การเดินทางของ มาริโอ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด

การเดินทางของ มาริโอ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด
มหากาพย์ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ จบลงไป หลังการตัดสินใจ 'อยู่ต่อ' กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ปิดฉากข่าวลือว่าจะอำลาทีม และในเมื่อเขายังเป็นเฮดโค้ชกิเลนผยอง 'SIAMSPORT' จึงขอจัดสิ่งที่จะดำเนินต่อไปของยักษ์ใหญ่แห่งย่านแจ้งวัฒนะในอนาคตข้างหน้า!!

1 ฟุตบอลมีสไตล์เดินหน้าต่อ

   ปรัชญาฟุตบอลของ เมืองทอง ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 2007 คือ 'เกมรุก' ที่พวกเขาพยายามสร้างทีม โดยให้ความสำคัญกับการยิงประตูเป็นหลัก เพื่อเอนเตอร์เทนแฟนๆ ที่เข้ามาชมการแข่งขัน

   อย่างไรก็ตามตลอดทั้ง 4 ครั้ง ที่กิเลนผยองได้ชูโทรฟี่ลีกสูงสุดของเมืองไทย ยังไม่มีหนใดที่สไตล์การเล่นชัดเจนเท่ากับปัจจุบัน

   2009 ตอนนั้นคือทีมน้องใหม่ของ ไทยลีก ที่อุดมไปด้วยนักเตะทีมชาติไทย บวกกับ ซูมาโฮโร่ ยาย่า และ ดานโญ่ เซียก้า ซึ่งเป็นโควตาต่างชาติที่เป็น 'ของจริง' จึงทำให้เหนือกว่าทีมอื่นๆ 

   2010 ต่อยอดความสำเร็จจากการนำเข้าผู้เล่นทีมชาติมากมาย และสถาปนาตัวเองสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของสยามประเทศอย่างแท้จริง

   2012 กลับมาทวงแชมป์ด้วยการนำ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ รวมทั้งยังกลายเป็นแชมป์ 'ไร้พ่าย' ทีมแรกของเมืองไทย

   2016 กับการมีนักเตะทีมชาติไทย อยู่เกินกว่า 11 คน แถมแต่ละรายยังได้ย้ายไปเล่นใน เจลีก ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ 

   ทั้ง 4 สมัย ที่ เมืองทอง ฉลองแชมป์ - สไตล์การเล่นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก

   กระทั่งถึงตุลาคม 2020 ที่ ยูรอฟสกี้ ก้าวมารับบทแม่ทัพใหญ่ของทีม นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาค่อยๆ ปรุงแต่งกิเลนผยองให้เล่นฟุตบอลที่สวยงาม ไม่มีเตะโฉ่งฉ่าง ต่อบอลกับพื้นเป็นหลัก สร้างเกมจากแดนหลัง และอีกหลายๆ อย่างที่ชมแล้วเพลินตา

   ดังนั้นการที่เทรนเนอร์ชาวมาซิโดเนีย ยังอยู่ในตำแหน่ง จึงรับประกันได้เลยว่าสไตล์ฟุตบอลของ เมืองทอง จะยังชัดเจนและโก้เก๋เช่นเดิมแน่นอน

2 นักปั้นชั้นดี

   ด้วยความที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน เขาย่อมผ่านช่วงเวลาที่ยังเป็น 'ดาวรุ่ง' เช่นกัน

   จากประสบการณ์ในอดีต ยูรอฟสกี้ จึงรู้ซึ้งถึงความยากลำบากกว่าที่จะเติบใหญ่บนถนนสายลูกหนัง เพราะถ้าสอบผ่าน คุณก็ได้ไปต่อ มีงาน มีเงิน มีชื่อเสียง 

   ทว่าถ้าสอบตก คุณก็ไม่อาจจะก้าวข้าม เงิน, งานและชื่อเสียงน่ะมีแน่ แต่คงไม่มากมาย เหมือนเช่นนักเตะดังๆ มูลค่าสูง 

   แต่กว่าจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ทุกคนต่างต้องเคยเป็น 'ดาวรุ่ง' มาก่อน

   ยูรอฟสกี้ เองก็คือหนึ่งในนั้น

   นับตั้งแต่เข้ามาคุมกิเลนผยองเมื่อตุลาคม 2020 ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเยาวชนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้ในทุกๆ ปี ที่ เมืองทอง จะส่งนักเตะอายุน้อยลงไปฟาดฟันใน ไทยลีก

   ปัณณวัชร์ โชติจิรชัยธรณ์, ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, นิติศักดิ์ อนุลุน, คคนะ คำยก และอื่นๆ อีกมากมายที่ได้เฉิดฉายภายใต้การกำกับของ ยูรอฟสกี้

   ไม่นับรวมบรรดาแข้งอายุน้อยอย่าง ปรเมศย์ อาจวิไล, วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร, พัชรพล อินทนี หรือ กรวิชญ์ ทะสา ที่อาจจะได้รับโอกาสมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น แต่พวกเขาเหล่านี้ได้เป็นตัวหลักตอนที่กุนซือวัย 37 ปี เข้ามาคุมทีม

   ดังนั้นการที่ ยูรอฟสกี้ ยังเป็นเฮดโค้ช เมืองทอง ต่อไป ยังไงเสีย 'ดาวรุ่ง' จะได้โอกาสอีกแน่ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า เมื่อโอกาสมาถึง พวกเขาเหล่านั้นจะคว้ามันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

3 อนาคตสดใส

   ก่อนหน้าการมาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ - ลิเวอร์พูล คือทีมที่ไม่มีความแน่นอนในหลายๆ สิ่ง พวกเขาคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่และมีรากฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน

   แต่ร้างราความสำเร็จแบบเป็นรูปธรรมมาแสนนาน

   กระทั่ง คล็อปป์ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชในปี 2015

   กุนซือชาวเยอรมัน ต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างทีม เขาค่อยๆ ปรับจูนอยู่พักใหญ่ ซึ่งแน่นอน เสียงวิพากษ์-วิจารณ์ต้องตามมาเสมอ เนื่องจากช่วงแรกๆ นั้นไม่มีถ้วยรางวัลเข้ามาสู่ตู้โชว์ที่ แอนฟิลด์ เลยสักใบ

   ทว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นคือ 'ทรงฟุตบอล' ของ ลิเวอร์พูล ดูดีมีราศีขึ้นกว่าเก่าก่อน คำว่า 'เครื่องจักรสีแดง' ถูกยกกลับมาอีกครั้ง หลังห่างหายไปนานเกือบ 30 ปี 

   ท่ามกลางความกดดัน คล็อปป์ ยังเชื่อมั่นในปรัชญาฟุตบอลของเขาที่ส่งต่อไปสู่ลูกทีม กระทั่งมาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2019-20 หยุดการรอคอยอันแสนทรมานเสียที

   อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่หอมหวนนั้นเกิดจากการที่ คล็อปป์ อดทนต่อสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา โดยยึดมั่นในหลักการทำทีมของตนเอง กระทั่งบรรลุเป้าหมายในที่สุด

   เช่นเดียวกันกับ ยูรอฟสกี้ ที่รังสรรค์ เมืองทอง ได้ดูไฉไลสดใสมีอนาคต

   แน่นอนว่าฟุตบอลสไตล์นี้ย่อมมีช่องให้คู่ต่อสู้โจมตีมากมาย แต่ถ้าเขาค่อยๆ ปรับแก้จุดที่บกพร่องได้สำเร็จ รับประกันเลยว่ากิเลนจะต้องกลับมาผยองได้แน่นอน

   แม้ว่าหลายๆ ครั้ง อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย จะไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ ซึ่งก็ทำให้กองเชียร์ผิดหวังตามๆ กัน แต่ก็ไม่มีแฟนๆ คนใด กล้าปฏิเสธได้เช่นกันว่า 'ไม่ปลื้ม' กับฟุตบอลสไตล์นี้

   มันไม่ง่ายเลยกับการคุมสโมสรใหญ่แล้ว 'กล้า' ที่จะรับความเสี่ยงที่จะตามมา แต่ด้วยความที่ปลายทางมีแสงสว่างรออยู่ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าการที่ ยูรอฟสกี้ ยังเป็นแม่ทัพใหญ่ เขาจะนำความสำเร็จกลับมาแน่ๆ ในอนาคตข้างหน้า

