ผิดเต็มเปา! "กชภูมิ มีศรีเดชา" เชิ๊ตดำคู่กิเลน-บุรีรัมย์โดนคณะวินัย ส.บอลไทยฯ ลงดาบหลัง "มาริโอ ยูรอฟสกี้" กุนซือเมืองทองฯ อัดเชิ้ตดำหลังจบเกมเนื่องจากท่านเปาตัดสินผิดพลาดหลายจังหวะ ระบุบทลงโทษให้ "เปากชภูมิ" พักทำหน้าที่ 2 วีกเริ่มวันที่ 23 ก.พ.ถึงวันที่ 9 มี.ค.66
สืบเนื่องจากกรณีเมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งหนังสือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินกชภูมิ มีศรีเดชา หลังมองว่ามีการทำหน้าที่ผิดพลาดถึง 5 ครั้งในศึกไทยลีก 2022-23 นัดที่ 19 เกมคู่ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สนามธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ.66
ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.พ.66 คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวแล้ว โดยพิจารณาแบ่งเป็น 5 เหตุการณ์ดังต่อไปนี้
เหตุการณ์ที่ 1 นาทีที่ 24 ปรเมศย์ อาจวิไล นักเตะเมืองทองฯ ครองบอลบริเวณกลางสนามและพลิกบอลกำลังจะเลี้ยงขึ้นไปในแดนของบุรีรัมย์ฯ แต่ ธีราทร บุญมาทัน ได้เข้ามาเจตนาทำฟาล์วเพื่อตัดเกมอย่างชัดเจน โดยไม่ได้มีเจตนาเล่นที่บอลแต่อย่างใด ผู้ตัดสินให้เป็นเพียงการฟาล์วแก่เมืองทองฯ แต่ไม่ได้ให้ใบเหลืองกับ ธีราทร บุญมาทัน ทั้งที่จังหวะดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเล่นที่บอลและเป็นการเข้าบอลที่รุนแรง
จากเหตุการณ์ที่ 1 คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ ได้พิจารณามีมติเสียงข้างมากว่า กชภูมิ มีศรีเดชา ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันฯ ให้ลงโทษตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์ (ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสินข้อ 1.1.4 กรณีใบเหลืองแต่ไม่ให้ใบเหลือง และอาจจะมีผลต่อการแข่งขัน)
เหตุการณ์ที่ 2 นาทีที่ 53 ปรเมศย์ อาจวิไล เลี้ยงบอลเข้าไปยังกรอบเขตโทษของบุรีรัมย์ฯ และกำลังจะได้หลุดไปทำประตู แต่พรรษา เหมวิบูลย์ ได้เข้ามาขวางและชนโดยที่ไม่ได้มีเจตนาเล่นที่บอล ทำให้ปรเมศย์ อาจวิไล ล้มลงและเสียโอกาสในการทำประตู แต่ผู้ตัดสินกลับไม่เป่าให้ฟาล์วและชี้เป็นจุดโทษในจังหวะดังกล่าว ทั้งที่เป็นการขัดขวางการทำประตูในเขตโทษอย่างชัดเจน
แม้ว่าฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน จะออกมาชี้แจงว่ากรณีนี้ไม่เป็นลูกจุดโทษ เนื่องจากปรเมศย์ อาจวิไล เสียหลักล้มลงไปเอง แต่เมื่อพิจารณาจากภาพช้าแล้ว ปรเมศย์ อาจวิไล ถูกทางด้าน เรบิน ซูลาก้า ยืดขามาขวางในจังหวะแรกก่อนเข้าเขตโทษอีกด้วย ทำให้ ปรเมศย์ อาจวิไล เสียหลัก ซึ่งเหตุการณ์นี้ควรเป็นการฟาล์วและเมืองทอง ยูไนเต็ด ควรได้ฟรีคิกบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ
จากเหตุการณ์ที่ 2 คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเอกฉันท์ กชภูมิ มีศรีเดชา ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง โดยให้เหตุผลว่าเป็นลักษณะการชนที่เกิดจากต่างคนต่างเคลื่อนเข้าหาลูกบอล เป็นปกติของการเล่นโดยไม่ถือเป็นการทำผิดกติกา โดยพิจารณาว่าฝ่ายรุกเป็นผู้เคลื่อนตัวผิดจังหวะจึงเกิดการชนกัน ไม่ได้มีการกระทำผิดของผู้เล่นฝ่ายรับ
เหตุการณ์ที่ 3 นาทีที่ 69 ผู้ตัดสินได้เป่าฟาล์วให้เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ เรบิน ซูลาก้า นักเตะบุรีรัมย์ฯ ได้แสดงอาการไม่พอใจต่อคำตัดสิน โดยการทุ่มบอลลงพื้น ซึ่งเป็นกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสม เหตุการณ์นี้ ผู้ตัดสินควรที่จะให้ใบเหลืองกับ เรบิน ซูลาก้า
จากเหตุการณ์ที่ 3 คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเอกฉันท์ กชภูมิ มีศรีเดชา ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันฯ ให้ลงโทษตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (2) ภาคทัณฑ์ (ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสิน ข้อ 1.15 กรณีใบเหลือง แต่ไม่ให้ใบเหลือง ไม่มีผลต่อการแข่งขัน (กรณีชะลอการเริ่มเล่นการคัดค้าน))
เหตุการณ์ที่ 4 นาทีที่ 84 เอกนิษฐ์ ปัญญา นักเตะเมืองทองฯ เลี้ยงบอลขึ้นหน้าไปในแดนของบุรีรัมย์ฯ ในขณะนั้นเอง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ได้จงใจเข้ามาตัดเกมจากด้านหลัง โดยเอาขาเข้ามาสะกิดและขวางบริเวณหัวเข่าของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ทำให้ เอกนิษฐ์ ปัญญา เสียหลักและล้มลง ซึ่งการเข้าบอลในจังหวะดังกล่าวไม่มีเจตนาที่จะเล่นฟุตบอลแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้จึงควรให้ใบเหลืองที่สองและเป็นใบแดงของ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
จากเหตุการณ์ที่ 4 คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเอกฉันท์ กชภูมิ มีศรีเดชา ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความรุนแรงและไม่ใช่เป็นการหยุดโอกาสในการรุกของฝ่ายตรงข้ามเพราะมีผู้เล่นฝ่ายรับอีกหลายคนที่สามารถมาสกัดลูกบอลได้ ถือว่าตัดสินถูกต้อง
เหตุการณ์ที่ 5 นาทีที่ 85 พิชา อุทรา นักเตะมืองทองฯ ได้จังหวะขึ้นโหม่งบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของบุรีรัมย์ฯ ซึ่งในจังหวะดังกล่าว พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ก็พยายามจะเข้ามาเล่นด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่เป็นการกระโดดแย่งโหม่ง โดยพีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ยืนหนุนและผลัก อีกทั้งเตะสูงจากทางด้านหลัง ซึ่งทำให้ พิชา อุทรา เสียหลักและตกลงมากระแทกพื้นอย่างไม่มีหลัก การเล่นในจังหวะดังกล่าวของพีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ถือว่าเป็นการเล่นที่อันตรายไม่มีเจตนาจะเล่นฟุตบอล แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้เป่าให้เป็นการฟาล์วแต่อย่างใด ทั้งที่ตำแหน่งดังกล่าวสำคัญมากมีโอกาสเป็นจุดโทษหรือฟรีคิกหน้าเขตโทษ
จากเหตุการณ์ที่ 5 คณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ มีมติเอกฉันท์ นายกชภูมิ มีศรีเดชา ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันฯให้ลงโทษตามบทลงโทษ หมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (2) ภาคทัณฑ์ (ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสิน ข้อ 1.14 พิจารณาการกระทำผิดกติกาผิดพลาด ไม่ส่งผลต่อการแข่งขัน)
ทั้งนี้ บทสรุปลงโทษผู้ตัดสิน กชภูมิ มีศรีเดชา กรณีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์ และกรณีที่ 3 กับกรณีที่ 5 ตัดสินบกพร่องถูกพิจารณาโทษภาคทัณฑ์สองครั้ง ให้ลงโทษตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 1 สัปดาห์ รวมผลการพิจารณาโทษ กชภูมิ มีศรีเดชา พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.66 ถึง วันที่ 9 มี.ค.66