ทีมชาติไทย ทำให้แฟนฟุตบอลชาวสยามต่างชื่นมื่นกันถ้วนหน้ากับการคว้าถ้วย คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 มาครองได้สำเร็จ แถมยังชนะซีเรีย ที่ ฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่า ด้วยรูปเกมและการเล่นอันน่าประทับใจ และนี่คือ 10 ข้อที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
1 ชาวใต้ 'คอลูกหนัง' ตัวจริง
แม้ว่าปัจจุบันจะมีเพียง ประจวบ เอฟซี สโมสรเดียวจากแดนใต้ที่โลดแล่นในลีกสูงสุดขอสยามประเทศ แต่สิ่งที่ผู้ชมในสนามติณสูลานนท์ แสดงให้เห็นนั้นบ่งบอกชัดเจนถึงความคลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังอย่างแท้จริง
ก่อนเริ่มการแข่งขัน บัตรเข้าชมเกมถูกจำหน่ายจนหมดเกลี้ยงตั้งแต่เปิดขาย เท่ากับว่าจำนวนแฟนๆ ต้องมีไม่ต่ำกว่า 20,000 ที่นั่ง นั่นคือเต็มความจุบนอัฒจันทร์ทั้ง 4 ฟากฝั่ง จนมีรายงานข่าวระบุว่า 'ตั๋วผี' ราคาพุ่งสูงขึ้น 10 เท่าเลยทีเดียว
เท่านั้นไม่พอเสียงเชียร์กระหึ่มตั้งแต่วินาทีที่ประกาศชื่อนักเตะ 11 คนแรก โดยเฉพาะ เอเลียส ดอเลาะ กับ ศุภชัย ใจเด็ด ที่มีเชื้อสายเป็นชาวใต้ นั้นได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ตลอดทั้ง 90 นาที ในสนาม แฟนๆ ต่างส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจแบบไม่มีหยุด บางครั้งก็มีการเล่นเวฟกัน บางครั้งก็มีการโห่กดดันซีเรีย เรียกได้ว่าพวกเขาทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้นักเตะไทย ได้เปรียบคู่ต่อสู้
ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้นี่แหละที่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทัพช้างศึกคว้าแชมป์ คิงส์ คัพ กลับมาครองอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นหนแรกในรอบกว่า 7 ปี เลยทีเดียว
2 อิชิอิ จัดทัพถูกใจแฟนๆ
11 ผู้เล่นชุดแรกของทัพช้างศึกในเกมชนะซีเรีย ถือว่าถูกอกถูกใจแฟนฟุตบอลชาวไทย เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า มาซาทาดะ อิชิอิ ผสมผสานระหว่างนักเตะที่ฟอร์มดีกับต้นสังกัดเข้ากับบรรดาแข้งที่ไปโลดแล่นในต่างแดน
แดนหลัง ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ผลงานเด่นกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ประจำการทางฝั่งซ้าย ส่วนแผงมิดฟิลด์ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงคู่ วีระเทพ ป้อมพันธ์
ขณะที่แดนบนเลือกใช้นักเตะที่เล่นในต่างแดนอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา ยืนทางซ้าย ส่วนด้านขวาเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา โดยศูนย์หน้าตัวเป้าคือ ศุภชัย ใจเด็ด เจ้าของดาวซัลโว ไทยลีก 2 ซีซั่นติดต่อกัน
นี่คือโฉมหน้า 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในชุด คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 และหลายๆ รายน่าจะยึดตำแหน่งให้ทีมชาติไทย ในระยะยาว ด้วยอายุและผลงานที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่า อิชิอิ จัดตัวแบบนี้ ย่อมเป็นที่ชื่นใจของบรรดาสาวกลูกหนังแดนสยามจริงๆ
3 แท็กติก็ถูกใจ
นอกเหนือจากตัวผู้เล่นที่นับว่าถูกใจแล้ว แท็กติกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ วางไว้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่กุนซือที่เก่งเฉพาะเกมรับ เพราะเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น สั่งให้ลูกทีมบุกใส่ตั้งแต่นาทีแรก โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่พับสนามอยู่ฝั่งเดียว จนได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก เอกนิษฐ์ ปัญญา แถมเกือบตลอด 90 นาที ก็เพรสซิ่งสูงจนซีเรีย ไม่สามารถบิวต์-อัพได้
ก่อนหน้านี้อดีตเทรนเนอร์ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ถูกตั้งคำถามพอสมควรว่าจะรังสรรค์ทีมชาติไทย ให้กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้เช่นไร เนื่องจากที่ผ่านๆ มาดูเหมือนจะเน้นไปทางการเอาผลการแข่งขันเสียมากกว่า
ส่วนหนึ่งต้องเข้าใจว่าเพราะทัพช้างศึกต้องเผชิญหน้ากับชาติที่แรงกิ้งสูงกว่าทั้งนั้น โดยเฉพาะญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และซาอุดีอาระเบีย ที่อยู่ในท็อป 5 ของทวีป ทันจึงบีบให้ อิชิอิ ต้องเฟ้นหาแท็กติกที่เหมาะสมในการรับมือคู่แข่ง
แต่พอเขามีเวลาอยู่กับทีมมากขึ้น ได้ตระเวนดูผู้เล่นมากขึ้น ได้ถ่ายทอดวิชามากขึ้น ผลลัพธ์ก็สะท้อนออกมาใน คิงส์ คัพ 2024 นี่แหละว่าทีมชาติไทย มีพัฒนาการเป็นไปในทิศบวกโดยแท้จริง
4 ตัดเกมฉลาด
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในเรื่องแท็กติกของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่นอกจากจะเพรสซิ่งสูงและเดินหน้าบุกแหลกแล้ว เขาน่าจะกำชับลูกทีมว่าถ้าเสียบอลในพื้นที่คู่ต่อสู้ แล้วรู้สึกว่าอันตราย ให้รีบ 'ตัดเกม' ทันที
มันจึงเป็นที่มาของใบเหลืองของ วีระเทพ ป้อมพันธ์ (นาที่ 30) , เอกนิษฐ์ ปัญญา (นาทีที่ 35) และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (นาทีที่ 59)
ใบเหลืองทั้ง 3 ใบ เกิดจากการที่ไทย กำลังจะโดนโต้กลับ แต่ผู้เล่นทั้งสามคนรีบตัดเกมทันควัน ซึ่งนั่นคงจะมาจากการกำชับเป็นอย่างดีของ อิชิอิ ที่มองว่าซีเรีย มีเกมเคาน์เตอร์-แอตแท็กที่น่ากลัว จึงวางหมากไว้อย่างแยบยล และมันก็ได้ผลชะงัดทีเดียว
5 นักเตะเริ่มซึมซับสิ่งที่โค้ชพร่ำสอน
ตลอดระยะเวลา 307 วัน หรือใกล้ๆ จะ 1 ปี ที่ มาซาทาดะ อิชิอิ นั่งตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย เขาใช้ผู้เล่นไปทั้งหมด 41 คน พร้อมกับคุมทัพช้างศึกไป 11 เกม โดยแบ่งผลการแข่งขันเป็นชนะ 4, เสมอ 4 และแพ้ 3
ตัวเลขอาจจะดูไม่โสภานัก แต่ต้องอย่าลืมว่าใน 11 นัด นั้นมีเพียงสิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เท่านั้นที่แรงกิ้งต่ำกว่า
ด้วยเหตุนี้เอง สถิติของ อิชิอิ จึงยังดูไม่แจ่มนัก แต่เมื่อมองรายละเอียด จะเห็นได้ชัดว่าพัฒนาการของทีมชาติไทย กำลังเดินหน้าขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะนักเตะที่ต่างก็เข้าใจในแท็กติกที่กุนซือชาวญี่ปุ่น พร่ำสอนมาโดยตลอด
พอเข้าใจกลยุทธ์ สิ่งที่สะท้อนคือผลงานในสนาม ซึ่งเกมชนะซีเรีย 2-1 ก็บ่งชี้อย่างชัดเจนว่ารูปแบบการเล่นของช้างศึกมีความยืดหยุ่นสูงจริงๆ
หากตั้งใจจะตั้งรับอย่างมีระเบียบวินัยก็ทำได้ อย่างที่เคยเสมอซาอุดีอาระเบีย และเกาหลีใต้ สองมหาอำนางลูกหนังเอเชีย
หรือล่าสุดที่ชนะซีเรีย ก็เอาชัยแบบเป็นเอกฉันท์ กับตัวเลขต่างๆ หลังเกมที่เหนือกว่าแบบคนละคลาส
ครองบอลเหนือกว่า 57 ต่อ 43 เปอร์เซ็นต์
โอกาสยิงมากกว่า 21 ต่อ 4 ครั้ง
ผ่านบอลมากกว่า 361 ต่อ 275 ครั้ง
มีสิ่งเดียวที่น้อยกว่าคือ ผู้รักษาประตูเซฟน้อยกว่าด้วยจำนวน 0 ต่อ 6 ครั้ง
เท่านั้นไม่พอ เปอร์เซ็นต์การเล่นยังไปตกอยู่กับแดนของซีเรีย ถึง 24 เปอร์เซ็นต์ (ไทย 6 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งมันพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกทีมของ อิชิอิ มีความเข้าใจเกมสูง เพราะสามารถเพรสซิ่งคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่แดนของฝั่งตรงข้าม
ทั้งหมดนี้บ่งบอกแล้วว่าสิ่งที่เทรนเนอร์วัย 57 ปี พยายามปลูกฝังมาเกือบๆ หนึ่งปี มันเริ่มออกดอกออกผลแล้ว
6 แนวรุกไฉไล
ต่อเนื่องจากความเข้าใจเกมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ มันจึงทำให้นักเตะแต่ละคนต่างรู้หน้าที่ของตนเองว่าต้องทำเช่นไร ประสิทธิภาพจึงจะออกมาสูงที่สุด
ภาพสะท้อนมีอยู่หลายจังหวะทีเดียว โดยเฉพาะประตู 1-0 ที่ถือว่าคุณภาพมากๆ
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ได้บอล ก่อนจะจ่ายต่อไปที่ว่างทางกราบขวา - นิโคลัส มิคเคลสัน เติมขึ้นมาตามสเต็ป แล้ววางไปเสาไกลให้ เอกนิษฐ์ ปัญญา สอดถึงกรอบเขตโทษ พร้อมกับแปเน้นๆ ตุงตาข่ายในนาทีที่ 44
ผิวเผิน ประตูนี้หลายๆ คนอาจจะชื่นชม 3 ประสานจากต่างแดน แต่ต้องอย่าลืมว่า ศุภชัย ใจเด็ด และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เองก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเขาทั้งคู่ช่วยดึงตัวประกบ จนเกิดที่ว่างที่ทำให้แนวรุกจาก อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส ว่างโล่งโจ้ง
นอกจากนี้จังหวะที่ วีระเทพ ป้อมพันธ์ จ่ายยัดเข้ากรอบเขตโทษให้ เอกนิษฐ์ แตะต่อจบที่ ศุภณัฏฐ์ (นาทีที่ 20) ก็มาจากความเข้าใจเกมของทั้งสามคน เสียดายที่ไม่เป็นประตู เพราะถ้ายิงเข้าไป คงจะสวยงามทีเดียว
ตลอดทั้ง 90 นาที มีหลายต่อหลายครั้งที่ทัพช้างศึกสร้างสรรค์โอกาสได้น่าประทับใจ ซึ่งถ้ารักษามาตรฐานตรงจุดนี้ได้ แล้วเพิ่มเติมความเฉียบขาดเข้าไปอีก รับรองเลยว่าทีมชาติไทย จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
7 วีระเทพ ท็อปฟอร์ม
วีระเทพ ป้อมพันธ์ อาจจะไม่ใช่ผู้เล่นที่หวือหวานัก แต่ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของหมอนี่สร้างความสมดุลระหว่างรับและรุกให้ไทย อย่างแท้จริง
ตลอดทั้ง 90 นาที ในสนาม เขาคือคีย์แมนที่ทำให้ทัพช้างศึกครองบอลเหนือกว่า โดยเฉพาะการดักบอลจังหวะสองที่ทำได้ยอดเยี่ยมจนซีเรีย ไม่อาจเล่นเกมสวนกลับได้เลย
ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ที่มิดฟิลด์ แบงค็อก ยูไนเต็ด สามารถตัดบอลจากทีมเยือนได้ แถมไม่พอเพียงเท่านั้น พี่แกยังจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมเล่นต่ออีกต่างหาก เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ในชั่วพริบตา
วินาทีนี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มของ วีระเทพ นั้นท็อปสุดจริงๆ
8 ชนาธิป ยังพึ่งพาได้เสมอ
สถิติของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับทีมชาติไทย ในระยะหลังอาจจะดูลดลงไปบ้างในหลายๆ เรื่อง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเขายังคงเป็นผู้เล่นที่ทัพช้างศึกจำเป็นต้องพึ่งพาอยู่เสมอ
ประตูชัยในช่วงทดเวลาการแข่งขันแสดงให้เห็นถึงความเป็น 'แมตช์ วินเนอร์' อย่างแท้จริง เพราะการซัลโวในลักษณะนั้น ใช่ว่าใครจะทำได้ เนื่องจากมันอยู่ในห้วงเวลาที่ทั้งกดดัน, เรี่ยวแรงอ่อนล้าและมุมก็แทบจะไม่เหลือ
ทว่า ชนาธิป ก็บันดาลความชุ่มชื้นให้แฟนๆ ได้สำเร็จ
นอกเหนือจากประตูชัย เขาเองก็พยายามสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอยู่ตลอด ทั้งยังช่วยวิ่งเพรสซิ่งตลอดเวลา กระทั่งถึงขั้นถอยลงมาเล่นเกมรับอีกต่างหาก และที่สำคัญคือการห้ามปรามคนอื่นๆ ไม่ให้เดือดไปตามความขุ่นมัวของแข้งซีเรีย อันแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะผู้นำในตัว
ชนาธิป ยังเป็นนักเตะที่ทีมชาติไทย พึ่งพาได้จริงๆ
9 เปลี่ยนตัวแปลกไปหน่อย
แม้จะเต็มไปด้วยสิ่งดีๆ มากมาย แต่ก็ยังมีเรื่องที่อดสงสัยไม่ได้ในเรื่องของการเปลี่ยนตัวที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทำระหว่างการแข่งขัน
เคสของ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่ลงมาแทน เอกนิษฐ์ ปัญญา อาจจะเป็นแง่ของแท็กติก เพราะต้องการใช้สปีดของปีกชาวกาญจนบุรี โจมตีซีเรีย ในเกมสวนกลับ
แต่กับการเอา นิโคลัส มิคเคลสัน และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ออก แล้วส่ง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ กับ ปรเมศย์ อาจวิไล ลงสนาม
ในรายของ ปรเมศย์ ยังไงเสียหมอนี่ก็ได้เล่นแน่ๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างได้ ทว่ากับกรณี มิคเคลสัน และ ศุภนันท์ นั้นน่าแปลกจริงๆ เนื่องจากแบ็กขวาจาก โอบี โอเดนเซ่ กำลังฟอร์มดี แถมไม่มีทีท่าว่าจะบาดเจ็บ แต่กลับถูกถอดซะอย่างนั้น
นี่เป็นเพียงข้อสงสัย ซึ่งหลังการแข่งขัน อิชิอิ เองก็คงจะตอบคำถามแน่นอนเช่นกัน
10 บทเรียนราคาแพงของ ศศลักษณ์
ศศลักษณ์ ไหประโคน คือผู้เล่นที่ถูกมองว่ามีโอกาสจะแทนที่ ธีราทรบุญมาทัน ในอนาคตข้างหน้า ด้วยฟอร์มที่ดีมากๆ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถมก็ได้โอกาสจาก มาซาทาดะ อิชิอิ ก่อนนักเตะในพื้นที่เดียวกันอย่าง เควิน ดีรมรัมย์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และคนอื่นๆ อีกมากมาย
ตัวเขาเองก็ทำหน้าที่ได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่การจ่ายคืนหลังจนเป็นที่มาของการตีเสมอ 1-1 นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นอันขาดกับฟุตบอลระดับสูง
ประตูเจ๊าของซีเรีย ทำเอาเกมที่ลื่นไหลของไทย ชะงักไปดื้อๆ เพราะก่อนจะโดนสำเร็จโทษ ทัพช้างศึกยังขย่มอาคันตุกะจากตะวันออกกลางอยู่ดีๆ อยู่เลย
นี่คือ 'บทเรียนราคาแพง' ของแบ็กซ้ายวัย 28 ปี ที่ต้องนำกลับไปปรับแก้ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในลักษณะนี้อีกครั้ง
กองหลังชาวบุรีรัมย์ มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอยู่ครบถ้วน เขามีโอกาสสูงมากๆ ที่จะยึดตำแหน่งนี้ในอนาคต ซึ่งถ้ายังพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งพยายามลดข้อบกพร่องลงไป รับประกันเลยว่าทีมชาติไทย จะมีผู้เล่นที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้เพิ่มอีกหนึ่งคน