ทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแน่นอนแล้ว หลังบุกชนะสิงคโปร์ 4-2 ทว่าฟอร์มโดยรวมยังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก โดยเฉพาะเกมรับที่ดูจะลนลานอยู่ตลอด เวลาเจอบอมบ์กลางอากาศ และนี่คือ 5 ประเด็น หลังเกมที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] เกมรับมีปัญหา
มาซาทาดะ อิชิอิ คือกุนซือที่ละเอียดในเรื่องแท็กติก อีกทั้งยังเป็นคนที่ศึกษาคู่ต่อสู้อยู่เสมอ ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอาชีพโค้ช
ทว่าในเกมกับสิงคโปร์ เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่นน่าจะคาดการณ์ผิดไปพอสมควร เพราะการส่ง ทิตาธร อักษรศรี ลงเล่นตำแหน่งแบ็กซ้าย รวมถึงให้ พรรษา เหมวิบูลย์ มายืนจับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ศฤงคาร พรหมศุภะ นั้นเป็นการ 'เปิดช่อง' ให้กับเจ้าถิ่นอย่างแท้จริง
ทั้งสามคนเป็นกองหลังที่มีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแรง ซึ่งแนวรับประเภทนี้มักจะมีจุดด้อยคือสปีดที่ค่อนข้างช้า และมันกลายเป็นสิ่งที่ทีมเมอร์ไลอ้อนส์เอามาโจมตีในครึ่งแรกซะจนปั่นป่วนเสียกระบวนไปหมด
สิ่งที่น่าผิดหวังคือการที่ปล่อยให้แนวรุกของสิงคโปร์ ที่มีความสูงไม่ถึง 1.70 เมตร อย่าง ชาวาล อานัวร์ กับ ฟาริส รามลี่ (1.68 เมตร ทั้งสองคน) เอาชนะลูกกลางอากาศหลายต่อหลายครั้ง ทั้งๆ ที่ พรรษา มาพร้อมสัดส่วน 1.91 เมตร, ทิตาธร 1.83 เมตร หรือ ศฤงคาร 1.75 เมตร
ไม่ต้องนับ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ที่ถูกวางให้เติมเกมบุกเป็นหลัก แต่อีกสามคนในแดนหลังกลับไม่สามารถจัดการเกมรุกของเจ้าบ้านได้เลย แถมช่วงทดเวลาในครึ่งหลังก็ยังดูสะเปะสะปะอีกต่างหาก เจียจะถูกตีเสมออยู่ 1-2 ครั้ง
เชื่อว่ากุนซือของเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งน่าจะเป็นคู่ต่อกรของไทย ในรอบรองชนะเลิศคงจะได้เห็น 'จุดอ่อน' ของทัพช้างศึกไปพอสมควร
นี่คือสิ่งที่ อิชิอิ ยังคงต้องพยายามปรับแก้ หากหวังพาทีมป้องกันแชมป์ให้สำเร็จ
[ 2 ] อนันต์ 2 แแอสซิสต์ - ธีรศักดิ์ ยิงได้ แต่โดยรวมยังไม่ผ่าน
โทษฐานที่ สุภโชค สารชาติ, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ เบนจามิน เดวิส สามแนวรุกที่เป็นตัวเลือกเบอร์แรกๆ นั้นยังไม่พร้อม ขณะที่การใช้ เสกสรรค์ ราตรี มาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายในเกมกับมาเลเซีย นั้นไม่ไม่เวิร์กเอาเสียเลย โอกาสจึงกลับมาถึง อนันต์ ยอดสังวาลย์ อีกครั้ง
ปีกจิมพลิ้วจาก ลำพูน วอร์ริเออร์ส คือหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวไปเป็นกำลังหลักของทีมชาติในอนาคต และเขาเองก็ได้รับความไว้วางใจจาก มาซาทาดะ อิชิอิ พอควรเลยทีเดียว แต่ฟอร์มการเล่นนั้นยังไม่เฉิดฉายเท่าตอนที่ทำได้กับต้นสังกัด
ในเกมกับสิงคโปร์ ก็เช่นกันที่ฟอร์มของเขาดูจะขาดๆ เกินๆ ไปเยอะมาก เหมือนสมาธิไม่อยู่กับการแข่งขันสักเท่าไหร่ มีจังหวะเหม่อลอย หรือแม้กระทั่งการเปิดบอลที่ผิดเป้าไปเยอะจริงๆ
แม้จะทำ 2 แอสซิสต์ โดยเฉพาะลูกที่สองที่วางให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา อย่างแม่นยำ แต่กระนั้นผลงานโดยรวมของ อนันต์ ยังต้องแก้ไขอีกเยอะมากๆ หากเจ้าตัวจะก้าวข้ามคำว่าดาวรุ่งไปเป็นนักเตะชั้นนำของประเทศ
เช่นเดียวกันกับ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ลงมาแทน พาตริก กุสตาฟส์สัน ในนาทีที่ 66 ก็แทบไม่สามารถเบียดเอาชนะปราการหลังของสิงคโปร์ ได้เลยสักครั้ง จังหวะสอดประสานกับเพื่อนร่วมทีมก็ดูจะขาดๆ เกินๆ
ทว่าก็ต้องชมประตูที่เขาทำได้ เพราะโฉบแซงแนวรับเจ้าถิ่นแล้วปาดยิงประตูสำคัญช่วยคลายความกดดันให้ไทย ไปในที่สุด
ทั้งนี้ ทั้งนั้น อนันต์ และ ธีรศักดิ์ ยังเป็นนักเตะอายุน้อย ยังมีเวลาให้พัฒนาตนเองอีกยาวไกล แต่ก็ต้องพยายามอย่างหนักหน่วง เพราะถ้าไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ บางทีอาจจะโดนคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงกว่าแซงหน้าในอนาคต
[ 3 ] พีรดนย์ ต้องดีกว่านี้
ในฐานะกัปตันทีม พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ยังทำหน้าที่ของตนเองได้ไม่ดีนัก เพราะตลอดทั้ง 2 นัดที่ลงเล่น เขาแทบจะหายไปจากเกมเลย
โดยเฉพาะครึ่งแรกในแมตช์บุกชนะสิงคโปร์ ที่เจ้าตัวแทบไม่ได้บอล จนกลายเป็นว่าถูกแผงมิดฟิลด์เจ้าถิ่นเดินเครื่องกดดันแนวรับช้างศึกแบบไม่ได้หยุดหายใจ
พอ พีรดนย์ เล่นไม่ออก พลอยส่งผลให้ วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ ออกทะเลไปด้วย แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชม สึโทมุ โอกูระ เช่นกันที่วางกลยุทธ์มาดีมากๆ ด้วยการเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนจนสร้างความปั่นป่วนให้ช้างศึกมากทีเดียว
ทว่าจากสถิติและผลงานของกัปตันทีมชาติไทย ชุดแชมป์ อาเซียน คัพ นั้นจะมีความโดดเด่นจริงๆ ไล่ตั้งแต่ นที ทองสุขแก้ว (1996), สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ (2000), เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (2002), อดุล หละโสะ (2014), ธีรศิลป์ แดงดา (2016), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (2020) และ ธีราทร บุญมาทัน (20122)
พวกเขาเหล่านี้สามารถโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นจนพาทัพช้างศึกก้าวไปครองความเป็นหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีผลงานที่แตกต่างกันไป ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาในฐานะผู้นำ กัปตันทีมต้องฉายแสงมากทีเดียว
ดังนั้นถ้า พีรดนย์ ต้องการจารึกชื่อตนเองเข้าสู่ ฮอลล์ ออฟ เฟม เขาจำเป็นจะต้องเค้นผลงานออกมาให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในสองเกมนี้
[ 4 ] จำเป็นต้องมี วรชิต
ตัดเกมกับติมอร์ เลสเต ที่เปรียบเสมือนการซ้อมใหญ่ออกไป ให้เหลือเพียงมาเลเซีย กับสิงคโปร์ จะเห็นได้ชัดว่า มาซาทาดะ อิชิอิ พยายามให้ทีมชาติไทย เล่นโดยไร้นักเตะหมายเลข 10
นักเตะหมายเลข 10 ในที่นี้หมายถึง 'เพลย์เมเกอร์' ผู้รับบทจอมทัพคอยกำหนดทีเด็ด-ทีขาดในจังหวะสุดท้ายนั่นเอง
แมตช์ถล่มติมอร์ เลสเต 1-0 มี เบนจามิน เดวิส เล่นตำแหน่งนี้ ซึ่งผลที่ออกมาก็ดีเอามากๆ แต่น่าเสียดายที่เขาดันเจ็บไปก่อน ขณะเดียวกัน เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ถูกวางให้เป็นกองกลางตัวรุกเช่นกันก็ยังไม่พร้อม มันน่าจะทำให้ อิชิอิ จำเป็นต้องปรับมาใช้มิดฟิลด์ที่คุณลักษณะคล้ายๆ กัน 3 คน ในนัดเจอมาเลเซีย กับสิงคโปร์
วีระเทพ ป้อมพันธ์ และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เป็นแกนกลาง โดยมี อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ กับ วิเลียม ไวเดอร์สเฌอ สลับคนละนัด
ผลที่ออกมาเห็นได้ชัดว่ามันไม่ค่อยจะเวิร์กเอาซะเลย โดยเฉพาะแมตช์ชนะมาเลเซีย 1-0 ที่แทบไม่ได้เหนือกว่าเสือเหลืองแห่งมาลายา ทั้งๆ ที่ได้เปรียบทุกกระบวนท่า
ส่วนกับสิงคโปร์ ในครึ่งแรกทุกคนคงจะประจักษ์ต่อสายตาว่าแผนการของ อิชิอิ นั้นไม่สามารถเอาชนะเจ้าถิ่นได้
พอครึ่งหลังอาจจะดีขึ้นชัดเจน จนยิงตีเสมอ แต่โดยรวมก็ยังไม่น่าประทับใจ กระทั่งนาทีที่ 88 ที่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ลงมานั่นแหละ ดูเหมือนว่ามิติในการเข้าทำจะหลากหลายและเฉียบขาดกว่าเดิม
ประตู 3-2 ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเพลย์เมเกอร์ชาวเชียงใหม่ กับการวางบอลให้ พีรดนย์ ซัดประตูแซงสิงคโปร์ ได้สำเร็จ
ความเก่งกาจของ วรชิต นั้นทุกคนทราบดี แต่ทีนี้อยู่ที่ว่า อิชิอิ จะใช้จอมทัพจาก การท่าเรือ เอฟซี หรือไม่ในนัดต่อๆ ไป เพราะคู่แข่งในรอบรองชนะเลิศจะเขี้ยวลากดินมากกว่านี้ ดังนั้นมันจึงต้องมีนักเตะประเภท 'แมตช์ วินเนอร์' อยู่ในทีม
[ 5 ] เรื่องการแก้เกม ยังไว้ใจ อิชิอิ ได้เสมอ
ในรูปเกมที่ดูจะด้อยกว่าสิงคโปร์ ในครึ่งแรก จนโดนยิงนำไป 2-0 ทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทย ต่างก็อึ้งกิมกี่กันถ้วนหน้า เพราะดูเหมือนว่าโมเมนตั้มนั้นจะเทไปทางเจ้าถิ่นเสียแล้ว
ต้องขอบคุณประตู 1-2 ที่ อนันต์ ยอดสังวาลย์ จ่ายให้ พาตริก กุสตาฟส์สัน ยิงตีตื้น เพราะมิเช่นนั้นผลการแข่งขันอาจจะออกมาอีกแบบหนึ่ง
แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือการแก้เกมของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่ปรับแท็กติกจนทัพช้างศึกพลิกกลับมาชนะได้ในที่สุด
แม้จะทุลักทุเลพอสมควร แต่การโดนนำ 2-0 แล้วพลิกกลับมาชนะ 4-2 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ส่วนหนึ่งคือเรื่องศักยภาพผู้เล่นของไทย ที่เหนือกว่าสิงคโปร์ อยู่พอตัวทีเดียว แต่อีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักคือกลยุทธ์ของกุนซือนี่แหละที่ทำให้ทีมกลับมาสำเร็จ
เฮดโค้ชที่ดี วัดกันตรงที่การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งตัว อิชิอิ เองก็คงรู้ดีว่าเขาคาดการณ์ผิดในครึ่งแรก พอลมมาต่ออีก 45 นาที จึงวางหมากเจาะทางฝั่งขวาแบบไม่มีเม้ม โดยมี วีระทเพ ป้อมพันธ์ เป็นศูนย์กลางในการออกบอล
สังเกตจาก 3 ประตูที่ได้ในครึ่งหลังนั้นมาจากทางขวาทั้งสิ้น
ประตู 2-2 ศุภนันท์ บุรีรัตน์ เปิดจากกราบขวาไปเสาไกล แต่โดนแนวรับเจ้าถิ่นสกัด ก่อนบอลจะถึง อนันต์ ที่จับหนึ่งจังหวะ แล้ววางไปให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา โขกตุงตาข่าย
ประตู 3-2 นิโคลัส มิคเคลสัน ก็เปิดจากกราบขวาไปในเขตโทษ แนวรับเจ้าถิ่นสกัดไม่ขาด บอลทะลักถึง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่โยนให้ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ปราดเข้าชาร์จจ่อๆ
ประตู 4-2 จากเกมโต้กลับทางกราบขวาเช่นเคย แต่คราวนี้เป็น ศุภณัฏฐ์ ที่เปิดเรียดให้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วิ่งตัดหน้ากองหลังสิงคโปร์ แล้วส่งบอลเข้าไปอย่างง่ายๆ
นี่คือสิ่งที่ อิชิอิ แก้เกมมาในครึ่งหลัง ซึ่งมันก็ได้ผลดีเสียด้วย และ 3 คะแนน ที่ได้มาจาก จาลัน เบซาร์ สเตเดี้ยม ก็ต้องชื่นชมเขาเต็มๆ เช่นกัน