โพลชี้แฟนบอลมั่นใจทีมชาติไทยแชมป์อาเซียนคัพ มองอินโดฯคู่ต่อกรเบอร์1

จากการที่นักฟุตบอลทีมชาติไทย จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ อาเซียนคัพ 2024 ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. 2567 - 5 ม.ค. 2568 นั้น เพื่อสะท้อนมุมมองและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในมิติที่เกี่ยวกับโอกาสของทัพช้างศึกไทย เคบียู สปอร์ต โพล (KBU SPORT POLL)โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต ร่วมกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) ได้ทำการสำรวจคิดเห็นเรื่อง "ฟุตบอลอาเซียนคัพ 2024 กับโอกาสของทัพช้างศึก"

สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค. 2567 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,189 คน แบ่งเป็นเพศชาย 621 คน คิดเป็น ร้อยละ 52.22 เพศหญิง 463 คน คิดเป็น ร้อยละ 38.95 และ LTBGTQIA+ 105 คน คิดเป็น ร้อยละ 8.83 ซึ่งผลการวิเคราะห์โดยภาพรวมพบว่า ความพึงพอใจต่อศักยภาพของนักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือก กลุ่มอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.32 พึงพอใจในระดับมาก รองลงมา ร้อยละ 32.51, พึงพอใจในระดับมากที่สุด, ร้อยละ 14.31 พึงพอใจในระดับน้อย และร้อยละ 9.42 พึงพอใจในระดับน้อยที่สุด และร้อยละ 7.44 ไม่แสดงความคิดเห็น

โอกาสในการคว้าแชมป์ของทัพช้างศึก ส่วนใหญ่ ร้อยละ 33.07 มีโอกาสค่อนข้างมาก รองลงมา ร้อยละ 30.92 มีโอกาสมาก, ร้อยละ18.47 มีโอกาสค่อนข้างน้อย, ร้อยละ 11.78 มีโอกาสน้อย และร้อยละ 5.76 ไม่แน่ใจ ด้านทีมที่น่าเกรงขามของทัพช้างศึก ส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.04 มองว่าเป็น อินโดนีเซีย รองลงมา ร้อยละ 25.11 เวียดนาม, ร้อยละ 18.66 มาเลเซีย, ร้อยละ 14.87 ฟิลิปปินส์, ร้อยละ 10.05 สิงคโปร์ และอื่นๆร้อยละ 3.27

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของทัพช้างศึก ส่วนใหญ่ ร้อยละ 28.05 ศักยภาพและความสามารถของนักกีฬา รองลงมา ร้อยละ 25.11 ระยะเวลาในการเตรียมทีม, ร้อยละ 22.91 ศักยภาพและความสามารถของผู้ฝึกสอน, ร้อยละ12.09 ศักยภาพและความสามารถของทีมคู่แข่งขัน ร้อยละ 9.56 แรงเชียร์จากแฟนบอล และอื่นๆร้อยละ 2.28

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่าการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน หรือ อาเซียนคัพ 2024 เป็นหนึ่งในรายการที่มีความสำคัญที่ทุกชาติต้องการจะก้าวไปสู่ความสำเร็จหรือการคว้าแชมป์ และจากการสำรวจดังกล่าวหากพิจารณาถึงโอกาสของทัพช้างศึกกับการคว้าแชมป์กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่ามีโอกาสมากและเมื่อผนวกกับศักยภาพของนักกีฬาที่ผู้ฝึกสอนได้พิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมทีมผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต่างมีความพึงพอใจในระดับมากเช่นกัน

อย่างไรก็ตามการแข่งขันรายการนี้ก่อนที่จะชี้ว่าทัพช้างศึกจะก้าวไปป้องกันแชมป์และนำถ้วยรางวัลกลับมาสร้างความสุขให้กับคอกีฬาชาวไทยได้อีกครั้งหรือไม่หนึ่งในมิติที่กลุ่มตัวอย่างสะท้อนมุมมองและทัพช้างศึกพึงสังวรในการรับมือคือความน่าเกรงขามของทีมคู่แข่งขันไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซียและเวียดนาม เหนือสิ่งอื่นใดสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันของทีมชาติไทยในรายการนี้หากพิจารณาพิจารณาถึงชื่อเสียงรวมทั้ง เกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศตลอดจนความคาดหวังของคนไทยเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นนักกีฬา ภายใต้การผนึกพลังร่วมของทีมงานสต๊าฟโค้ชและผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนเชื่อว่าทีมช้างศึกน่าจะคว้าแชมป์และสร้างความสุขให้กับแฟนกีฬาชาวไทยได้อีกวาระหนึ่ง