10 เหตุผลที่คุณห้ามพลาดเกม บุรีรัมย์ - เมืองทอง!!

10 เหตุผลที่คุณห้ามพลาดเกม บุรีรัมย์ - เมืองทอง!!
โทษฐานที่ช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมี 'บิ๊กแมตช์' ของ ไทยลีก ประจำสัปดาห์ที่ 5 ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ ช้าง อารีน่า ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขอโหมโรงก่อนศึกใหญ่ที่กำลังจะมาถึง

โดยวันนี้ เราขอพาคุณไปอ่าน 10 เหตุผลที่คุณห้ามพลาดเกมนี้เป็นอันขาด!!

___________

[ 1 ] 2 สโมสรที่มีกองเชียร์ 'มากที่สุด' ในเมืองไทย

นี่คือการพบกันของ 2 สโมสรที่มีแฟนฟุตบอลติดตามมากที่สุดในประเทศ 

สิ่งแรกที่วัดได้ว่าพวกเขามี 'สาวก' เยอะกว่าใครๆ มาจากยอดผู้ชมในสนามที่มากันล้นหลามในทุกๆ เกมที่เล่นในบ้านตัวเอง

เท่านั้นไม่พอ เวลาปราสาทสายฟ้าหรือกิเลนผยองออกไปเยือน แฟนๆ ก็ยังคงตามไปเชียร์ จนแทบทุกครั้ง อัฒจันทร์ฝั่งอาคันตุกะเต็มความจุอยู่เสมอ

สิ่งที่สองคือยอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ เฟซบุ๊ก (Facebook) ที่ เมืองทอง ยืนหนึ่งในสยามประเทศกับตัวเลข 2.38 ล้านคน ขณะที่ บุรีรัมย์ ก็ตามมาติดๆ ที่ 1.88 ล้านคน

จาก 2 สิ่งข้างต้น จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใด บุรีรัมย์ เจอกับ เมืองทอง ทีไรจึงเป็นแมตช์ที่ทั่วทั้งประเทศให้ความสนใจอย่างมาก

__________

[ 2 ] 2 สโมสรที่ประสบความสำเร็จ 'มากที่สุด' ในเมืองไทย

นับตั้งแต่ฟุตบอลไทย มีความเป็นลีกอาชีพมากขึ้น ซึ่งต้องเริ่มกันที่ปี 2007 โดยฤดูกาลแรกแชมป์ตกเป็นของ ชลบุรี เอฟซี

ทว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา คือเรื่องราวระหว่าง บุรีรัมย์ และ เมืองทอง นับสิบปี

กิเลนผยองฟาดแชมป์ลีกไป 4 หน ไล่ตั้งแต่ 2009, 2010 และ 2012 ที่มาทำสถิติ 'ไร้พ่าย' เป็นสโมสรแรกในสยามประเทศ แต่หนล่าสุดที่พวกเขาได้คือซีซั่น 2016

ขณะที่ปราสาทสายฟ้าจัดไป 7 สมัย (ไม่นับรวมตอนเป็นชื่อสโมสร การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย) โดยเริ่มจากปี 2011, 2013, 2014, 2015, 2017, 2018 และล่าสุดคือ 2021–22

อย่างไรก็ตาม บุรีรัมย์ ดูจะข่มกว่า เมืองทอง ตรงที่พวกเขาได้ 'เทรเบิ้ลแชมป์' หรือกวาดทุกถ้วยในประเทศมาแล้วถึง 3 ครั้ง (2013, 2015 และ 2021–22) 

_________

[ 3 ] 2 สโมสรที่มีเยาวชนจากอะคาเดมี่ติดทีมชาติ 'มากที่สุด' ในเมืองไทย ยุคปัจจุบัน

ด้วยความที่เป็นทีมใหญ่ อีกทั้งยังยึดโมเดลการวางรากฐานสโมสรโดยมีต้นแบบจากชาติที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ทั้ง บุรีรัมย์ และ เมืองทอง สร้างอะคาเดมี่ของตัวเอง เพื่อผลิตนักฟุตบอลอายุน้อย สำหรับต่อยอดในอนาคต