4 แฟนฟุตบอลเข้าสนามเพิ่มขึ้น

   ย้อนกลับไปราวๆ 10 กว่าปีที่แล้ว ในห้วงที่ฟุตบอลไทย ยังไม่เป็นอาชีพแบบเต็มตัวเฉกเช่นปัจจุบัน - ผู้เล่นต่างชาติที่เข้ามาหากินบนแผ่นดินขวานทอง ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ประเภท 'ของจริง' เนื่องจากคอนเนกชั่นในสมัยนั้นยังไม่กว้างไกลเช่นทุกวันนี้ 

   กระทั่งฤดูกาล 2012 ที่ เมืองทอง ประกาศคว้าตัว ยูรอฟสกี้ ซึ่งมีดีกรีทีมชาติมาซิโดเนีย พ่วงท้าย - นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทรนด์การนำเข้าแข้งนอกของทุกสโมสรจึงได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

   คงจะไม่เกินเลย หากจะยกย่องว่าเขาคือนักเตะต่างชาติที่เข้ามายกระดับให้กับวงการลูกหนังไทย อย่างแท้จริง  

   ประตูสุดมหัศจรรย์, การจ่ายอลที่เฉียบขาด ที่ส่ง ธีรศิลป์ แดงดา เป็นดาวซัลโว, ท่าดีใจแบบสุดโต่ง จนตัวเองเคยถูกไล่ออกมาแล้ว และอีกมากมายที่ตำนานหมายเลข 20 ของกิเลนผยองรังสรรค์ในทุกๆ สัปดาห์

   จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ยูรอฟสกี้ เป็นผู้เล่นต่างชาติที่สาวกกิเลนผยองรักใคร่มากมากที่สุดอันดับหนึ่ง

   แม้กระทั่งการผันตัวเองมาเป็นโค้ช แฟนๆ ก็ยังให้การสนับสนุนเขาอยู่เสมอ อาจจะมีบ้างที่ตำหนิเรื่องผลงานการทำทีม แต่ลึกๆ แล้ว พวกเขาก็รู้ดีว่าอดีตเพลย์เมเกอร์คนนี้เป็นขวัญใจของตนเอง

   ดังนั้นการที่ ยูรอฟสกี้ ยังอยู่ในตำแหน่งกุนซือของ เมืองทอง รับประกันได้เลยว่าหนนี้เขาจะมี 'กำลังใจ' จากเหล่ากิเลนผยองเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และนั่นคงทำให้บรรยากาศที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ซึ่งมีเสน่ห์อยู่แล้ว จะยิ่งมีมนต์ขลังขึ้นไปอีก

5 กุนซือผู้สร้างสีสัน

   ยูรอฟสกี้ คือเฮดโค้ชที่สร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลไทย อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องของการ 'แต่งกาย' ที่มีรสนิยมและเท่มากๆ ในทุกๆ เกมที่เขาคุมทัพอยู่ข้างสนาม

   สปอตไลต์และแสงแฟลชต่างสาดส่องไปที่กุนซือชาวมาซิโดเนีย อยู่เสมอในแมตช์แข่งขัน เพราะมาดของเขานั้นเหลือร้ายจนทุกคนต้องชายตามอง

   นอกจากเรื่องการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ เขายังเป็นเทรนเนอร์ที่มีอารมณ์ร่วมกับการแข่งขันสูงลิ่ว 

   ตอนทีมได้ประตู เราจะเห็นเขาดีใจแบบสุดเหวี่ยง หรือคราวใดที่ทีมเสียผลประโยชน์ ยูรอฟสกี้ ก็จะแหกปากโวยวายผู้ตัดสินแบบเต็มเหนี่ยว ราวกับว่าตนเองเป็นผู้เล่นในสนาม

   ทุกอิริยาบถของเขาถูกจับจ้องโดยกล้องโทรทัศน์และกล้องภาพนิ่ง เพราะมันคือแอ็กชั่นที่ผู้ถ่าย สามารถนำไปขยายความต่อ จะสร้างคอนเทนต์หรือแปะลงภาพข่าว มันได้อารมณ์ความรู้สึกแบบถึงใจ ซึ่งนั่นคือมูลค่าทางการตลาดที่ เมืองทอง ได้รับแบบไม่ต้องเสียสตางค์

   ดังนั้นการที่ ยูรอฟสกี้ ยังอยู่กับ เมืองทอง ก็ยังทำให้กิเลนผยองเป็นทีมที่ 'ขายได้' อยู่เสมอ


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport