สรุป 5 ประเด็นร้อน! ไทยแพ้ไต้หวันครั้งแรกในประวัติศาสตร์!!

สรุป 5 ประเด็นร้อน! ไทยแพ้ไต้หวันครั้งแรกในประวัติศาสตร์!!
ทีมชาติไทย ปราชัยต่อไต้หวัน 0-1 ซึ่งถือเป็น 'หนแรก' ในประวัติศาสตร์ที่เผชิญหน้ากัน แม้จะเป็นเพียงเกมกระชับมิตร แต่ยังมีหลายสิ่งอย่างที่ 'SIAMSPORT' อยากติดตาม

และนี่คือ 5 ข้อที่เราอยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!! 

[ 1 ] โพลกิ้ง ทดสอบระบบอีกครั้ง

ในเกมถล่มเมียนมาร์ แฟนฟุตบอลชาวไทย ได้เห็นระบบ 4-4-2 ที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เทรนเนอร์ทัพช้างศึกนำมาใช้งานเป็นหนแรก และมันทำให้แปลกตาไม่น้อย

ทว่านัด...ไต้หวัน นอกจากจะปรับผู้เล่นแบบยกชุด เฮดโค้ชเชื้อสายบราซิล-เยอรมัน ก็ทดลงแผนการเล่นอีกครั้ง 

แม้จะเป็น 4-4-2 เหมือนเคย ทว่าเกมนี้ไม่มีปีก 2 ฝั่ง หากแต่แดนกลางใช้การยืนแบบไดม่อนด์ โดยให้ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ยืนปักหลักอยู่หน้าแผงหลัง ขนาบข้างด้วย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ สรรวัชญ์ เดชมิตร ส่วนมิดฟิลด์ตัวรุกเป็น

สุมัญญา ปุริสาย

ขณะที่คู่หัวหอก เป็นหน้าที่ของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กับ ธีรเทพ วิโนทัย

ผลที่ออกมาถือว่าน่าพอใจในแง่ของรูปแบบการเล่น แต่การที่ความเฉียบขาดในจังหวะสุดท้าย น่าจะเป็น 'การบ้าน' ที่ โพลกิ้ง ต้องกลับไปแก้ไขอย่างหนัก เพราะถ้าปัญหานี้ยังไม่หายไป โอกาสที่ไทย จะอกหักจาก อาเซียน คัพ 2022 ก็จะมีสูงตามไปด้วย

[ 2 ] THE LAST DANCE ของ ธีรเทพ

นับตั้งแต่สร้างชื่อตั้งแต่อายุ 14 ด้วยการติดทัพช้างศึกชุด ซีเกมส์ 2001 กระทั่งไปฝึกฟุตบอลที่อังกฤษ, โลดแล่นในลีกเบลเยียม, ยิงประตูสุดสวยใส่ญี่ปุ่น และอีกหลากหลายเรื่องราวที่ ธีรเทพ วิโนทัย อยู่คู่กับวงการลูกหนังไทย มาไม่ต่ำกว่า 20 ปี

ทุกก้าวอย่างและทางเดินของนักเตะคนนี้มีเรื่องราวให้เล่าขานเสมอ ด้วยความที่มีออร่าของซูเปอร์สตาร์เกาะติดเป็นเงาตามตัว ทำให้เขาเป็นมากกว่านักฟุตบอลทั่วๆ ไป

บนขวบปีที่ 37 เขาประกาศแขวนสตั๊ดเพื่อเบนเข็มสู่ทางเดินใหม่ ซึ่งยังไม่ได้หนีห่างจากวงการลูกหนังไปไหน เพราะเจ้าตัวประกาศว่าสักวันหนึ่งจะลงท้าชิงตำแหน่ง 'นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย' ในภายภาคหน้า

28 นาที ณ สนามกีฬาธรรมศาสตร์-รังสิต ถือเป็นห้วงเวลาก่อนอำลาฟลอร์หญ้าอย่างเป็นทางของชายหนุ่มผู้มอบหัวใจให้ฟุตบอลมาอย่างยาวนาน

นับจากนี้ ผู้คนจะจดจำเขาในฐานะหนึ่งใน 'ตำนาน' ทีมชาติไทย...ธีรเทพ วิโนทัย

[ 3 ] ปรเมศย์ เฉิดฉาย

ปรเมศย์ อาจวิไล คือชื่อที่โด่งดังในฟุตบอลเยาวชนพร้อมๆ กับ สุภโชค สารชาติ ซึ่งทั้งคู่คือผู้เล่นหนุ่มที่เป็นอนาคตของทีมชาติไทย ในวันหน้า

ทว่าศูนย์หน้าจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่หลายหน อีกทั้งยังเคยเอ็นไขว้หน้าขาดเมื่อซีซั่น 2019 จนต้องพักยาวกว่า 5 เดือน ทำให้พัฒนาที่กำลังไปได้สวยเกิดสะดุดกลางทาง

แต่ด้วยอายุที่น้อยนิด บวกกับ 'หัวใจ' ที่แข็งแกร่ง - ปรเมศย์ ค่อยๆ ฟื้นตัวและมุ่งมั่นระหว่างการฝึกซ้อมอย่างเต็มเหนี่ยว จนร่างกายของตนเองสมบูรณ์พร้อม กระทั่งกลายเป็นนักเตะตัวหลักให้กับต้นสังกัดของตนเอง

ในวัย 24 ปี เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทย เป็นหนแรกในชีวิต แม้มันจะช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง สุภโชค ที่เดินทางไปไกลแล้ว แต่อย่างน้อย นี่คือก้าวย่างที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเขาเองเขา

การได้ลงเล่นให้ทัพช้างศึก 2 นัดติด ทั้งแมตช์ถล่มเมียนมาร์ 6-0 รวมถึงแพ้ต่อ ไต้หวัน 0-1 - ผลงานของ ปรเมศย์ อยู่ในแดนบวก กับการมีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังกล้าเลี้ยง กล้าตะลุยด้วยความมั่นใจ และเซ้นส์ฟุตบอลของเขาก็จัดว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้ใครเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม 'ความเฉียบขาด' ในจังหวะสุดท้าย คือสิ่งที่เขาต้องขัดเกลาให้ตนเองคมกว่านี้ เพราะโอกาสในเกมกับไต้หวัน ถือว่ามีมากพอสมควร แต่กลับไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ได้สำเร็จ

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อมองกันที่ภาพรวม นัดแพ้ไต้หวัน ถือว่าฟอร์มของ ปรเมศย์ เฉิดฉายและน่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทย ในอนาคตแน่ๆ

[ 4 ] ขาด ธีรศิลป์ ส่งผลชัดเจน

เป็นอีกครั้งที่ ธีรศิลป์ แดงดา แสดงให้เห็นว่าเขา 'สำคัญ' เพียงใดต่อทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน

การไร้เงาของหัวหอกวัย 34 ในทัวร์นาเมนต์ คิงส์ คัพ เมื่อช่วงกลางปีก็เป็นครั้งหนึ่งที่แนวรุกของทัพช้างศึกสะดุดอย่างชัดเจน

ประโยชน์ของ ธีรศิลป์ ไม่ได้มีเพียงแค่การทำประตูเท่านั้น หากแต่ยังเป็นนักเตะที่ทำให้เพื่อนรอบกายเก่งขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากทุกสัมผัสบอลของเขาทำให้ทีมได้เปรียบเสมอ

ในเกมแพ้ไต้หวัน 0-1 เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแดนหน้าของไทย ที่อาจจะสร้างโอกาสได้พอสมควร แต่จังหวะสุดท้ายกลับปิดสกอร์ไม่เฉียบคมเอง ผลที่ออกมาจึงเป็นความปราชัยต่อคู่แข่งรายนี้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์

ดังนั้น ศึกชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2022 ที่อาจจะเป็นหนสุดท้ายก่อนที่ ธีรศิลป์ จะแขวนสตั๊ด หากว่ายังหาศูนย์หน้ามาทดแทนไม่ได้ ทัพช้างศึกมีโอกาสที่จะเหงาหงอยอีกยาวๆ

[ 5 ] แม้จะแพ้ แต่ยังมีข้อดีให้เห็น

แน่นอนว่าไม่มีใครหรอกที่นิยมใน 'ความพ่ายแพ้' แต่ความพ่ายแพ้ไม่ได้มีแต่ข้อแย่ๆ เพราะสิ่งๆ นี้นี่แหละคือ 'บทเรียน' ชั้นดีสำหรับภายภาคหน้า

มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะจดจำ 'บทเรียน' แล้วนำไปแก้ไขต่อหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ก่อนเปิดฉากการป้องกันแชมป์อาเซียน ทีมชาติไทย ยังมีการบ้านและสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมากมาย ซึ่งผลจากความปราชัยต่อไต้หวัน น่าจะทำให้ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ได้เห็นข้อบกพร่องหลายๆ อย่างที่ต้องหาทางแก้

ความเฉียบขาดในพื้นที่สุดท้าย, สมาธิของแนวรับ, แท็กติกของคู่แข่ง, การเล่นโดยที่ต้องเจอฝั่งตรงข้ามตั้งรับลึก และอีกมากมาย คือสิ่งที่กุนซือวัย 46 ปี ต้องขบคิดเพื่อนำทัพช้างศึกไปให้ไกลที่สุด

จงนำความผิดหวัง แปรเปลี่ยนเป็นพลัง แล้วทะยานไปข้างหน้าให้ไกลกว่าเดิม


ที่มาของภาพ : Siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport