นับตั้งแต่เสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-4 ดูเหมือนว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด จะทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างชัดเจน
แต่จริงๆ แล้ว หากใครได้ชมการเล่นของกิเลนผยอง คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย มีสไตล์ที่โดดเด่น หรือเรียกสั้นๆ ในภาษาลูกหนังคือ 'ทรงบอลดี' นั่นเอง
เปิดเลกที่สอง พวกเขาอาจจะแพ้ไปถึง 3 นัด และกระเด็นตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการแบบน่าเจ็บปวด
ทว่าทุกนัดที่ลูกทีมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ลงสนาม ไม่มีเกมใดเลยที่เป็นรองคู่ต่อสู้
แม้กระทั่ง บุรีรัมย์ ที่แข็งแกร่งเกินต้านไหว ก็ยังเกือบจะเอาตัวไม่รอดเมื่อเจอกับกิเลนผยอง
ด้วยเหตุนี้นี่แหละที่ทำให้บอร์ดบริหารของ เมืองทอง ยังไว้ใจในตัว ยูรอฟสกี้ ที่อาจจะอ่อนพรรษาในงานโค้ช แต่ทิศทางการทำทีมของกุนซือชาวมาซิโดเนีย นั้นใครๆ ก็มองออกว่ามีอนาคตอันเรืองรองรออยู่ที่ปลายทาง
บทเรียนที่เขาได้รับจากการนำปราสาทสายฟ้า 4-1 แล้วถูกตีเสมอ 4-4 ในช่วงเวลา 15 นาที คือประสบการณ์อันล้ำค่าที่เอามาปรับใช้ใน 2 แมตช์ล่าสุดที่ได้ 6 แต้มเต็ม ด้วยสไตล์การเล่นแบบเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยแท็กติกที่เข้มข้นมากขึ้น
7 คะแนน จากทีมอย่าง บุรีรัมย์, ชลบุรี เอฟซี และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เกิดจากความพยายามอย่างหนักหน่วงพวกเขาที่ยึดมั่นในแนวทางและวิธีการ
แม้ว่าเกมนัดล่าสุดที่เฉือนชนะ บีจี ปทุม นั้นทีมกระต่ายแก้วจะไม่ได้ขนผู้เล่นชุดจัดเต็มมาก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คือการเล่นในสไตล์ของ เมืองทอง นั่นเอง
ตลอดทั้ง 90 นาที ที่ ธันเดอร์โดม - โอกาสยิงของ เดอะ บลู แมชีน แทบจะนับครั้งได้ ส่วนเรื่องเปอร์เซ็นต์การครองบอลไม่ต้องพูดถึง พวกเขาถูกกิเลนผยองพับสนามบุกแบบนัน-สต็อป
ศูนย์หน้าตัวเป้าอย่าง เบน อาซูเบิ้ล ยังยืนสูงได้เพียงแค่เส้นกลางสนามเท่านั้นเอง
ฟุตบอลของ เมืองทอง ที่ ยูรอฟสกี้ พยายามปลุกปั้นเริ่มออกดอก-ออกผลทีละนิด
อย่าลืมว่านักเตะอายุน้อยก็กำลังเติบใหญ่แบบมีคุณภาพ และบวกกับขุมกำลังเดิมที่เริ่มจูนกันติด มันจึงทำให้ศักยภาพของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมั่นคง
ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ จางหายไป การได้ มิลอส โยซิช เข้ามาช่วยแก้ไขเรื่องเกมรับ น่าจะขจัดปัญหาตรงจุดได้เหมาะเหม๋ง เหลือเพียงการเติมผู้เล่นในส่วนที่ต้องการ เมืองทอง ก็จะกลับมาเป็นอยู่ในตำแหน่งหัวแถวของประเทศอีกแน่
ฤดูกาล 2022-23 ของพวกเขาอาจจะไร้ถ้วยรางวัลเป็นซีซั่นที่ 5 ติดต่อกัน แต่มันคือจุดเริ่มต้นของ 'ยุคใหม่' ภายใต้ฟุตบอลแบบมีสไตล์ของกิเลนผยอง
ขอเพียงไม่ประสบและพบเจอความมหัศจรรย์ของฟุตบอลไทย ที่มักจะแวะเวียนมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ รับประกันได้เลยว่า เมืองทอง จะต้องมีโทรฟี่ติดมือในอนาคตอันใกล้นี้
ได้เวลากิเลนร่ายรำสักที
ชิกกะด้าว