เผยผลการสำรวจความคิดเห็นแฟนกีฬาไทย ทีมชาติไทย กับความหวังและโอกาสในศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ชี้ไทยงานหนัก โอกาสเป็น 1 ใน 4 ทีม ได้ตั๋วไปชิงแชมป์โลกน้อย
จากการที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีจะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้ายระหว่างวันที่ 12 ก.พ. - 1 มี.ค.2568 ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อคัดเลือกตัวแทน 4 ชาติจากทวีปเอเชียไปแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศชิลีนั้น เพื่อเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองของแฟนกีฬาในมิติที่เกี่ยวกับความหวังและโอกาสของทีมชาติไทย เคบียู สปอร์ต โพล (KBU SPORT POLL)โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่วมกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) ได้สำรวจคิดเห็นเรื่อง "ทีมชาติไทยกับความหวังและโอกาสในศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี หรือ ยู-20 ขึ้นมา"
สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.- 2 ก.พ. 2568โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 1,136 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 604 คน คิดเป็นร้อยละ 53.16, เพศหญิง 315 คน คิดเป็นร้อยละ 27.74, LTBGTQIA+ 217 คน คิดเป็นร้อยละ 19.10 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า
ความหวังและโอกาสในการผ่านเข้าสู่ศึกชิงแชมป์โลก กลุ่มอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 31.25 เห็นว่ามีโอกาสน้อย รองลงมา ร้อยละ 26.12 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ 18.36 มีโอกาสมาก, ร้อยละ 14.66 มีโอกาสค่อนข้างมาก, ร้อยละ 5.40 ไม่มีโอกาสเลย และร้อยละ 4.21 ไม่แน่ใจ
ทีมคู่แข่งขันร่วมกลุ่มที่น่าเกรงขาม ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.84 ทุกทีม รองลงมา ร้อยละ 27.91 ญี่ปุ่น, ร้อยละ 23.68 เกาหลีใต้ และร้อยละ 18.57 ซีเรีย ส่วนปัจจัยที่จะนำไปสู่โอกาสและความสำเร็จ ส่วนใหญ่ร้อยละ 25.53 ศักยภาพและความสามารถของนักกีฬา รองลงมา ร้อยละ 22.88 ศักยภาพและความสามารถของหัวหน้าฝึกสอน, ร้อยละ 20.86 ระยะเวลาและความพร้อมในการเตรียมทีม ร้อยละ 15.92, ศักยภาพของทีมคู่แข่งขัน ร้อยละ 10.11 แรงเชียร์จากแฟนกีฬา และอื่นๆร้อยละ 4.70
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เผยว่า จากผลการสำรวจดังกล่าวกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่าทีมชาติไทยมีความหวังและโอกาสน้อยสำหรับการที่จะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายในการชิงแชมป์โลก ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากฝีเท้าของทีมที่เข้าร่วมการสู้ศึกและเมื่อผนวกกับเชิงชั้นและชื่อเสียงของทีมคู่แข่งขันร่วมกลุ่ม ซึ่งแต่ละทีมล้วนแล้วแต่มีผลงานในเชิงประจักษ์ทั้งสิ้นความหวังและโอกาสจึงน้อยตามไปด้วย
ในการสู้ศึกครั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่จะนำไปสู่โอกาสและความสำเร็จแฟนกีฬาส่วนใหญ่ชี้ไปที่ศักยภาพตลอดจนความสามารถของนักกีฬาและหัวหน้าผู้ฝึกสอน และเหนืออื่นใดการแข่งขันรายการนี้จะเป็นตัวชี้วัดและบ่งบอกว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอน เอเมอร์สัน เปไรร่า มีศักยภาพและความสามารถเพียงพอกับพัฒนาและยกระดับทีมชาติไทยได้มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย
สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี รอบสุดท้าย ที่จะมีขึ้นระหว่าง 12 ก.พ. - 1 มี.ค.นี้ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรายการนี้จะคัด 4 ทีม ไปแข่งขันฟุตบอลอายุไม่เกิน 20 ปี ชิงแชมป์โลก 2025 ที่ชิลี ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-19 ต.ค.นี้ รอบแรก ไทย เจองานหนักสุดๆ เพราะอยู่กลุ่มดี ร่วมกับ ญี่ปุ่น แชมป์ปี 2016, เกาหลีใต้ แชมป์สูงสุด 12 สมัย และ ซีเรีย แชมป์ปี 1994 ส่วนทีมชาติไทยนั้น เคยได้แชมป์ 2 สมัย ซึ่งต้องย้อนไปในปี ค.ศ.1962 กับ 1964