบตาต่อตา-ฟันต่อฟัน และด้วยโปรแกรมอีก 7 นัด ที่เหลืออยู่ 'SIAMSPORT' จึงรวบรวมข้อมูล เพื่อมาวิเคราะห์ให้คุณอ่านว่าสโมสรใดมีโอกาสมากที่สุดที่จะจบด้วยตำแหน่งนี้!!
*** ทั้งนี้ ตามกฎของ ไทยลีก นั้นระบุว่า หากแต้มเท่ากันให้ใช้สถิติ HEAD to HEAD และถ้ายังเท่ากันอีก ให้นับจำนวนประตูได้เสีย ดังนั้น เมืองทอง จึงอยู่อันดับ 7 เนื่องจาก HEAD to HEAD เป็นรอง ทั้ง เชียงราย ยูไนเต็ด กับ ราชบุรี เอฟซี ***
ชลบุรี เอฟซี
อันดับปัจจุบัน: 3 (37 คะแนน)
ฉลามชลออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 7 จาก 8 นัดแรกของฤดูกาล ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมในช่วงเลกแรก โดยมีช่วง 3 สัปดาห์ ที่ผงาดยึดจ่าฝูง และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ยังเกาะกลุ่มมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาผู้เล่นหลักทยอยกันบาดเจ็บ ทำให้ ชลบุรี ทำผลงานได้ไม่ดีนักในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 กับการไม่ชนะใครเลยใน 5 เกม หลังสุด แถมเล่นนอกบ้านก็ไร้ชัย 7 แมตช์รวด โดยเป็นการแพ้ถึง 5 นัด เลยทีเดียว
ปัจจุบันพวกเขารั้งอันดับ 3 ของ ตารางก็จริง แต่จากโปรแกรมที่เหลืออยู่อีก 7 นัด จะต้องเจอทีมใหญ่ ไล่ตั้งแต่ ราชบุรี, เชียงราย, การท่าเรือ และ บีจี ปทุม ซึ่งแต่ละเกมจัดว่าโหดๆ ทั้งนั้น แถมพวกเขายังเหลือการปะทะกับกลุ่มหนีตกชั้นอย่าง สุโขทัย, ลำปาง รวมไปถึง นครราชสีมา มันจึงทำให้โอกาสที่ฉลามชลจะหล่นไปอยู่กลางตารางเมื่อจบฤดูกาลมีสูงจริงๆ
โปรแกรมที่รออยู่: ราชบุรี (เหย้า), สุโขทัย (เยือน), เชียงราย (เหย้า), ลำปาง (เยือน), นครราชสีมา (เหย้า), การท่าเรือ (เยือน), บีจี ปทุม (เยือน)
การท่าเรือ เอฟซี
อันดับปัจจุบัน: 4 (36 คะแนน)
จริงๆ แล้วด้วยศักยภาพนักเตะ ทั้งแข้งไทย รวมไปถึงผู้เล่นต่างชาติ - การท่าเรือ น่าจะอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์กับ บุรีรัมย์ ด้วยซ้ำ เพราะขุมกำลังของพวกเขาในทุกๆ ตำแหน่งนั้นจัดว่าครบเครื่องสุด ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ไปจนถึงกองหน้า
ทว่าความเปลี่ยนแปลงมากมายทำให้ฟอร์มการเล่นของยอดทีมแห่งย่านคลองเตย ไม่สม่ำเสมอ อยู่ระหว่างอันดับ 5-7 นานกว่า 22 สัปดาห์ กระทั่งการมาของ 'โค้ชคู่' โชคทวี พรหมรัตน์ และ สุรพงษ์ คงเทพ ที่ทำให้สิงห์เจ้าท่าเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม หากต้องการจะจบอันดับ 3 ของตารางให้ได้ - การท่าเรือ จะต้องเก็บแต้มจากโปรแกรมที่เหลืออยู่ ซึ่งจัดว่าหนักหนาสาหัสเอาการทีเดียว เนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับ บุรีรัมย์, เชียงราย, ราชบุรี และ ชลบุรี ซึ่งอยู่กลุ่มหัวตาราง แถมยังมีพวกที่ต้องการแต้มสุดๆ ทั้ง สุโขทัย, นครราชสีมา รวมไปถึง ลำพูน ที่อยู่โซนสีแดง
หากว่าเก็บคะแนนได้อย่างน้อย 15 แต้ม โอกาสที่พวกเขาจะคว้าอันดับ 3 ก็มีสูงไม่น้อยเลยทีเดียว และอย่าลืมว่าเวลานี้ การท่าเรือ ไม่ต้องเล่นฟุตบอลถ้วยแล้ว ดังนั้นจึงสามารถทุ่มสมาธิไปที่ ไทยลีก ได้เต็มๆ
โปรแกรมที่รออยู่: สุโขทัย (เหย้า), เชียงราย (เยือน), ราชบุรี (เหย้า), นครราชสีมา (เยือน), บุรีรัมย์ (เยือน), ชลบุรี (เหย้า), ลำพูน (เยือน)
ราชบุรี เอฟซี
อันดับปัจจุบัน: 5 (35 คะแนน)
พัฒนาการของ ราชบุรี ดีขึ้นในทุกๆ ซีซั่น ซึ่งนั่นต้องยกเครดิตให้กับการเอาจริงเอาจังของฝ่ายบริหารสโมสรที่พยายามยกระดับทีมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ และผลของความมุ่งมั่นก็เริ่มสัมฤทธิผลทีละนิด โดยเฉพาะฤดูกาล 2022-23 ที่พวกเขายืนหยัดอยู่ในกลุ่มหัวตารางได้ยาวนานถึง 22 สัปดาห์
ทว่าการหายไปของ จักรพันธ์ แก้วพรม เพลย์เมเกอร์คนสำคัญที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน นั้นส่งผลต่อฟอร์มการเล่นจริงๆ โดยเฉพาะ 5 เกม หลังสุด ที่พวกเขาไม่สามารถเก็บ 3 คะแนน ได้เลย โดยเป็นการแพ้ไปถึง 3 นัด และเสมออีก 2 แมตช์
เท่านั้นไม่พอ โปรแกรมที่เหลืออยู่อีก 7 นัด - ราชบุรี ต้องเจอคู่แข่งที่ต้องการแต้มทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี, การท่าเรือ, บีจี ปทุม และ เมืองทอง ที่ลุ้นอันดับ 3 ด้วยกัน รวมไปถึง นครราชสีมา กับ ประจวบ ที่ต้องการคะแนนเพื่อหนีตกชั้น ไหนจะมี บุรีรัมย์ ที่ปรารถนาจะรักษาสถิติ 'ไร้พ่าย' อีกต่างหาก
นอกจากนี้ต้องอย่าลืมว่าราชันมังกรยังมี ลีก คัพ ให้ลุ้นอีกหนึ่งใบ ซึ่งทำให้ต้องแบ่งใจไปฟุตบอลถ้วยด้วยเช่นกัน
โปรแกรมที่รออยู่: ชลบุรี (เยือน), นครราชสีมา (เหย้า), การท่าเรือ (เยือน), ประจวบ (เหย้า), บีจี ปทุม (เยือน), บุรีรัมย์ (เหย้า), เมืองทอง (เยือน)
เชียงราย ยูไนเต็ด
อันดับปัจจุบัน: 6 (35 คะแนน)
นับตั้งแต่คว้าโทรฟี่ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2017 - เชียงราย ก็ค่อยๆ สถาปนาตัวเองสู่การเป็นสโมสรใหญ่ของสยามประเทศ กระทั่งมาพีกสุดกับการผงาดสู่แชมป์ ไทยลีก 2019 ได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
กว่างโซ้งมหาภัยคือหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยยากที่สุดของ ไทยลีก พวกเขามีความสมดุลทั้งรับและรุก จนทำให้คู่ต่อสู้ต่างต้องขยาดเมื่อเผชิญหน้า และในฤดูกาล 2022-23 มาตรฐานนั้นก็ไม่ได้ตกลงไป เพราะว่า เชียงราย มีคะแนนเกาะกลุ่มผู้นำแบบใกล้ชิด
การตกรอบฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ น่าจะทำให้พวกเขาหันมาโฟกัสกับ ไทยลีก อย่างเต็มตัว แต่ด้วยโปรแกรมที่เหลืออยู่ มันก็ไม่มีเกมไหนเลยที่จะเก็บแต้มได้ง่ายๆ ทว่าจะดูดีกว่าทีมลุ้นอันดับ 3 ทีมอื่นๆ หน่อยตรงที่จะได้เจอกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ซึ่งไม่ต้องดิ้นรนอะไรแล้วในเกมสุดท้ายของซีซั่น
โปรแกรมที่รออยู่: นครราชสีมา (เยือน), การท่าเรือ (เหย้า), ชลบุรี (เยือน), บุรีรัมย์ (เหย้า), เมืองทอง (เยือน), บีจี ปทุม (เหย้า), โปลิศ เทโร (เยือน)
เมืองทอง ยูไนเต็ด
อันดับปัจจุบัน: 7 (35 คะแนน)
เป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันที่ เมืองทอง ไร้ถ้วยรางวัลติดมือ ซึ่งถือเป็นห้วงเวลาที่นานที่สุดที่พวกเขาเว้นวรรคจากความสำเร็จนานถึงเพียงนี้
อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ ในช่วงเลกแรก โดยหล่นไปอยู่อันดับ 12 อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงหลัง นับตั้งแต่ มิลอส โยซิช เข้ามาเป็นผู้ช่วยของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ซึ่งนับตั้งแต่เทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย ได้คลุกวงใน - กิเลนผยองก็ฟอร์มจัดจ้านกับการเก็บชัยชนะได้ 4 จาก 5 นัด หลังสุด ทั้งๆ ที่ต้องเจอกับบิ๊กทีมอย่าง บุรีรัมย์, ชลบุรี, บีจี ปทุม และ การท่าเรือ
ด้วยความที่เหลือเพียงฟุตบอลลีกเท่านั้น บวกกับการจะได้เล่นที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม อีก 5 จาก 7 เกม มันจึงทำให้ เมืองทอง ได้เปรียบคู่แข่งแย่งชิงอันดับ 3 แต่ก็จะหนักหน่อยตรงที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมต้องการแต้มหนีตกชั้น ทั้ง ประจวบ, ลำพูน, ขอนแก่น และ หนองบัว พิชญ
โปรแกรมที่รออยู่: ประจวบ (เยือน), ลำพูน (เหย้า), ขอนแก่น (เหย้า), หนองบัว พิชญ (เหย้า), เชียงราย (เหย้า), แบงค็อก (เยือน), ราชบุรี (เหย้า)
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
อันดับปัจจุบัน: 8 (29 คะแนน)
แม้ว่าแต้มของ บีจี ปทุม จะดูห่างไกลจากอันดับ 3 ณ ปัจจุบัน อย่าง ชลบุรี ถึง 8 คะแน แต่ด้วยทรัพยากรผู้เล่นกระต่ายแก้วที่อุดมไปด้วยแข้งทีมชาติไทย ส่วนโควตานอกก็คือระดับท็อปของประเทศ จึงเชื่อได้เลยว่าไม่มีใครกล้าประมาทอดีตแชมป์ ไทยลีก 2020-21 แน่นอน
ฤดูกาล 2022-23 ถือเป็นห้วงเวลาที่ย่ำแย่ของพวกเขา กับการอยู่กลางตาราง และไต่อันดับได้สูงสุดเพียงแค่อันดับ 5 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นผลงานที่ล้มเหลวสำหรับสโมสรใหญ่อย่าง บีจี ปทุม
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 7 นัด ที่ เดอะ บลู แมชีน ยังสามารถเก็บแต้มเพื่อไปจบในที่ที่ควรจะเป็นได้อยู่ โดยมีถ้วย ลีก คัพ เป็นโบนัส แม้ว่าโปรแกรมต่อจากนี้จะไม่ง่ายก็ตาม แต่ถ้าทัพนักเตะกระต่ายแก้วคืนฟอร์มเมื่อไหร่ รับประกันได้เลยว่าพวกเขาสามารถเอาชนะได้ทุกทีมเช่นกัน
โปรแกรมที่รออยู่: แบงค็อก (เหย้า), ลำปาง (เยือน), นครราชสีมา (เหย้า), สุโขทัย (เยือน), ราชบุรี (เหย้า), เชียงราย (เยือน), ชลบุรี (เหย้า)