ทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2024 ด้วยสถิติชนะรวด 4 นัด โดยปิดท้ายด้วยการเฉือนกัมพูชา 3-2 โดยในแมตช์นี้ยังมีหลายๆ เรื่องที่น่าสนใจ และนี่คือ 5 ประเด็น หลังเกมที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] โรเตชั่นเพื่อทดสอบ
โทษฐานที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่ม เอ แน่นอนแล้ว ทำให้ มาซาทาดะ อิชิอิ จัดการปรับเปลี่ยนผู้เล่นแบบยกแผง โดยพักตัวหลักอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทั้ง 3 นัด ไว้ข้างสนาม รวมไปถึง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ วีระเทพ ป้อมพันธ์ ซึ่งเป็นคีย์แมนในแผงมิดฟิลด์
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจตรงที่กุนซือชาวญี่ปุ่น กล้าที่จะให้ นิโคลัส มิคเคลสัน อีกหนึ่งกุญแจของทีมลงเล่นกับกัมพูชา ทั้งๆ ที่ฟูลแบ็กเชื้อสายนอร์เวย์ มีใบเหลืองติดตัว เพราะถ้าถูกจดชื่ออีกครั้ง เขาจะถูกแบนทันทีในเกมหน้า
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ อิชิอิ ก็หมุนเวียนตามที่ตนเองได้แจ้งไว้ล่วงหน้า ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่ส่ง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ลงมาเฝ้าเสาเป็นนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ - เซนเตอร์ฮาล์ฟเป็น เฉลิมศักดิ์ อักขี กับ โจนาธาร เข็มดี ที่ยืนคู่กันในเกมพบมาเลเซีย ขณะที่ฟูลแบ็กขวา-ซ้ายคือ เจมส์ เบเรสฟอร์ด และ อภิสิทธิ์ โสรฎา
แดนกลาง อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ ที่ถูกคาดโทษก็ได้ลงเล่น โดยทำเกมร่วมกับ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ ผู้รับบทกัปตัน โดยมี วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เป็นเพลย์เมเกอร์ สนับสนุน อนันต์ ยอดสังวาลย์, มิคเคลสัน และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
ด้วยความที่เป็นการทดลองของ อิชิอิ มันจึงทำให้เป็นอีกครั้งที่ผลงานของไทย ดูจะขาดๆ เกินๆ ก่อนจะถูกยิงนำในที่สุด
[ 2 ] กัมพูชา พัฒนาการดีขึ้นชัดเจน
แม้จะมีผู้เล่นโอนสัญชาติมากถึง 6 คน แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือรูปแบบการเล่นของกัมพูชา นั้นดูมีความเป็นสากลอย่างชัดเจน
11 ตัวจริงของทัพนักรบอังกอร์ พวกเขาใช้แข้งที่โอนสัญชาติมาเพียง 3 คน เท่านั้นคือ ทากากิ โอเสะ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ), ฮิคารุ มิซูโนะ (กองกลาง) และ อันเดรส เนียโต้ (กองหน้า) ซึ่งแน่นอนว่านักเตะเหล่านี้คือแกนหลักที่ทำให้แท็กติกของ โคจิ เกียวโตคุ เห็นผลมากขึ้น
แนวรับไม่เตะทิ้งแบบสะเปะสะปะ, มีการบิวต์ขอัปเกมตั้งแต่แดนตนเอง, กองกลางสามารถต่อกรกับมิดฟิดล์ช้างศึกแบบไม่เป็นรอง, เพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า กระทั่งเป็นที่มาของประตู 1-0 นั่นเอง
ครึ่งแรก เปอร์เซ็นต์การครองบอลของกัมพูชา อาจจะน้อยกว่าก็จริง แต่โอกาสของพวกเขามีมากกว่าด้วยตัวเลข 6 ต่อ 3 ก่อนจะได้มาหนึ่งลูก แถมยังต้องทำให้ กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ต้องออกแรงถึง 4 ครั้ง
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ หากแต่มาจากการฝึกซ้อมที่เข้มข้น จนยกระดับขึ้นมาสู้กับไทย ได้แบบนี้ หากทีมนักรบอังกอร์ยังพัฒนาแบบต่อเนื่อง รับประกันเลยว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ไม่ยากเลย
[ 3 ] อิชิอิ โชว์แก้เกมอีกครั้ง
เป็นนัดที่สองติดต่อกันที่ มาซาทาดะ อิชิอิ แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในการแก้เกม เพราะผลงานในครึ่งแรกและครึ่งหลังนั้นกลายเป็นหนังคนละม้วนเดียวกัน
ครึ่งแรกอาจจะครองบอลบุกได้มากกว่าก็จริง แต่โอกาสยิงนั้นยังมีไม่มากนัก แถมยังถูกกัมพูชา โจมตีเร็วในหลายๆ ครั้งอีกต่างหาก
พอครึ่งหลัง อดีตเทรนเนอร์ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส จัดการเปลี่ยนรวดเดียว 3 คนคือส่ง เสกสรรค์ ราตรี, ทิตาธร อักษรศรี และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ลงมาแทน อนันต์ ยอดสังวาลย์, เจมส์ เบเรสฟอร์ด กับ อภิสิทธิ์ โสรฎา
นอกจากนี้ยังถอย วรชิต ที่เล่นเป็นเพลย์เมเกอร์ลงมาล้วงบอลมากขึ้น โดยให้ อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ ขึ้นสูงกว่าเดิม
ผลที่ออกมาก็อย่างที่ทุกคนเห็น
สิ่งแรกคือฝั่งซ้ายดูมีความสมดุลมากกว่าเดิม เพราะทั้ง ทิตาธร และ เสกสรรค์ นั้นอาจจะไม่หวือหวา แต่ทั้งคู่มีความเข้าใจเกมสูง จึงทำให้ปิดจุดบอดฟากนี้สำเร็จ
สิ่งที่สอง วรชิต ได้บอลมากขึ้น มันจึงทำให้แดนกลางไหลลื่น จนได้มาซึ่งประตูที่ 2
สิ่งที่สาม การมี ศุภณัฏฐ์ นั้นทำให้แนวรับของกัมพูชา ต้องพะวงมากกว่าเดิม สังเกตได้จากทุกครั้งที่กองหน้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้บอล เขาจะถูกรุมทึ้งเสมอ จนเปิดพื้นที่ให้เพื่อนเล่นได้ง่ายขึ้น
ชัยชนะ 3-2 จึงเป็นอีกครั้งที่ อิชิอิ โชว์ให้เห็นถึงการแก้เกมชั้นเซียน แต่ถ้าต้องให้กุนซือชาวญี่ปุ่น ต้องปรับแผนบ่อยๆ มันคงจะไม่ดีในระยะยาว
[ 4 ] ธีรศักดิ์ ต้องเรียกความมั่นใจโดยด่วน
ในเกมนี้มีนักเตะที่ได้รับโอกาสหลายราย แต่ในหลายๆ รายก็ยังดูเหมือนว่าไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนกับที่ทำให้ต้นสังกัดของตนเองเช่นกัน
ธีรศักดิ์ เผยพิมาย คือหนึ่งในนั้น แต่เขาดูจะชัดกว่าคนอื่นๆ เพราะจังหวะหลุดเดี่ยวที่ยังไงต้องเป็นประตู ทว่ากลับยิงไปตรงตัวนายทวารทีมเยือนซะอย่างนั้น
ไม่นับรวมอีกหนึ่งช็อตในครึ่งหลังที่หลุดเดี่ยวไปในกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะเอี้ยวตัวยิงไปติดมือผู้รักษาประตูกัมพูชา แม้จะถูกยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้า แต่เขาก็ควรจะทำได้ดีกว่าที่เห็น
นอกเหนือไปจากความเฉียบคมที่ขาดหาย - ธีรศักดิ์ ยังแทบไม่สามารถเก็บบอลได้เลย เพราะถูกคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของนักรบอังกอร์สกัดกั้นจนขยับไม่ออก
89 นาที ในสนามของเขาจึงไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำนัก แต่เจ้าตัวต้องลืมมันให้ไวที่สุด เพราะตัวเขาเป็นนักเตะที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอยู่แล้ว เหลือเพียงเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้เท่านั้น ทว่าฟอร์มยังฝืดเช่นนี้ อาจจะถูกคนอื่นๆ แซง และคงจะหลุดจากทัพช้างศึกไปในอนาคต
อย่าลืมว่า ณ ปัจจุบันยังมี ศุภชัย ใจเด็ด กับ ปรเมศย์ อาจวิไล ที่อยู่ในข่ายศูนย์หน้าตัวเป้า แถมใน อาเซียน คัพ 2024 - พาตริก กุสตาฟส์สัน ก็แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะท้าชิง ไม่นับรวมบรรดาดาวรุ่งคนอื่นๆ อีก
ธีรศักดิ์ ต้องเรียกความมั่นใจโดยด่วน
[ 5 ] แดนกลางต้องมี วีระเทพ + วรชิต
ตลอด 4 เกมในรอบแรก ปรากฏว่ามีเพียงนัดถล่มติมอร์ เลสเต เท่านั้นที่ไทย ทำผลงานได้น่าดูชม เพราะที่เหลืออีก 3 แมตช์ ทัพช้างศึกยังไม่อาจเล่นได้เข้าฝักตามที่ถูกคาดหวังไว้เลย โดยเฉพาะครึ่งแรกของเกมชนะสิงคโปร์ 4-2 และเฉือนกัมพูชา 3-2
แผงมิดฟิลด์ คือจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับฟุตบอลยุคปัจจุบัน และในทัวร์นาเมนต์นี้ มาซาทาดะ อิชิอิ ก็เลือกใช้กองกลางอยู่ 5 คน สลับหมุนเวียนกันลงสนาม นำโดย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กัปตันทีม, วีระเทพ ป้อมพันธ์, อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ
แต่ละคนนั้นมีจุดเด่นแตกต่างกันไป แต่มีเพียง วรชิต ที่สามารถเพิ่มมิติในพื้นที่สุดท้ายอย่างชัดเจน
กองกลางชาวเชียงใหม่ เพิ่งจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงเป็นเกมแรกในนัดชนะกัมพูชา ส่วนอีกสองแมตช์นั้นลงมาช่วงท้าย โดยปล่อยพิษสงจัดแอสซิสต์ให้ พีรดนย์ ยิงแซงสิงคโปร์
ผลงานของเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าทีมชาติไทย ต้องการนักเตะประเภทที่จ่ายแบบ 'คิลเลอร์พาส' ก็ต้องใส่ชื่อ วรชิต ลงสนาม แม้เจ้าตัวเป็นผู้เล่นที่เคลื่อนที่ไม่มากนัก แต่ประสิทธิภาพในการเล่นร่วมกับเพื่อนนั้นมหาศาล
ดังนั้นตั้งแต่รอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป มิดฟิลด์จาก การท่าเรือ เอฟซี คนนี้ควรจะเป็นตัวจริงได้แล้ว
ส่วนอีกคนที่จะขาดไม่ได้คือ วีระเทพ ที่ปัจจุบันสถาปนาเป็นกองกลางที่ดีที่สุดของประเทศเป็นที่เรียบร้อย
นักเตะเท้าซ้ายรายนี้สำแดงเดชแบบชัดเจนในแมตช์กัมพูชา เพราะพอเขาลงมาในนาทีที่ 71 แผงมิดฟิลด์ของไทย ก็ครอบครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จ กระทั่งเอาชนะไปในที่สุด
ส่วนผสมของ วรชิต กับ วีระเทพ เข้าเคมีกันสุดๆ เพราะทำให้เกิดความสมดุลด้วยเซ้นส์ฟุตบอลที่ล้ำเลิศของคู่นี้ ฉะนั้นก็เหลืออีกเพียงหนึ่งคนที่ อิชิอิ ต้องเลือก เพราะชั่วโมงนี้ อัครพงษ์ ก็มั่นใจ, ไวเดอร์สเฌอ ก็มาตรฐานสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ พีรดนย์ ก็อยู่ในฐานะกัปตันทีม แถมประสบการณ์ยังมากกว่าคนอื่นๆ อีกต่างหาก
แต่ทั้งนั้น-ทั้งนี้ วรชิต และ วีระเทพ จะเป็นคีย์แมนสู่การป้องกันแชมป์ในบั้นปลาย