จากความตั้งใจจริงของทั้ง 2 ทีม ทำให้ปัจจุบัน มีผู้เล่นที่เติบใหญ่จากสถาบันเยาวชนของปราสาทสายฟ้าและกิเลนผยองโลดแล่นในลีกอาชีพมากมาย โดยเฉพาะทีมชาติไทย ที่ได้อานิสงส์ไปเต็มๆ

ฝั่ง บุรีรัมย์ นำทัพโดย สุภโชค สารชาติ, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, เฉลิมศักดิ์ อักขี, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ส่วน เมืองทอง ก็มี ศุภนันท์ บุรีรัตน์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, พิชา อุทรา และ สุริยา สิงห์มุ้ย ที่อยู่ในทำเนียบช้างศึกชุดปัจจุบัน

*** ทั้งนี้ นับเฉพาะผู้เล่นที่มาจากระบบเยาวชนของสโมสรตั้งแต่ต้น ***

__________

[ 4 ] 2 สโมสรที่ค่าเฉลี่ยอายุผู้เล่น 'น้อยที่สุด' ใน ไทยลีก

จากการเปิดเผยสถิติของเพจ เพลย์ นาว ไทยแลนด์ (Play Now Thailand) ระบุว่า เมืองทอง คือสโมสรที่มีค่าเฉลี่ยเรื่อง 'อายุ' ผู้เล่น 'น้อยที่สุด' ใน ไทยลีก 2022-23 ด้วยตัวเลข 24.7 ปี 

ส่วนฟาก บุรีรัมย์ อาจจะมาอันดับ 3 กับจำนวน 26 ปี (อันดับ 2 ชลบุรี เอฟซี 25.6 ปี) แต่ก็ถือว่าไม่ได้ไกลกันมากนัก

ดังนั้นเกมระหว่าง บุรีรัมย์ - เมืองทอง จึงเหมือนการห้ำหั่นกันระหว่างวัยรุ่นของฟุตบอลไทย นั่นเอง

__________

[ 5 ] 2 สโมสรที่ส่งออกนักเตะไปต่างแดน 'มากที่สุด' ในเมืองไทย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมืองทอง คือสโมสรแรกที่สนับสนุนนักเตะให้ไปโลดแล่นในลีกที่มาตรฐานสูงกว่า 

ไล่ตั้งแต่การปล่อย ธีรศิลป์ แดงดา ไปอังกฤษ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2007)  ต่อด้วย กลาสฮอปเปอร์ส ซูริค (2008), สเปน - อัลเมเรีย (2014), ญี่ปุ่น - ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมะ (2018) และ ชิมิสึ เอส-พัลส์ (2020)

ต่อด้วย ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่, ญี่ปุ่น 2017), กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม 2018) และ ธีราทร บุญมาทัน (วิสเซิล โกเบ กับ โยโกฮามะ มะรินอส, ญี่ปุ่น 2018)

ทางด้าน บุรีรัมย์ ก็มี ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ได้ไปเล่นในเกาหลีใต้ กับ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส (2021) และล่าสุดคือ สุภโชค สารชาติ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร

บางรายไปได้ถึงแชมป์และประสบความสำเร็จอย่างสูง บางรายอาจจะล้มเหลว แต่ทั้งหมดคือประสบการณ์ที่ดี และต้องชื่นชมทั้ง เมืองทอง และ บุรีรัมย์ ที่ 'กล้า' ในการปล่อยนักเตะตัวหลักออกไป เพราะการทำเช่นนี้ สโมสรคือฝ่ายที่ต้องแบกรับ 'รอยโหว่' ที่ผู้เล่นเหล่านั้นทิ้งไว้

_________

[ 6 ] การเผชิญหน้าทีมเก่าของ 'เฮียอุ้ม'

จริงๆ แล้ว ธีราทร บุญมาทัน เกือบได้เป็นนักเตะ เมืองทอง ก่อนใครเพื่อน หากวันวานเมื่อนานมาแล้ว ในเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติไทย ชุดเยาวชน ที่สนาม ธันเดอร์โดม - โรแบรต์ โปรคูแรร์ อดีตผู้จัดการทีมกิเลนผยอง ดันไม่เห็นฟอร์มของฟูลแบ็กคนนี้ ในวันนั้น

โชคชะตานำพาให้นักเตะชาวนนทบุรี ได้ไปอยู่กับสโมสร การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย ก่อนจะถูกเทกโอเวอร์โดยคุณ เนวิน ชิดชอบ ในเวลาต่อมา และนั่นจึงทำให้ ธีราทร เริ่มนับ 1 กับ บุรีรัมย์ ในทันที

เข็มนาฬิกาเดินไปอย่างช้าๆ ทุกๆ เหตุการณ์ที่ผันผ่าน คือประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำ

ในฐานะที่เป็น 'ตัวแสบ' ของ บุรีรัมย์ - เขาจึงมักจะถูกแฟนๆ กิเลนผยองตะโกนเรียกชื่อว่า 'เฮียอุ้ม' และทุกครั้งที่โดนขานเช่นนั้น ธีราทร ใช้มันเป็นพลังผลักดันฟอร์มของตนเองไปข้างหน้า

ในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ - ธีราทร ซึ่งเปรียบเสมือน 'สัญลักษณ์' ของกองทัพปราสาทสายฟ้า ดันตัดสินใจย้ายมา เมืองทอง ในช่วงเลกที่สองของซีซั่น 2016 ท่ามกลางความตื่นตะลึงให้ผู้คนทั้งประเทศ

จากเดิมที่แฟนๆ เมืองทอง ตะโกนเรียก 'เฮียอุ้ม' - ตอนนั้นเหล่า กู 12 (GU12) ก็ขานนามเขาในชื่อนี้เช่นกัน

เขาเข้ามาเติมเต็มความสำเร็จให้กิเลนผยอง ก่อนจะออกไปหาความท้าทายใหม่ที่ญี่ปุ่น และก็ประสบความสำเร็จถึงขั้นเป็นแชมป์ เจลีก เลยทีเดียว

ปัจจุบัน ธีราทร ย้ายกลับมาเมืองไทย โดยมีปลายทางคือ บุรีรัมย์ และแน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับ เมืองทอง อีกครั้ง เรื่องราวเก่าก่อนย่อมย้อนมา

'เฮียอุ้ม' ยังคงเป็น 'เฮียอุ้ม' คนเดิมของทั้ง บุรีรัมย์ และ เมืองทอง

__________

[ 7 ] เพรสซิ่งเกม

รูปแบบการเล่นของ เมืองทอง ดูเปลี่ยนไปแบบชัดเจน นับตั้งแต่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ถูกแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ช 

แน่นอนว่าสถิติที่ออกมาตลอด 4 เกม ก่อนหน้านี้ แม้กิเลนผยองจะผลงานไม่สู้ดีนัก ทว่าตัวเลข 65.98 เปอร์เซ็นต์ คือเครื่องบ่งชี้ชัดเจนถึง 'แนวทาง' ที่สะท้อนตัวตนของ เมืองทอง

เช่นเดียวกับ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือ บุรีรัมย์ ที่อาจจะไม่ได้ชัดเจนเท่ากับ ยูรอฟสกี้ แต่เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น คนนี้ โดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นแท็กติกตามแต่คู่ต่อสู้ที่เผชิญ 

ดังจะเห็นได้จาก 3 นัดหลังสุดที่เจอกัน เป็นฝั่งปราสาทสายฟ้าที่เก็บชัยได้เรียบวุธ ซึ่งนั่นก็มาจะมันสมองของ อิชิอิ นั่นแหละ ที่แก้ทาง ยูรอฟสกี้ อย่างสมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตาม ยูรอฟสกี้ เองก็คงจะรู้ดีว่าหนนี้จะต้องปรับรูปแบบใหม่ ดังนั้นเกมนี้จะเป็นศึกชิงไหวชิงพริบของ 2 กุนซือแน่นอน

 __________

[ 8 ] ศุภชัย วัด อดิศักดิ์

ปัจจุบัน ธีรศิลป์ แดงดา ยังคงเป็นศูนย์ความหวังสูงสุดของทีมชาติไทย แต่ด้วยวัย 34 ปี มันอยู่ในช่วงปลายอาชีพค้าแข้งของเขาแล้ว

ทว่าตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา มือปืนเบอร์ 2 ถูกมองว่าเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร หัวหอกวัย 31 รุ่นน้องของ ธีรศิลป์ ที่รับใช้ชาติมานาน

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่เป็นระยะ ทำให้หัวหอกชาวบุรีรัมย์ ไม่สามารถรักษาผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ กระทั่งล่าสุดในซีซั่น 2022-23 ที่ยิงประตู 3 เกม ติดต่อกัน จนทำให้ชื่อของ อดิศักดิ์ กลับมาไฉไลอีกครั้ง

ทว่าเวลานี้ อดิศักดิ์ กำลังถูกท้าทายการเป็น 'ความหวังใหม่' ของทีมชาติไทย โดย ศุภชัย ใจเด็ด ศูนย์หน้าวัย 23 ปี ที่กดไปแล้ว 5 ลูก ในลีก ผู้กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนฉ่า 

ดังนั้นนอกจากการดวลกันระหว่าง บุรีรัมย์ และ เมืองทอง - ยังมีคู่ ศุภชัย กับ อดิศักดิ์ ที่ต้องเฉือนคมกันด้วยว่าใคร จะเป็นตัวแทนของ ธีรศิลป์ ในทัพช้างศึกคนต่อไป

__________

[ 9 ] เก้าอี้อุ่นๆ ของ ยูรอฟสกี้

เวลานี้ เมืองทอง อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก กับการมีเพียง 5 คะแนน จาก 4 นัด ที่ลงสนาม แถมโปรแกรมต่อจากนี้อีก 4 แมตช์ ก็จัดว่ามหาโหดทีเดียว

ไล่ตั้งแต่ บุรีรัมย์ (เยือน) ตามด้วย ชลบุรี เอฟซี (เหย้า), บีจี ทุม ยูไนเต็ด (เยือน) และ การท่าเรือ เอฟซี (เยือน)

จากโปรแกรมข้างต้น ทำให้โอกาสที่พวกเขาจะ 'ไร้แต้ม' ติดมือมีสูงไม่เบา หากฟอร์มการเล่นยังคงเนือยๆ เหมือนที่ผ่านมา

ดังนั้นเกมกับ บุรีรัมย์ จะเป็นก้าวแรกของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ว่าจะเซฟเก้าอี้เฮดโค้ชของตนเองได้หรือไม่ เพราะหากแพ้นัดนี้ บางทีมันอาจจะส่งผลให้ตนเอง 'ตกงาน' เลยก็ได้

__________

[ 10 ] วลีเด็ดจะมาอีกหรือเปล่า?

ทุกครั้งที่ บุรีรัมย์ กับ เมืองทอง พบกัน มักจะมีเรื่องราวต่างๆ นานาเกิดขึ้นไม่ระหว่างการแข่งขัน ก็เป็นหลังจบเกมอยู่เสมอ

โดยเฉพาะเรื่องราวของ 'คำพูด' ที่เกิดจากการเกทับบลัฟแหลกจากทั้งสองฝั่ง

ไม่ว่าจะเป็น...

"แพ้ใครก็ได้ แต่ห้ามแพ้ เมืองทอง" 

"กี่โมง-ซี่โครง"

"สระไดร์"

"กองเชียร์กีฬาสี"

"กองเชียร์ข้าวกล่อง"

และอีกมากมาย

ดังนั้นจึงน่าติดตามเหลือเกินว่า บุรีรัมย์ กับ เมืองทอง หนนี้ จะมีเรื่องราวดรามาเกิดขึ้นอีกหรือไม่

__________


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport