3 คะแนนที่ ราชบุรี เอฟซี ได้จาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเกม บิ๊ก แมตช์ ประจำ ไทยลีก สัปดาห์ที่ 18 ต้องยกความดีความชอบให้กับ โจนาธาร เข็มดี เซนเตอร์ฮาล์ฟของทีมเจ้าถิ่นโดยแท้จริง กับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ จนแนวรุกกิเลนผยองพยายามเข้าทำจนท้อใจ
ปราการหลังเชื้อสายเดนมาร์ก กำลังอยู่ในห้วงเวลาที่มั่นใจมากๆ หลังติดทีมชาติไทย แบบเต็มตัวในชุด อาเซียน คัพ 2024 แม้จะได้เพียงรองแชมป์แบบสุดเจ็บปวด แต่ผลงานโดยรวมของเจ้าตัวถือเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่ในเกณฑ์ 'สอบผ่าน'
พอกลับมาเล่นในระดับสโมสร เขาก็ยังรักษามาตรฐานของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะพาราชันมังกรเก็บชัยชนะได้ 3 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่เปิดฉากเลกที่สองเป็นต้นมา
ทั้ง 3 นัด ที่ ราชบุรี คว้า 3 คะแนน นั้นมีพื้นฐานเกมรับเป็นที่ตั้ง เพราะรูปเกมนั้นเป็นรองคู่แข่ง แต่จบด้วยผลการแข่งขันที่ตนเองต้องการได้สำเร็จ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราชันมังกรเก็บ 9 แต้มเต็มก็มาจากฟอร์มอันเจิดจรัสของ โจนาธาร นี่เองที่ป้องกันการเข้าทำของฝั่งตรงข้ามซะจนทีมตนเองได้ชัยชนะ แม้เจ้าตัวจะลงเล่นในสองแมตช์หลังก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็สร้างผลงานได้น่าประทับใจเหลือเกม
เกมกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่บุกไปเชือด 2-1 กองหลังเลือดสุรินทร์ ก็ยังเด่นไม่แพ้กันกับตัวเลข บล็อก 4 ครั้ง, เคลียร์บอลด้วยเท้า 4 ครั้งและสกัดด้วยลูกโหม่งอีก 3 ครั้ง
ส่วนสดๆ ร้อนๆ ที่เปิดบ้านชนะ เมืองทอง 1-0 ถือเป็นเกมที่แนวรับวัย 22 ปี เฉิดฉายสุดๆ กับสถิติ ชนะการเข้าแย่งบอล 3 จาก 3 ครั้ง (100 เปอร์เซ็นต์), บล็อก 1 ครั้ง, เคลียร์บอลด้วยเท้า 7 ครั้งและสกัดด้วยลูกโหม่งอีก 1 ครั้ง
ตลอดทั้ง 90 นาที เป็นฝั่งกิเลนผยองที่แทบจะพับสนามบุก กล้องจับภาพทีไร ก็เห็นแต่ฝั่ง ราชบุรี ล้วนๆ และคนที่ถูกแสงสปอตไลต์สาดส่องมากที่สุดคือ โจนาธาร นี่แหละที่แทบจะอยู่ในทุกจังหวะที่ทีมจวนเจียนจะถูกเจาะตาข่าย แต่ก็รอดพ้นด้วยการป้องกันที่ถูกที่ถูกเวลา
เข้าถึงบอลก่อนกองหน้าเสมอ, สกัดหนักหน่วง, อ่านเกมเฉียบขาด, ลูกกลางอากาศยอดเยี่ยม, รู้จักวิธีเอาตัวรอด, สมาธิเต็มร้อย, ไม่มีโฉ่งฉ่างและที่สำคัญคือเรื่องของแพสชั่นกับการแข่งขันที่เต็มเปี่ยม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เด็กหนุ่มเชื้อสายเดนมาร์ก แสดงออกมาให้เห็นในสนาม
ด้วยอายุเพียง 22 ปี เส้นทางการค้าแข้งของเขายังอีกยาวไกล ซึ่งความที่เป็นคนที่กระหายต่อชัยชนะเอามากๆ มันน่าจะนำทางให้ โจนาธาร ก้าวไปสู่การเป็นนักเตะชั้นยอดได้ไม่ยาก
ณ ตอนนี้ ราชบุรี ขยับตัวเองมาอยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนนอย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งไม่ได้มาเพราะความบังเอิญ หากแต่มันมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงโดยตลอด
ไทยลีก เกมหน้าจะเป็นอีกหนึ่ง 'บททดสอบ' ครั้งสำคัญของราชันมังกร เพราะพวกเขาต้องกรีธาทัพสู่ แพท สเตเดี้ยม ของ การท่าเรือ เอฟซี ที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
หากสามารถบุกไปยัดเยียดความปราชัยได้ถึงที่นั่น เชื่อได้เลยว่าจากนี้ต่อไป ราชบุรี ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครอีกต่อไปแล้ว เพราะถ้ายังรักษามาตรฐานไปต่อได้เรื่อยๆ บางทีโทรฟี่ใดสักใบหนึ่งก็อาจจะกลับมาอยู่ที่ตู้โชว์ของสโมสร
ความมั่นใจของพวกเขากำลังเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี โจนาธาร เป็นแกนหลักในแผงหลัง
เส้นทางลูกหนังของเขายังอีกยาวไกล ขอเพียงไม่ออกนอกลู่-นอกทาง, รักษาร่างกายให้ดีและหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รับประกันเลยว่าอนาคตอันสดใสกริ๊งจะรออยู่ไม่ไกล
ทีมชาติไทย ก็จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะเป็นเวลานานหลายสิบที่ที่ทัพช้างศึกไม่มีเซนเตอร์ฮาล์ฟชั้นยอดคอยเป็นผู้บัญชาเกมรับในแดนหลัง
ปีแล้วปีเล่าที่ผู้เล่นในตำแหน่งนี้โผล่ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่อยู่ในระดับที่น่าไว้ใจ ด้วยสรีระและความที่ฟุตบอลลีกในประเทศเน้นการใช้โควตาต่างชาติเป็นตัวยืนกันทุกๆ สโมสร
มันเลยทำให้แข้งชาวสยามประเทศถูกจำกัดโอกาสในการลงสนาม รวมไปถึงได้เป็นเพียงลูกหาบ ที่คอยเก็บตกเท่านั้น หาใช่ผู้นำในแผงหลัง
กระทั่งฟอร์มอันเปล่งปลั่งของนักเตะหมายเลข 4 จาก ราชบุรี นี่แหละที่ทำให้เห็นถึงเค้าลางความสำเร็จที่เริ่มเป็นจริงขึ้นมา
โจนาธาร ความหวังใหม่ในระยะยาวของทีมชาติไทย
ชิกกะด้าว