5 ข้อ! อิชิอิ ควรพิจารณา ทีมชาติไทย พบ เวียดนาม ชิง อาเซียน คัพ

5 ข้อ! อิชิอิ ควรพิจารณา ทีมชาติไทย พบ เวียดนาม ชิง อาเซียน คัพ
เส้นทางของ อาเซียน คัพ 2024 ใกล้ได้บทสรุปไปทุกขณะ แน่นอนว่า ทีมชาติไทย ตามหลังอยู่ด้วยสกอร์ 1-2 ซึ่งนัดที่สองที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ทัพช้างศึกจำเป็นจะต้องเก็บชัยชนะให้ได้สถานเดียว และนี่คือ 5 สิ่งที่ 'SIAMSPORT' อยากนำเสนอให้ มาซาทาดะ อิชิอิ ลองดูบ้าง!?

โปรแกรมอาเซียน คัพ 2024 รอบชิงชนะเลิศ (นัดที่ 2) ทีมชาติไทย พบ เวียดนาม วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 เวลา 20.00 น. ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี (ช่อง 32), AIS PLAY,  Youtube BG SPORTS , Facebook : นกพลัส และ True sport2 (ช่อง 667) 

ทีมชาติไทย

1 ลองเปิดโอกาสให้ผู้เล่นที่ได้โอกาสน้อยบ้าง

ตลอด 7 เกม ที่ผ่านมา มาซาทาดะ อิชิอิ อาจจะใช้ผู้เล่นไปเกือบครบทั้ง 26 คน โดยมีเพียง กฤษฎา นนทรัตน์ รายเดียวเท่านั้นที่ยังไม่มีส่วนร่วมกับเพื่อนๆ

ทุกคนเข้าใจดีว่าทีมชาติไทย ชุด อาเซียน คัพ 2024 ไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุด โดยเป็นทีมที่กุนซือชาวญี่ปุ่น ตระเตรียมไว้สำหรับอนาคตข้างหน้า ดังนั้นผู้เล่นที่เรียกมาจึงผสมผสานกันระหว่างแข้งหลักกับหน้าใหม่ๆ รวมไปถึงก๊วนที่อาจจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง 

ผลที่ออกมาก็เป็นไปอย่างที่เห็นว่าแต่ละเกมของช้างศึกค่อนข้างจะทุลักทุเล มีแค่นัดประเดิมสนามที่ถล่มติมอร์ เลสเต ที่สบายใจหน่อย ส่วนที่เหลือคือค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานโดยแท้จริง

เฉือนมาเลเซีย แบบหืดจับ, โดนสิงคโปร์ ยิงนำ 2-0, ถูกกัมพูชา ขึ้นนำก่อน, แพ้ฟิลิปปินส์ นัดแรก แถมนัดที่สองยังต้องเหนื่อยเพิ่มอีก 30 นาที และล่าสุดกับความปราชัยต่อเวียดนาม

สิ่งที่สะท้อนออกมาคือพัฒนาการของประเทศเพื่อนบ้านก็จริง บวกด้วยทรัพยากรที่ อิชิอิ มีอยู่นั้นไม่เอื้ออำนวยให้แท็กติกของเขาสำแดงเดชได้อย่างเต็มเหนี่ยว ทว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น ก็ต้องลองปรับเปลี่ยนอะไรเดิมๆ บ้างในบางทีเช่นกัน เพราะเห็นๆ อยู่ว่าผู้เล่นบางรายนั้นยังไม่ถึงชั้นอย่างแท้จริง

ดังนั้นในเกมชี้ชะตา ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ก็ได้แต่หวังว่าเฮดโค้ชทีมชาติไทย ซึ่งคลุกคลีอยู่กับนักเตะอยู่แล้ว เขาจึงรู้ได้ว่าใครเหมาะสมที่จะลงสนามบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนๆ ปรารถนาคือบรรดานักเตะหลายๆ รายที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก ก็น่าจะให้ได้นั่งบ้าง อย่าทู่ซี้ใช้งานแบบต่อเนื่องอีกเลย

เพราะว่าการรบด้วยยุทธวิธีการเดิมๆ คงยากที่จะได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิม

ทีมชาติไทย

2 ลองให้ วรชิต ออกสตาร์ตตัวจริง

สถิติของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ใน อาเซียน คัพ 2024 มีดังนี้

พบ ติมอร์ เลสเต - ลงสนามในนาทีที่ 88

พบ มาเลเซีย - ไม่ได้ลงสนาม

พบ สิงคโปร์ - ลงสนามในนาทีที่ 88 (ทำได้ 1 แอสซิสต์)

พบ กัมพูชา - ลงสนามครบ 90 นาที

พบ ฟิลิปปินส์ (นัดแรก) - ลงสนามในนาทีที่ 79

พบ ฟิลิปปินส์ (นัดที่สอง) - ลงสนามในนาทีที่ 78 (ทำได้ 1 แอสซิสต์)

พบ เวียดนาม (นัดแรก) - ลงสนามในนาทีที่ 73

หากนับจำนวนนาที (ไม่รวมช่วงทดเวลาการแข่งขัน) มิดฟิลด์จาก การท่าเรือ เอฟซี ได้สัมผัสเกมแค่ 164 จาก 660 นาที ที่ทีมชาติไทย ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้

วรชิต อาจจะไม่ใช่นักเตะที่ดูกระตือรือร้นเท่าใดนัก แต่เมื่อมองในแง่คุณภาพ ทุกคนต่างยอมรับในความยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเรื่องการจ่ายบอลแบบ 'คิลเลอร์พาส' ที่สร้างความแตกต่างระหว่างเกมได้ทุกวินาที

อย่างที่เขาแอสซิสต์ให้ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ใน อาเซียน คัพ 2024 ซึ่งเป็นประตูสำคัญของทีมทั้งสองลูก

เป็นเรื่องเหลือเชื่อทีเดียวที่ มาซาทาดะ อิชิอิ มองข้ามความสามารถตรงจุดนี้ ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนเรียกกองกลางชาวเชียงใหม่มาติดทีมเองแท้ๆ 

ในสถานการณ์บีบคั้นที่ทัพช้างศึกจำเป็นต้องชนะเวียดนาม เท่านั้นในเกมเลกที่สอง หากว่าลองให้ วรชิต ได้รับโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริง เขาจะเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนที่ทำให้แชมป์อาเซียน สมัยที่ 8 ยังอยู่บนแผ่นดินไทย แน่นอน

โจนาธาร เข็มดี ทีมชาติไทย

3 ลองให้ โจนาธาร เป็นตัวหลักในแผงหลัง

การเสียประตู 5 จาก 7 เกม แถมถูกถลุงไปแล้ว 9 ลูก ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เคยเข้าแข่งขัน อาเซียน คัพ มาเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะเท่าที่ผ่านๆ มา ทีมชาติไทย หาใช่ทีมที่จะโดนทะลวงตาข่ายได้เยอะถึงเพียงนี้ 

สถิติที่ผ่านมา นับเฉพาะปีที่ได้แชมป์ ปรากฏตัวเลขชัดเจนว่าทัพช้างศึกมีเกมรับที่แข็งแกร่งทีเดียว

ปี 1996 เสีย 3 ประตู (คลีนชีต 4 จาก 6 เกม)

ปี 2000 เสีย 3 ประตู (คลีนชีต 2 จาก 5 เกม)

ปี 2002 เสีย 7 ประตู (คลีนชีตนัดเดียวจาก 5 เกม)

ปี 2014 เสีย 6 ประตู (คลีนชีต 4 จาก 7 เกม)

ปี 2016 เสีย 4 ประตู (คลีนชีต 5 จาก 7 เกม)

ปี 2020 เสีย 3 ประตู (คลีนชีต 6 จาก 8 เกม)

ปี 2022 เสีย 5 ประตู (คลีนชีต 4 จาก 8 เกม)

ปี 2024 เสีย 9 ประตู (คลีนชีต 2 จาก 7 เกม) ยังแข่งขันไม่จบ

จากสถิติที่ออกมา บ่งชี้ได้ชัดเจนว่าเกมรับของทีมชาติไทย มีปัญหาโดยแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่ามาจากการที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ปรับเปลี่ยนแผงหลังแทบจะทุกเกม โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เฉลิมศักดิ์ อักขี เพิ่งจะได้ลงเล่นติดต่อกันเป็นเกมที่สองในแมตช์พบเวียดนาม นี่เอง

ในฟุตบอลยุคปัจจุบันที่เน้นการบิวต์-อัปเกมจากแดนหลัง และด้วยความที่เป็นพื้นที่สุดท้ายก่อนถึงผู้รักษาประตู มันจึงเป็นตำแหน่งที่เปราะบางมากๆ ดังนั้นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่นอกจากจะเล่นบอลกับพื้นได้ดี ก็ต้องมีการสอดประสานที่เข้าใจกันด้วย

ทว่า อิชิอิ กลับสลับหมุนเวียนเปลี่ยนคู่ปราการหลังแทบจะทุกเกม และดูเหมือนว่าเขาก็ยังหาดูโอ้ที่ลงตัวไม่ได้สักที

จากจำนวน 4 รายชื่อที่เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น เรียกมา มีอยู่หนึ่งคน ที่ฟอร์มโดดเด่นสะดุดตา เขาคนนั้นคือ โจนาธาร เข็มดี

กองหลังเชื้อสายเดนมาร์ก อาจจะมีจังหวะผิดพลาดอยู่บ้าง แต่เมื่อมองผลงานโดยรวม เขาถือว่าโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ทั้งช็อตบล็อกลูกยิง, การเข้าสกัด, การอ่านเกม, ลูกกลางอากาศก็ใช้ได้ และที่สำคัญคือความเกรี้ยวกราดที่มีแพสชั่นกับการแข่งขันสูงลิ่ว

เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) อาจจะแข็งแกร่งและคล่องตัวก็จริง แต่ถ้าหัวหอกบราซิล ได้เผชิญหน้ากับ โจนาธาร มันจะเป็นมวยถูกคู่ และมันคือโอกาสที่ดีที่เซนเตอร์ฮาล์ฟจาก ราชบุรี เอฟซี ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขานี่แหละจะก้าวไปเป็นความหวังในแดนหลังทีมชาติไทย ในอนาคตอันใกล้นี้

นิโคลัส มิคเคลสัน ทีมชาติไทย

4 ลองให้ มิคเคลสัน ยืนแบ็กขวา

เข้าใจได้ว่าการที่ มาซาทาดะ อิชิอิ จำเป็นต้องโยก นิโคลัส มิคเคลสัน ที่โดยปกติจะยืนแบ็กขวา โยกไปฝั่งตรงข้าม นั่นก็เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่า อาเซียน คัพ 2024 เกมทางกราบซ้ายของทัพช้างศึกนั้นบอดสนิทจริงๆ

นี่คือ 'บทเรียน' ที่กุนซือชาวญี่ปุ่น ได้รับรู้แล้วว่าถึงแม้ ไทยลีก จะมาตรฐานสูงกว่าเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบสูงลิ่ว แต่กระนั้นพอถึงทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ทีมอื่นไม่มีใครยอมใครทั้งสิ้น

ที่สำคัญคือทุกชาติต่างก็ต้องการล้มช้างศึกให้จงได้อีกต่างหาก มันจึงเพิ่มความยากเป็นทวีคูณในการเอาชนะคู่แข่งสำหรับทีมชาติไทย

อย่างไรก็ตาม การให้ มิคเคลสัน ประจำการทางฝั่งซ้ายก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผลที่ออกมามันไม่เวิร์กเอาเสียเลย ทั้งยังพลอยทำให้กองหลังเชื้อสายนอร์เวย์ หมดความมั่นใจไปด้วย

ดังนั้นในนัดชิงชนะเลิศเลกที่สองกับเวียดนาม - อิชิอิ น่าจะให้ฟูลแบ็ก โอบี โอเดนเซ่ เล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัด ส่วนอีกฟากก็อาจจะใช้คนที่เล่นเกมรับแน่นๆ อย่าง ทิตาธร อักษรศรี ยืนปักหลักร่วมกับเซนเตอร์ฮาล์ฟไปเลย

เบน เดวิส ทีมชาติไทย

5 ลองให้ เดวิส โลดแล่นต่อเนื่อง

เบนจามิน เดวิส คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับคำชมจากทั่วทุกสารทิศในเกมกับเวียดนาม เพราะสถิติต่างๆ ตลอดทั้ง 90 นาที ที่ เวียต ตรี สเตเดี้ยม เขาแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างเต็มเหนี่ยว จนได้ใจแฟนฟุตบอลชาวไทย ไปแบบเป็นเอกฉันท์

แม้จะยืนเป็นตัวรุก แต่เด็กหนุ่มเชื้อสายอังกฤษ ก็วิ่งห้อลงไปช่วยเกมรับอย่างสม่ำเสมอ ตัวเลขการวิ่งถึง 11.2 กิโลเมตร (มากที่สุดของช้างศึก) บ่งบอกว่านักเตะจาก อุทัยธานี เอฟซี ฟิตปั๋งเพียงใด

ไม่เพียงแต่เรื่องพละกำลัง หากแต่รวมไปถึงการสอดประสานกับบรรดาแดนบนของไทย ที่ เดวิส ทำชิ่งหนึ่ง-สองได้อย่างเนียนตา ติดนิดเดียวที่พื้นสนามไม่เป็นใจ มิเช่นนั้นอาจจะได้เห็นการทำเกมสวยๆ มากกว่านี้

ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังมี 'เซ้นส์' ฟุตบอลที่สามารถเล่นร่วมกับ สุภโชค สารชาติ, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ได้แบบลื่นไหล บางที มาซาทาดะ อิชิอิ ก็ควรจะให้โอกาสกับแนวรุกหมายเลข 13 ได้เล่นแบบต่อเนื่องในเกมวันจันทร์ที่ 5 มกราคมนี้

เดวิส เป็นอีกหนึ่งคนที่น่าลองเหลือเกิน เพราะหมอนี่จะเพิ่มมิติการเข้าทำให้กับทัพช้างศึกได้หลายหลากมิติ เว้นเสียแต่ว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น จะ 'คิดเยอะ' ดร็อปไว้ข้างสนามนั่นเอง


ที่มาของภาพ : Siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport