บทสรุป 10 ข้อ ทีมชาติไทย พ่าย เวียดนาม ลุ้นต่อนัด 2

บทสรุป 10 ข้อ ทีมชาติไทย พ่าย เวียดนาม ลุ้นต่อนัด 2
ทีมชาติไทย บุกไปปราชัยต่อเวียดนาม 1-2 ท่ามกลางความผิดพลาดต่างๆ นานามากมาย แต่ในข้อเสีย ก็ยังพอมีแสงสว่างให้เห็น และด้วยสกอร์ที่ตามหลังเพียงลูกเดียว มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเลย และนี่คือ 10 ข้อ ที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ฝั่งซ้ายบอดสนิท

มาซาทาดะ จัดตัวผู้เล่นเซอร์ไพรส์พอสมควรเมื่อส่ง เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่สลัดอาการบาดเจ็บลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นชุดแรก แถมยังเปลี่ยนคู่มิดฟิลด์ที่ปกติจะใช้ วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี อีกต่างหาก

ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟยังคงใช้ พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมศักดิ์ อักขี เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ซึ่งเป็นหนแรกที่กุนซือชาวญี่ปุ่น ไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งนี้

จากรายชื่อที่ออกมา อาจจะสร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ ไม่น้อย ซึ่งก็น่าจะมาจากการที่ผู้เล่นหลายๆ รายต้องพักร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะนัดชิงชนะเลิศมี 2 เกม ดังนั้นนักเตะอย่าง สุภโชค สารชาติ กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เลยอยู่ข้างสนามเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้ง 90 นาที จุดบอดที่สุดของทีมชาติไทย คือ 'แบ็กซ้าย' เพราะในครึ่งแรก นิโคลัส มิคเคลสัน ก็ไม่ใช่พื้นที่ถนัดของตนเอง พอครึ่งหลังเอา ทิตาธร อักษรศรี ลงมาแทน ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าใดนัก

นี่คือปัญหาใหญ่ของทัพช้างศึกมาตั้งแต่เกมแรก และมันก็คงจะเป็นต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศเกมที่สองที่ ราชมังคลากีฬาสถาน เช่นกัน

[ 2 ] สนามไม่เรียบส่งผลชัดเจน 

ด้วยความที่ทีมชาติไทย ในยุค มาซาทาดะ อิชิอิ นั้นเน้นเล่นบอลกับพื้นเป็นหลัก อีกทั้งศักยภาพของนักเตะแต่ละรายก็เป็นจำพวกจอมเทคนิค ดังนั้นถ้าเจอสนามแข่งขันที่ค่อนข้างเรียบ เราจึงจะได้เห็นการต่อบอลแบบไหลลื่นเนียนตา

ทว่าที่ เวียต ตรี รังเหย้าของเวียดนาม นั้นสภาพผืนหญ้าค่อนข้างขรุขระอย่างชัดเจน เห็นได้จากหลายๆ จังหวะที่แข้งช้างศึกไม่สามารถชิ่งบอลกันได้ เพราะต้องจับก่อนหนึ่งทีเพื่อให้ชัวร์ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้เพื่อน

จากการที่ไม่คุ้นชินต่อสภาพสนาม จึงทำให้การเล่นของทีมชาติไทย ช้าลงไปพอสมควร แม้จะเอาตัวรอดกันได้ แต่ก็ทุลักทุเล เนื่องด้วยสภาพพื้นดินที่ทำให้บอลกระเด้งไม่เป็นจังหวะ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อขุนพลช้างศึกโดยตรง

[ 3 ] เสกสรรค์ ควรพักบ้าง

ตลอดทั้ง 7 เกมใน อาเซียน คัพ 2024 เสกสรรค์ ราตรี มีส่วนร่วมกับทีมชาติไทย ทุกนัด แม้จะมี 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ รวมถึงการไปควักบอลจากเส้นสุดท้ายในเกมชนะฟิลิปปินส์ 3-1 ทว่าผลงานโดยรวมของกองกลางจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับโอกาสที่เจ้าตัวได้รับจาก มาซาทาดะ อิชิอิ

เข้าใจว่ามิดฟิลด์วัย 21 ปี น่าจะเป็นนักเตะที่เล่นได้ตามแท็กติกของโค้ช ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่การที่ได้เล่นทุกเกม ตั้งแต่รอบแรก มากระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศแมตช์แรก ถือว่าดาวรุ่งคนนี้เป็น 'ลูกรัก' ของกุนซือชาวญี่ปุ่น จริงๆ

ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขายังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แถมเจ้าตัวเองก็จัดเป็นหนึ่งในวันเดอร์คิดของสยามประเทศ ดังนั้นอนาคตข้างหน้า ยังไงหมอนี่ก็อยู่ในทำเนียบทีมชาติแน่ๆ

ทว่ากับ อาเซียน คัพ หนนี้ ถือว่ายังเร็วเกินไปสำหรับ เสกสรรค์ ยิ่งการที่เขาพยายามยิงไกลครึ่งสนาม ทั้งในเกมกับฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ยิ่งทำให้ดูไม่ค่อยเหมาะเท่าใดนัก เพราะนอกจากจะเสียบอลไปโดยเปล่าประโยชน์ เพื่อนร่วมทีมที่เตรียมจะวิ่งหาพื้นที่ ก็ใช้พลังงานโดยใช่เหตุ

กับ บุรีรัมย์ ในฤดูกาล 2024-25 เขาเพิ่งจะมีส่วนร่วมกับทีมไปเพียง 165 นาที ในทุกรายการ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมชาติไทย แล้ว คนละเรื่องเดียวกันเลย

[ 4 ] มิคเคลสัน ต้องอยู่ฝั่งขวา

นิโคลัส มิคเคลสัน กลายเป็นนักเตะที่ผลงานต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ ใน อาเซียน คัพ 2024 ซึ่งก็เข้าใจได้ นั่นเพราะเขาถูก มาซาทาดะ อิชิอิ จับไปยืนแบ็กซ้ายนั่นเอง

จริงๆ แล้ว แบ็กซ้ายไทย มีเก่งกาจมากมาย เพราะต่อให้ตัด ธีราทร บุญมาทัน, ศศลักษณ์ ไหประโคน หรือ เควิน ดีรมรัมย์ ที่ถอนตัวบ่อยเกินไป - ทัพช้างศึกก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่าง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, วันชัย จารุนงคราญ, ชัยวัฒน์ บุราณ, สุริยา สิงห์มุ้ย, วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ และ อิรฟาน ดอเลาะ ที่สามารถยืนได้

ทว่า อิชิอิ กลับไม่เลือกพวกเขามา

มิคเคลสัน อาจจะเล่นได้ก็จริง แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่สามารถดึงประสิทธิภาพของเขาออกมาใช้ได้อย่างสูงสุด ซึ่งผลที่ออกมาก็เห็นอยู่ว่าฝั่งซ้ายของไทย 'บอดสนิท' จริงๆ

[ 5 ] จัดคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟผิด

ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟเป็นพื้นที่ที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทดลองใช้ปราการหลังคู่กลางสลับกันมาตั้งแต่เกมแรก 

พบ ติมอร์ เลสเต - พรรษา เหมวิบูลย์ กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ

พบ มาเลเซีย - เฉลิมศักดิ์ อักขี กับ โจนาธาร เข็มดี

พบ สิงคโปร์ - พรรษา เหมวิบูลย์ กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ

พบ กัมพูชา - เฉลิมศักดิ์ อักขี กับ โจนาธาร เข็มดี

พบ ฟิลิปปินส์ (นัดแรก) - โจนาธาร เข็มดี กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ

พบ ฟิลิปปินส์ (นัดสอง) - พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เฉลิมศักดิ์ อักขี

เพิ่งจะมีเกมกับเวียดนามนี่เองที่อดีตเฮดโค้ช คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ให้ พรรษา และ เฉลิมศักดิ์ เล่นจับคู่เป็นนัดที่สองนัดติดต่อกัน

ในครึ่งแรกทั้งสองคนสามารถจัดการกับ เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) ได้อยู่หมัด เพราะหัวหอกชาวบราซิล แทบไม่ได้กระดิก จนออกอาการหงุดหงิด กระทั่งยิงทิ้ง-ยิงขว้างไปหลายครั้ง

แต่พอการแก้เกมของ คิม ซัง-ซิก เป็นผลเท่านั้นแหละ พรรษา และ เฉลิมศักดิ์ ต่างก็ค่อยๆ โดนความแข็งแรงของดาวยิงโอนสัญชาติเล่นงานในที่สุด

จุดเด่นของทั้งสองคนคือรูปร่างสูงใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่ก็มีข้อด้อยตรงที่ค่อนข้างเชื่องช้า และฝั่งเวียดนาม ก็รู้ดี เลยใช้มาโจมตี กระทั่งได้ 2 ประตู นั่นเอง

จริงๆ แล้วหากเป็น โจนาธาร ลงมาสักคนหนึ่ง เขาน่าจะช่วยให้เกมรับแน่นขึ้นกว่าที่เห็น เนื่องจากเซนเตอร์ฮาล์ฟเชื้อสายเดนมาร์ก มีความไวพอสมควร อีกทั้งยังเป็นแนวรับที่ชิงจังหวะเล่นบอลอยู่เสมอ  อีกทั้งยังมีความเกรี้ยวกราดตลอดเวลา ซึ่งสามารถข่มศูนย์หน้าฝั่งตรงข้ามได้

จากผลงานในนัดชิงชนะเลิศนัดแรก เชื่อว่า อิชิอิ คงจะเปลี่ยนคู่ปราการหลังในเกมที่สอง ณ ราชมังคลากีฬาสถาน คงจะเปลี่ยนอีกแน่นอน

[ 6 ] ไม่น่าเปลี่ยน ไวเดอร์สเฌอ

ในวันที่ 11 ผู้เล่นบนแผงมิดฟิลด์ไร้ชื่อของ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กับ วีระเทพ ป้อมพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกของ มาซาทาดะ อิชิอิ ใน อาเซียน คัพ 2024 - แฟนๆ ต่างก็หวั่นๆ ว่าจะสามารถต่อกรกับเวียดนาม ได้หรือไม่ เพราะเจ้าถิ่นก็มีกองกลางเก่งกาจหลายราย แถมยังเป็นพวกทำลายเกมอีกต่างหาก

ทว่าสิ่งที่ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ แสดงให้เห็นตลอด 61 นาที ในสนามนั้นสร้างความชื่นใจให้กองเชียร์ช้างศึกแน่นอน เพราะว่า ณ ตอนนี้ สยามประเทศมีอีกหนึ่งนักเตะที่ฝากความหวังได้แน่ๆ

เคลื่อนที่ตลอดเวลา, ประสานงานรับ-รุกได้เนียนตา, แข็งแรง, พละกำลังล้นเหลือ, มีความก้าวร้าวในแบบฉบับนักสู้, จ่ายบอลแม่นยำ, เลือกจังหวะเล่นได้ฉลาด และอีกหลายๆ อย่างที่เป็นคุณสมบัติของมิดฟิลด์ที่ดี

แต่ มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกที่จะถอด ไวเดอร์สเฌอ ออกซะอย่างนั้น

เข้าใจว่าส่วนหนึ่งกุนซือชาวญี่ปุ่น ต้องการได้ประตูตีเสมอ จึงจำเป็นต้องส่งนักเตะเกมรุกลงมาให้มากที่สุด แล้วตัดสินใจให้เหลือเพียง วีระเทพ ซึ่งเป็นกองกลางธรรมชาติ เพียงคนเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พอไม่มีผู้เล่นลูกครึ่งสวีเดน ในสนาม ดูเหมือนว่าการเชื่อมเกมระหว่างหลัง-กลาง-หน้าดูจะติดๆ ขัดๆ ไปทีเดียว ก่อนจะโดนยิงหนีห่าง 2-0 แต่ก็ยังดีที่ได้มาหนึ่งประตู มิเช่นนั้นงานของไทย คงจะยากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว

[ 7 ] เอกนิษฐ์ ยังไม่ฟิต แต่กลับส่งลงสนาม

ไม่มีใครปฏิเสธความเก่งกาจของ เอกนิษฐ์ ปัญญา เพราะนี่คือหนึ่งในผู้เล่นพรสวรรค์สูงของวงการลูกหนังไทย ทว่าการที่แนวรุกชาวเชียงราย แทบไม่ได้รับโอกาสที่ อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส แถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกต่างหาก

มาซาทาดะ อิชิอิ เองก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะเขาเองก็อยู่กับนักเตะตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจกับการให้เด็กหนุ่มชาวเชียงราย ออกสตาร์เป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรก

เข้าใจว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น คงจะ 'ซื้อ' ความยอดเยี่ยมของ เอกนิษฐ์ เพราะเขาเชื่อว่าแนวรุกวัย 25 ปี มีดีพอที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างเกมได้นั่นเอง

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ อิชิอิ คาดการณ์ไว้น่าจะผิด เพราะว่าดาวเตะหมายเลข 17 อาจจะเล่นได้พอใช้ ครองบอลเหนียวแน่น ประสานงานกับเพื่อนลงตัว แต่ด้วยความที่ร้างกายไม่สมบูรณ์เต็มร้อย มันจึงไม่สามารถรีดศักยภาพที่มีออกมาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

นอกจากนี้การได้อยู่ในสนามนานถึง 73 นาที ทั้งๆ ที่ความฟิตยังไม่ได้ มันจึงน่าแปลกใจที่ เอกนิษฐ์ ได้เล่นต่อ ซึ่งบางทีการฝืนเกินไป อาจจะเป็นผลเสียต่อตัวนักเตะในอนาคตก็ได้

[ 8 ] ประตู 2-0 เฉลิมศักดิ์ รับเต็มๆ

เฉลิมศักดิ์ อักขี ได้รับโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริง 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง เว้นเพียงการตัดสินใจที่พลาดผิดกับการเลือกที่จะล็อกหลับ เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) บริเวณกลางสนามจนมาซึ่งประตูนำห่าง 2-0 ของเวียดนาม นั่นเอง

นี่คือ 'บทเรียน' ราคาแพงของเซนเตอร์ฮาล์ฟจาก การท่าเรือ เอฟซี เนื่องในฐานะที่ตนเองเป็นปราการด่านสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่ควรเล่นอะไรในลักษณะนี้

ที่สำคัญก่อนการแข่งขัน เขาเองก็ไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะไม่ให้เกียรติคู่แข่งเช่นกัน เพราะเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง 'ของ' มันจะย้อนเข้าตัวได้

ยังดีที่ เฉลิมศักดิ์ แก้ตัวจากการเป็นผู้โหม่งตีตื้น 1-2 ได้สำเร็จ มิเช่นนั้นเขาอาจจะถูกวิพากษ์-วิจารณ์บนโลกโซเชียลมีเดียและในวงสนทนาไปอีกหลายวันเลยทีเดียว

[ 9 ] คิม ซัง-ซิก จอมเจ้าเล่ห์

คนที่สวมควรได้รับความดีความชอบจากชัยชนะเหนือไทย 2-1 นอกจาก เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) ผู้ทำสองประตูและปั่นป่วนแนวรับช้างศึกซะยุ่งเหยิง ก็ต้องเป็น คิม ซัง-ซิก กุนซือของเวียดนาม นี่แหละที่วางแท็กติกแบบแยบยลกระทั่งกุมความได้เปรียบในนัดแรก

เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ สั่งให้ลูกทีมของตนเองเล่นด้วยความอดทนและมีระเบียบวินัย โดยอาศัยจังหวะผิดพลาดของฝั่งตรงข้าม แล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ให้ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่สถิติหลังจบเกมทัพดาวทองจะเป็นรองในหลายๆ เรื่อง ยกเว้น 'โอกาส' ในการยิง

ตัวเลขหลังหมด 90 นาทีที่ เวียต ตรี สเตเดี้ยม - เปอร์เซ็นต์การครองบอล ทีมชาติไทย 64 ส่วนเวียดนามมีเพียง 36 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

การผ่านบอล ทีมช้างศึกก็เหนือกว่าสุดกู่ด้วยจำนวน 464 ต่อ 255 ครั้ง

ทว่าโอกาสในการยิงนั้นเวียดนาม มีมากถึง 21 ครั้ง โดยเป็นการตรงกรอบ 9 ครั้ง และทำให้ ปฏิวัติ คำไหม ต้องออกแรงเซฟไป 7 ครั้ง

ตั้งแต่รอบแรก มาจึงถึงนัดชิงชนะเลิศ รูปแบบการเล่นของ คิม ซัง-ซิก จะเป็นลักษณะนี้เสมอ เว้นเสียแต่ว่าเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่ห่างชั้นกัน เขาจะเปิดหน้าแลกแบบไม่มีเม้ม

ในครึ่งแรกของเกมกับทีมชาติไทย เขาเลือกที่จะเก็บ เหงียน ควง ไฮ ไว้ใช้งานในครึ่งหลัง เพราะต้องการให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ค่อยๆ นวดแนวรับช้างศึกจนอ่อนแรง ซึ่งพอส่งซูเปอร์สตาร์ของประเทศลงมาก็เป็นผลทันที เนื่องจากอดีตกองกลาง เปา แอฟเซ สามารถจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสได้ดี และก็มีส่วนในประตูขึ้นนำ 1-0 อีกด้วย

นี่คือผลพวงจากการวางกลยุทธ์อันสุดแสนจะเจ้าเล่ห์ของ คิม ซัง-ซิก ที่ทำให้เวียดนามเอาชนะทีมชาติไทย ในบ้านตัวเองได้เป็นหนแรกในรอบ 27 ปี เลยทีเดียว

[ 10 ] ยังมีหวังในนัดที่สอง

แม้จะมีข้อผิดพลาดมากมายเกิดขึ้น แต่ด้วยสกอร์ที่ตามหลังอยู่เพียง 1-2 มันจึงไม่ใช่งานที่ยากลำบากจนเกินไปสำหรับทีมชาติไทย ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้

ในอดีต เมื่อปี 2016 ทัพช้างศึกก็บุกไปแพ้อินโดนีเซีย 1-2 ก่อนจะกลับมาเล่นที่ ราชมังคลากีฬาสถาน แล้วทุบทีม การูด้า ไป 2-0 ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ หรือในรอบรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์นี้ที่พลิกกลับมาเอาชัยเหนือฟิลิปปินส์ ได้สำเร็จ

ตัวอย่างมีให้เห็นมาก่อนแล้ว

ด้วยความกระหาย, การอยากพิสูจน์ตัวเอง, มาตรฐานนักเตะที่ยังเหนือกว่าเวียดนามอยู่พอสมควร, เสียงเชียร์ในสนามและการตามหลังแค่ลูกเดียว ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง

51,560 ถูกจับจองทั้งสี่ฟากฝั่งอัฒจันทร์ ดังนั้นวันจันทร์ที่ 5 มกราคม จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทย

ไปร่วมกันส่งเสียงให้กึกก้องกังวานว่าเราคือเบอร์หนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมๆ กัน!!


ที่มาของภาพ : ฟุตบอลทีมชาติไทย
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport