10 ข้อ! บทวิเคราะห์เจาะลึกศึก อาเซียน คัพ 2024

10 ข้อ! บทวิเคราะห์เจาะลึกศึก อาเซียน คัพ 2024
อาเซียน คัพ 2024 เพิ่งจบลงไปหมาดๆ ในทัวร์นาเมนต์นี้มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะสุขสมหรือผิดหวัง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นคือนี่เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นทุกๆ เกมจึงเดิมพันด้วยศักดิ์ศรี ซึ่งทำให้การแข่งขันเข้มข้นไปจนถึงแมตช์สุดท้ายจริงๆ และนี่คือ 'บทวิเคราะห์' ที่ 'SIAMSPORT' ขันอาสามาแจกแจงเป็นข้อๆ ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ความล้มเหลวของช้างศึก

   ทีมชาติไทย คือ 'เต็ง 1' อาเซียน คัพ ในทุกๆ ครั้ง โดยเฉพาะระยะหลังที่แทบจะครองความเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบไร้ผู้ต่อกรเลยทีเดียว 

   ด้วยมาตรฐานฟุตบอลภายในประเทศที่เหนือกว่าเพื่อนบ้านแบบไกลโพ้น บวกกับประสบการณ์ในเกมนานาชาติที่ผ่านร้อน-ผ่านหนาวมาโชกโชน องค์ประกอบต่างๆ หล่อหลอมให้ทัพช้างศึกคือทีมที่คู่แข่งต่างต้องครั่นคร้าม

   เช่นกันกับ อาเซียน คัพ 2024 ที่ไทย ถูกยกให้เป็นทีมที่มีโอกาสหยิบแชมป์ได้มากที่สุด แม้ขุมกำลังจะไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุดก็ตาม ทว่าจากรายชื่อที่ประกาศออกมา ยังไงก็ดูเหนือกว่าทุกชาติในภูมิภาคเดียวกันจริงๆ

   แม้จะเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ แต่กว่าจะถึงนัดตัดสินชะตา แข้งช้างศึกก็ทุลักทุเลมาตั้งแต่การโดนสิงคโปร์นำห่าง 2-0 ในรอบแรก, ชนะกัมพูชา แบบหืดจับ แถมยังบุกไปแพ้ฟิลิปปินส์ เป็นหนแรกในรอบ 52 ปี

   คืออะไรที่ไม่ได้เห็น ก็ได้เห็นใน อาเซียน คัพ 2024 นี่เอง

   เท่านั้นไม่พอ รอบชิงชนะเลิศ ไทย ยังปราชัยแบบไปและกลับต่อเวียดนาม คู่รัก-คู่แค้นที่ขับเคี่ยวกันมานานนับทศวรรษ ซึ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการโดนทัพดาวทองบุกมาชนะถึง ราชมังคลากีฬาสถาน นั่นเอง

   ไม่มีเวลาเตรียมทีม, ไม่ได้ใช้นักเตะชุดที่ดีที่สุด, ไม่ได้เล่นในสนามที่คุ้นเคย, ไม่ได้นั่น ไม่ได้นี่ในอีกหลายๆ ประการ คงเป็นเพียงคำแก้ตัวสำหรับการทำได้เพียงรองแชมป์ อาเซียน คัพ 2024

   แต่ที่แน่ๆ และมันไม่โกหกใครคือไทย ยังไม่อาจก้าวข้ามอาเซียน ได้นั่นเอง

[ 2 ] เวียดนามผงาดง้ำ

   นับตั้งแต่หมดยุคของ พัก ฮัง-ซอ ดูเหมือนว่าพัฒนาการของเวียดนาม จะชะลอตัวแบบเห็นได้ชัด แม้จะไปดึง ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ ซึ่งพกดีกรีล้ำเลิศมาสานงานต่อ แต่ด้วยความที่เคมีไม่เข้ากัน ผลงานของพวกเขาจึงค่อยๆ ดิ่งลงทีละนิด

   ทุกคนรู้ดีว่าดินแดนเหงียนเป็นหนึ่งในประเทศที่ 'คลั่งไคล้' ในกีฬาลูกหนังแบบสุดลิ่ม ดังนั้นแรงปรารถนาของแฟนๆ จึงเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้สมาคมฟุตบอลต้องพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้ศรัทธาให้กลับมาอีกครั้ง

   มันจึงเป็นที่มากของการที่ไปดึง คิม ซัง-ซิก เข้ามาคุมทีมต่อจากกุนซือชาวฝรั่งเศส

   พลันที่อดีตกองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ เข้ามาเป็นเฮดโค้ช ผลงานของทัพดาวทองก็ค่อยๆ กระเตื้องขึ้นแบบชัดเจน แม้ระยะแรกจะไม่สู้ดีนัก แต่ว่า 'ทรงบอล' นั้นได้เรื่องทีเดียว

   กระทั่งมาพีกสุดๆ ใน อาเซียน คัพ 2024 กับการคว้าแชมป์ด้วยสถิติไม่แพ้ใคร โดยเป็นการชนะ 7 จาก 8 เกม ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก

   ส่วนหนึ่งที่เวียดนาม ประสบความสำเร็จอาจจะมาจากการที่ไทย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเป็นชาติใหญ่ในภูมิภาคไม่ได้ส่งทีมชุดที่ดีที่สุดเข้าแข่งขัน ซึ่งก็เหลือเพียงพวกเขาเพียงหนึ่งเดียวที่จัดเต็มนั่นเอง

   ทว่าการที่เล่นด้วยแท็กติกอย่างเคร่งครัด, ระเบียบวินัยยืนนำ, หนักในเกมและปิดสกอร์เฉียบขาด มันคือการฉายภาพซ้ำเหมือนสมัยที่ พัก ฮัง-ซอ ตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างสนาม

   เกมรับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ เพราะตลอดทั้ง 8 เกม เสียไปเพียง 6 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย กับอินโดนีเซีย เท่านั้น แต่ต้องอย่าลืมว่าทั้งสองชาติลงสนามเพียง 4 นัดในรอบแรก

   เวียดนาม คัมแบ็กสู่ความเป็นจ้าวแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งหลังเหินห่างมันมา 6 ปีเต็ม 

   นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า และเพื่อนบ้างข้างเคียงก็โปรดจงระวังให้ได้ ไม่งั้นจะโดนทัพดาวทองแซงได้อีกครั้งในเวลาอันใกล้นี้

[ 3 ] อินโดนีเซีย-มาเลเซียน่าผิดหวัง

   อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เป็นอีกสองชาติที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังใน อาเซียน คัพ 2024 เนื่องจากทั้งคู่น่าจะไปถึงรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย แต่ก็กลับกอดคอกันจอดป้ายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น

   ทัพ ดิ อัซกัลส์ ถือว่าล้มเหลวมากๆ เพราะผลงานสวนทางกับการมีลุ้นในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกที่รั้งอันดับ 3 ของกรุ๊ป ซี ทั้งยังเอาชนะทีมเต็งอย่างซาอุดีอาระเบีย ได้อีกต่างหาก

   เข้าใจได้ว่าพวกเขาใช้ชุดดาวรุ่งเข้าแข่งขัน อาเซียน คัพ 2024 แต่เมื่อมองจากศักยภาพโดยรวมและเพื่อนร่วมกลุ่มในทัวร์นาเมนต์ ยังไงก็น่าจะเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อยจริงๆ

   ด้วยเหตุที่ตกรอบแรกนี่เอง สุดท้ายสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย จึงสั่งปลด ชิน แท-ยง กุนซือชาวเกาหลีใต้ ทันที ซึ่งน่าสนใจว่าต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรต่อ เนื่องจากเฮดโค้ชวัย 54 ปี นั้นเป็นผู้ก่อร่างสร้างทีมจนแข็งแกร่งและพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด

   ขณะเดียวกัน มาเลเซีย อดีตแชมป์ อาเซียน คัพ 2010 ที่อาจจะเหินห่างความสำเร็จไปนาน แต่มาตรฐานนักเตะและลีกในประเทศถือว่าเป็นรองเพียงไทย แค่ชาติเดียวในภูมิภาค ทว่าพวกเขากลับร่วงรอบแรกแบบน่าผิดหวัง

   เหตุผลหลักของทัพเสือเหลืองแห่งมาลายาคล้ายๆ กับอินโดนีเซีย คือไม่ได้ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดเข้าแข่งขัน แถมเฮดโค้ชก็ยังเป็นกุนซือรักษาการอีกต่างหาก คือไม่พร้อมในหลายๆ ด้านยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ เสียอีก

   ภาพสะท้อนที่ออกมาคือเก็บแต้มได้เพียง 5 คะแนน แถมยังชนะติมอร์ เลสเต ได้เพียงทีมเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นผลงานที่น่าผิดหวังมากๆ สำหรับมาเลเซีย ซึ่งถูกยกให้เป็นทีมเบอร์ต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

[ 4 ] พัฒนาการทิศบวกของหลายชาติ

   ในความตกต่ำของบางประเทศ - หลายๆ ชาติก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะกัมพูชา ที่อาจจะตกรอบแรก แต่รูปแบบการเล่นของพวกเขาสามารถสร้างความยากลำบากให้กับไทย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ได้แบบชัดเจน

   ทัพนักรบอังกอร์ สามารถส่งบอลสู่ก้นตาข่ายไทย และมาเลเซีย ได้ทีมละ 2 ประตู แถมยังเก็บแต้มจากเสือเหลือแห่งมาลายา ได้อีกต่างหาก ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียว เนื่องจากครั้งก่อนๆ ในอดีตพวกเขาแทบจะเป็นสมันน้อยคอยแจกแต้ม

   นอกจากนี้เมียนมาร์ กับ สปป.ลาว ที่อาจจะร่วงรอบแรกเช่นกัน แต่กระนั้นทั้งคู่ก็สามารถต่อกรกับฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ในรอบแบ่งกลุ่มได้สนุก จนทำให้สถานการณ์ของกรุ๊ป บี ต้องลุ้นไปจนถึงเกมสุดท้าย

   การที่หลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัฒนาขึ้น ทำให้การแข่งขันย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย และผลดีก็จะทำให้วงการลูกหนังอาเซียน เติบโตไปขึ้นเช่นกัน ประโยชน์สูงสุดก็จะตกอยู่กับทุกทีมในภูมิภาคนี่เอง

[ 5 ] การทำประตูที่มากที่สุดในรอบ 20 ปี

   อาเซียน คัพ 2024 มีการทำสกอร์มากถึง 91 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดเป็นรองเพียงทัวร์นาเมนต์เมื่อปี 2004 เท่านั้น (113 ประตู)

   จากตัวเลขที่ออกมา บ่งชี้ได้ชัดเจนว่าฟุตบอลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เน้นการเล่นแบบเอนเตอร์เทนคนดูเป็นหลัก และมันสะท้อนให้เห็นว่าเหตุใดผู้คนละแวกนี้จึงนิยมกีฬาลูกหนังกันแบบคลั่งไคล้

   จากจำนวน 26 เกม ตลอดทั้งการแข่งขัน มีแค่เกมที่สิงคโปร์ เสมอกับมาเลเซีย 0-0 เพียงนัดเดียวเท่านั้นไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น เพราะนอกนั้นคือยิงกันยับ โดยเฉพาะนัดชิงชนะเลิศที่สกอร์รวมมากที่สุดเท่ากับปี 2020 ด้วยตัวเลข 8 ประตู แต่รูปเกมนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะครั้งนั้นไทย แทบจะชนะอินโดนีเซีย ไปแบบสบายๆ

[ 6 ] ทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดของ เหงียน ซวน ซอน

   เหงียน ซวน ซอน หรือ ราฟาเอลซอน แข้งโอนสัญชาติที่เวียดนาม ส่งชื่อเข้าแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเป็นรายแรกในประวัติศาสตร์ และหมอนี่ก็ได้กลายเป็น 'จิ๊กซอว์' พาทีมคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

   แม้ว่ากว่าที่พี่แกจะลงเล่นได้ก็ปาไปถึงเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม แต่นัดเปิดตัว หัวหอกชาวบราซิล ก็ทำไป 2 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ พาทัพดาวทองถล่มเมียนมาร์ 5-0 ก่อนที่จะค่อยๆ เฉิดฉายทีละนิดทีละน้อย

   สถิติรวม 5 นัด เขากระหน่ำไปทั้งหมด 7 ประตู พร้อมคว้ารางวัล 'ดาวซัลโว' พ่วงด้วย 'นักเตะยอดเยี่ยม' แบบไร้คู่แข่ง

   เมื่อมองในมุมกลับกัน หากเวียดนาม ไม่มี เหงียน ซวน ซอน การคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ 2024 คงจะยากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะหมอนี่คือข้อแตกต่างอย่างชัดเจน

   แข็งแกร่ง, ว่องไว, เทคนิคสูง, ไหวพริบดี, ลูกกลางอากาศก็ได้และที่สำคัญคือความเฉียบขาดที่ง้างไกเมื่อใด ได้เรื่องเมื่อนั้น

   ตัวอย่างชัดเจนกับตอนที่ 'มี' และ 'ไม่มี' เหงียน ซวน ซอน คือ 3 นัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ทัพดาวทองยิงได้ 6 ประตู แต่พอพี่ ราฟาเอลซอน ลงสนาม พวกเขากดไปถึง 15 ประตู 

   นอกจากนี้ ในเกมเลกที่สองกับทีมชาติไทย หากสังเกตกันดีๆ จะเห็นว่ากองหลังช้างศึกเล่นง่ายขึ้นมากๆ หลังจากที่หมอนี่ถูกหามออกจากสนาม ซึ่งโมเมนตั้มก็เข้าทางขุนพลแห่งสยามแล้ว แต่ใบแดงเป็นเหตุให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป

   เหงียน ซวน ซอน คือจิ๊กซอว์ที่เวียดนาม ตามหามาแสนนาน และถ้าเขาหายบาดเจ็บและกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง รับประกันเลยว่าทัพดาวทองจะเป็นที่เกรงขามมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

[ 7 ] ดาวรุ่งน่าสนใจเพียบ

   ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือด แน่นอนว่ามันย่อมสร้าง 'นักเตะที่น่าจับตามอง' ขึ้นมาโดยปริยาย และใน อาเซียน คัพ ก็มีผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ดีหลายราย โดยเฉพาะกลุ่มแข้งอายุน้อย โดยไล่เลียงจากประเทศต่างๆ ได้ดังนี้ 

   เวียดนาม - บุ๋ย วี ห่าว

   ไทย - โจนาธาร เข็มดี, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา 

   ฟิลิปปินส์ -  บยอร์น มาร์ติน คริสเตนเซ่น, ซานโดร เรเยส, ซิโก้ ไบลี่ย์

   สิงคโปร์ - ไม่มี

   มาเลเซีย - ไม่มี

   อินโดนีเซีย - มูฮัมหมัด เฟราร์รี่, มาร์เซลิโน่ เฟอร์ดินานด์ 

   กัมพูชา - ซา ตี่, เซียง จันเทียะ, ซอ โรตานะ

   ติมอร์ เลสเต - เซนิวิโอ

   เมียนมาร์ - ไม่มี

   สปป.ลาว - ปีเตอร์ พันทะวง

   บางรายชื่ออาจจะก้าวไปเป็นนักเตะตัวหลักให้ทีมชาติชุดใหญ่แล้วอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หรือ มาร์เซลิโน่ เฟอร์ดินานด์ ทว่าพวกเขาเหล่านี้ยังอยู่ในวัย 20 ต้นๆ ซึ่งเส้นทางลูกหนังยังอีกยาวไกล และถ้าหมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ก็คงจะพาทีมประสบความสำเร็จได้แน่นอน

   อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้เล่นอายุน้อยโชว์ฟอร์มดีหลายๆ ราย มันทำให้เห็นแสงสว่างรอคอยอยู่ในอนาคตข้างหน้า เพราะรากฐานสำคัญของฟุตบอลคือ 'เยาวชน' หากว่ามีนักเตะวัยหนุ่มเติบโตขึ้นในทุกๆ ปี เท่ากับว่าโครงสร้างของคุณประสบความสำเร็จและเพียงพอที่จะต่อยอดสู่ระดับสากลในระยะยาว

[ 8 ] VAR ต้องได้มาตรฐานและรวดเร็วกว่านี้

   วีดีโอผู้ช่วยผู้ตัดสิน (Video Assistant Referee) หรือ วีเออาร์ (VAR) ใน อาเซียน คัพ 2024 ค่อนข้างจะสร้างปัญหาในระดับหนึ่ง อันเนื่องมาจากศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ดังนั้นเวลาส่งสัญญาณกลับมาที่สนามต่างๆ จึงเกิดความล่าช้าพอสมควร

   พอการสื่อสารล่าช้า อรรถรสในเกมการแข่งขันย่อมลดลงไปด้วย แถมยังเพิ่มเวลาให้นักเตะเหนื่อยล้ามากกว่าเดิมอีกต่างหาก อย่างนัดชิงชนะเลิศนัดที่สองระหว่างไทย กับเวียดนาม ก็มีการทดเวลาการแข่งขันไปถึง 15 นาทีเลยทีเดียว

   เท่านั้นไม่พอ ดูเหมือนว่ามาตรฐานของ VAR จะไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก ซึ่งตัวอย่างก็มาจากเกมนัดชิงชนะเลิศนัดที่สองอีกเช่นกัน เพราะมีหลายจังหวะที่การตัดสินผิดพลาดแบบไม่น่าเชื่อ แต่กลับไร้การท้วงติงจากผู้ช่วยผู้ตัดสินนั่นเอง

    จากสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ เชื่อว่าสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน คงจะรับรู้ดีอยู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าครั้งต่อๆ ไปจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของ VAR รวมไปถึงตัวผู้ตัดสินทั้ง 4 คน ในสนามเช่นกันที่ควรจะใช้คนที่มีมาตรฐานและเป็นกลางมากกว่านี้

[ 9 ] แข่งขันถี่-เหตุนักเตะล้าทำหลายชาติไม่ปลื้ม

   ด้วยความที่เป็นทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล ซึ่งต้องมีกำหนดระยะเวลาไม่ควรเกินหนึ่งเดือน มันจึงทำให้ อาเซียน คัพ 2024 มีโปรแกรมค่อนข้างถี่ ยิ่งหลังจากปี 2018 เป็นต้นมาที่เพิ่มจำนวนเป็น 10 ทีม เท่ากับว่าเกมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

   หากชาติใดได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คุณต้องลงสนามทั้งหมด 8 นัด ใน 30 วัน หรือเฉลี่ย 3 วัน ต่อ 1 แมตช์ ซึ่งถือว่าถี่มากๆ 

   ด้วยเหตุนี้เอง หลายๆ ประเทศจึงไม่ได้ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด แม้ว่าสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า จะรองรับว่า อาเซียน คัพ เป็นการแข่งขันระดับ A Match แต่ด้วยความที่มันคาบเกี่ยวกับโปรแกรมลีก มันจึงไม่ได้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของทีมใหญ่ๆ นั่นเอง

   แน่นอนว่านี่คือทัวร์นาเมนต์ที่มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน แต่ถ้าปล่อยให้บรรดาทีมใหญ่ๆ มองข้ามความสำคัญ รับประกันเลยว่ามนต์ขลังจะค่อยๆ มลายหายไปทีละนิด แล้วสุดท้ายก็จะไม่มีใครสนใจอีกต่อไป

[ 10 ] หญ้าเทียมควรเลิกได้แล้ว

   อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ อาเซียน คัพ เสียอรรถรสและสร้างปัญหาให้กับหลายๆ ทีมคือเรื่องการใช้สนามหญ้าเทียมแข่งขันนั่นเอง

   ในทัวร์นาเมนต์นี้มีฟิลิปปินส์ ที่ใช้ ริซัล เมโมเรียล สเตเดี้ยม เป็นรังเหย้าหลัก ซึ่งใครที่มาเยือนต่างต้องทำใจในระดับนึง เนื่องจากไม่คุ้นชินกับสภาพสนาม เพราะหญ้าเทียมนั่นเอง โดยทัพ ดิ อัซกัลส์ ได้เล่นที่นี่ 3 เกม คือพบเมียนมาร์ (เสมอ 1-1), เวียดนาม (เสมอ 1-1) และไทย (ชนะ 2-1)

   ส่วนอีกหนึ่งเกมคือรอบรองชนะเลิศนัดแรกที่สิงคโปร์ สลับไปใช้ จาลัน เบซาร์ ชั่วคราว เนื่องจากสนามกีฬาแห่งชาติที่ใช้มาตลอดในรอบแรกติดงานคอนเสิร์ตที่ถูกจองไว้ล่วงหน้า

   ทุกเกมที่แข่งขันในสนามหญ้าเทียมเห็นได้ชัดเลยว่ารูปแบบการเล่นของผู้มาเยือนนั้นไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งการจับบอลหรือการวิ่งดูจะฝืนจากปกติทั่วไปเอามากๆ

   เข้าใจว่าที่ฟิลิปปินส์ มี ริซัล เมโมเรียล สเตเดี้ยม เป็นสนามที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนที่สิงคโปร์ ส่วนใหญ่สโมสรต่างๆ จะใช้หญ้าเทียมเป็นหลัก

   แต่ถ้าอยากให้มาตรฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พัฒนาไปในระดับสากล สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน ก็ต้องออกกฎข้อบังคับให้ทุกประเทศใช้สนามหญ้าจริงแข่งขันเป็นหลัก เพราะทั่วโลกต่างก็ใช้หญ้าจริงฟาดแข้งกันในทุกๆ สัปดาห์


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport