สรุป 10 ข้อ! ทีมชาติไทย กำชัย เหนือ ฟิลิปปินส์ ลิ่วชิงคิงส์คัพ

และนี่คือ 10 ข้อหลังเกม ทีมชาติไทย พบ ฟิลิปปินส์ ที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

1 พลิกโผพอสมควรเรื่องการจัดตัว

มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชทีมชาติไทย จัด 11 ผู้เล่น ได้ผิดคาดพอสมควร เนื่องจากดร็อป ศุภชัย ใจเด็ด รวมถึง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไว้ข้างสนาม ซึ่งเป็นสิ่งแปลกตา เพราะปกติแล้วเขามักจะให้คู่นี้ออกตาร์ตเป็นตัวจริงเสมอ

นอกจากนี้ กุนซือชาวญี่ปุ่น ยังให้ อภิสิทธิ์ โสรฎา และ คคนะ คำยก ประเดิมสนามให้ทัพช้างศึกเป็นนัดแรก ซึ่งถือว่าสร้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อย โดยเฉพาะในรายของมิดฟิลด์กิเลนผยองที่ลงมาเล่นในตำแหน่งกองกลางร่วมกับ วีระเทพ ป้อมพันธ์

เช่นเดียวกันกับตัวรุกฝั่งซ้ายที่ให้ อนันต์ ยอดสังวาลย์ ลงมาลากเลื้อย เพราะสื่อแทบทุกสำนักมองว่า เอกนิษฐ์ ปัญญา น่าจะได้ออกสตาร์ตก่อน 

2 ฟิลิปปินส์ เล่นแบบไม่มีกลัว

ในครึ่งแรก ฟิลิปปินส์ สร้างความอึดอัดให้ทีมชาติไทย ได้ไม่น้อย เนื่องจากกล้าที่จะดันเกมขึ้นมาเพรสซิ่งถึงแดนช้างศึก อีกทั้งยังมีจังหวะจบสกอร์มากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งน่าจะมาจากแท็กติกของ อัลเบิร์ต กาเปญาส กุนซือคนใหม่ที่ต้องการให้ลูกทีมกดดันคู่แข่งตั้งแต่วินาทีแรก

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ผู้เล่นหลายๆ คนนั้นยังไม่คุ้นชินกับแผนการเล่นของโค้ชชาวสเปน บวกกับเรื่องพละกำลังที่ยวบลงอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง มันจึงทำให้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายปราชัยไปในที่สุด

3 ฤดูฝนทำการแข่งขันสะดุด

ฝนฟ้ากับฟุตบอลเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าใดนัก เพราะเมื่อใดก็ตามที่พระพิรุณกระหน่ำลงมา มันมักจะส่งผลต่อการแข่งขันในทันควัน และเกมที่สนามติติณสูลานนท์ ก็เห็นได้ชัดว่ารูปเกมที่ควรจะไหลลื่นได้แปรเปลี่ยนเป็นการใช้บอลยาวโยนใส่กัน เนื่องจากมีน้ำขังบนผืนหญ้า

เท่ากับว่า คิงส์ คัพ 4 ครั้งหลังสุดนั้นเจอกับฤดูฝนล้วนๆ และแน่นอนว่านี่คือ 'โจทย์' ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ควรจะนำไปพิจารณา เพราะถ้าต้องการให้การแข่งขันสนุกกว่านี้ และยังปรารถนาจะให้แฟนๆ ตามต่างจังหวัดได้ชมเกมแบบชิดติดขอบ ดังนั้นก็ควรจะเลื่อนไปฟาดแข้งในหน้าหนาวหรือไม่ก็หน้าร้อน คงจะดีกว่า

4 โจนาธาร จองตัวจริงยาวๆ

แม้ว่าลูกตีเสมอ 1-1 ของฟิลิปปินส์ เขาจะมีส่วนร่วม แต่นั่นเป็นเพราะสภาพสนามที่ไม่อำนวย แต่ผลงานในเกมรับโดยรวม โจนาธาร เข็มดี จัดว่าทำได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจังหวะอ่านเกมหรือเข้าสกัดอันแม่นยำ ทั้งยังมีส่วน่วมกับประตู 2-1 เพราะเป็นผู้สวิตช์บอลจากแดนหลังไปริมเส้นด้านขวา โดยที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แอสซิสต์ให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา โขกตุงตาข่าย

ด้วยมาตรฐานที่ทำได้ดีต่อเนื่องมาจาก ฟีฟ่า เดย์ เดือนกันยายน (ชนะเวียดนาม 2-1) บวกกับแพสชั่นในเกม มันน่าจะทำให้แฟนฟุตบอลชาวไทย อุ่นใจได้ เมื่อมีเซนเตอร์ฮาล์ฟเชื้อสายเดนมาร์ก ยืนปักหลักในแผงหลัง

5 มิคเคลสัน มาตรฐานสูง

ตลอดทั้ง 90 นาที ในสนาม นิโคลัส มิคเคลสัน ถือเป็นผู้เล่นที่ผลงานมาตรฐานสูงเช่นเคย เกมรับไม่มีข้อผิดพลาด ส่วนการเติมเกมรุกก็ไปได้สุดเส้นหลัง แม้จะไม่มีแอสซิสต์ แต่โดยรวมเขาก็แสดงให้เห็นถึงคลาสฟุตบอลที่เหนือกว่าระดับเอเชีย

การมีอยู่ของฟูลแบ็กลูกครึ่งนอร์เวย์ เป็นการตอกย้ำว่าฟุตบอลไทย จำเป็นต้องวางแผนพัฒนาระยะยาว และต้องพยายามผลักดันให้นักเตะท้องถิ่นย้ายไปค้าแข้งในลีกที่มาตรฐานสูงกว่าที่เป็นอยู่ เพราะถ้ามีแข้งฝีเท้าระดับนี้ในทีมชาติหลายๆ คน รับประกันเลยว่า 'ความฝัน' จะค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ขึ้นกว่าเดิม 

6 ผู้ตัดสินนกหวีดเหนียว

แม้ว่า โง๋ ดุ๋ย ลาน ผู้ตัดสินชาวเวียดนาม จะแจกใบแดง อมานี่ อากินัลโด้ จากการเช็ค VAR เพราะทำฟาวล์อันตรายใส่ ปรเมศย์ อาจวิไล ในนาทีที่ 74 แต่ก็ยังมีจังหวะที่น่าคาใจอยู่ 2 หน 

ครั้งแรกคือจังหวะที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ พยายามเปิดจากด้านข้าง แต่บอลไปโดนแขน อากินัลโด้ ที่กางออกมาชัดเจน ทว่าตุลาการสนามก็นิ่งเฉย ซึ้งจากภาพช้าก็ชัดเจนว่าแขนของกัปตัน ดิ อัซกัลส์ นั้นไม่แนบลำตัว

ส่วนหนที่สองก็คล้ายๆ กัน โดยคราวนี้เป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่กำลังจะผ่านบอลให้เพื่อน แต่ก็ไปโดนแขน พอล ทาบินาส เต็มๆ ซึ่งก็เหมือนเดิมที่ โง๋ ดุ๋ย ลาน เมินเฉย ทั้งๆ ที่แขนของกองหลังฟิลิปปินส์ ไม่ได้แนบลำตัวเช่นเคย

7 ศุภณัฏฐ์ ยังไว้ใจได้เสมอ

แม้เกมนี้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะไม่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง แถมกับต้นสังกัดก็นั่งสำรองเสียส่วนใหญ่ ทว่าเมื่อใดที่ลงเล่นให้ทีมชาติไทย เขามักจะทำผลงานได้ดีเสมอ

2 ประตูในเกมชนะฟิลิปปินส์ 3-1 เท่ากับว่าศูนย์หน้า โอเอช ลูเวิน ยิงให้ทัพช้างศึกไป 4 ลูก จาก 4 เกม หลังสุด และเป็นการซัดติดต่อกัน 3 แมตช์ ซึ่งเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมมากๆ 

ถ้าหากเขาสามารถรักษามาตรฐานต่อไปได้ รับรองเลยว่าทีมชาติไทย จะมีผลการแข่งขันที่ดีอย่างแน่นอน

8 เปิดโหมดเกมรุกเต็มตัว

ครึ่งหลัง มาซาทาดะ อิชิอิ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกุนซือที่มีแท็กติกหลากหลายกับการวาง วีระเทพ ป้อมพันธ์ เป็นมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอลเพียงคนเดียว แล้วปล่อยให้ ปรมศย์ อาจวิไล เล่นเกมรุกเต็มเหนี่ยวพร้อม ชนาธิป สรงกระสินธ์ โดยที่แดนหน้า 3 คน ก็ยังมี เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ศุภชัย ใจเด็ด

ผังการเล่นลักษณะนี้ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก เพราะมันเท่ากับว่ามีกองกลางอาชีพเพียงคนเดียวคือ วีระเทพ นอกนั้นคือบรรดาตัวรุกล้วนๆ และดูเหมือนว่าการเดิมพันของกุนซือชาวญี่ปุ่น จะสำเร็จ เนื่องจากนำมาซึ่ง 3 ประตู และชัยชนะของช้างศึก

9 ปรเมศย์ มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ

ปรเมศย์ อาจวิไล ศูนย์หน้าจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังแสดงให้เห็นว่าฝีเท้าของตนเองรุดหน้าไปไวว่อง เพราะจากฟอร์มระยะหลังในทีมชาติ ไม่ว่าจะลงสนามเมื่อใด เขามักจะสร้างความแตกต่างให้ทีมได้เสมอ

เกมกับฟิลิปปินส์ อาจจะไร้ชื่อของหัวหอกวัย 26 ปี บนสกอร์บอร์ด แต่ตลอดทั้ง 88 นาทีในสนาม เขาพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าพร้อมจะก้าวมาเป็นตัวหลักให้ทัพช้างศึกในเร็ววัน ซึ่งก็น่าจะสร้างความหนักใจให้เฮดโค้ช เพราะปัจจุบันมีตัวเลือกเก่งๆ ในแดนหน้าอยู่มากมาย

10 นักเตะฟิลิปปินส์ น่าสนใจหลายราย

แม้ว่าฟิลิปปินส์ จะเป็นฝ่ายปราชัย แต่ผู้เล่นหลายๆ รายของพวกเขาก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะถ้าสโมสร ไทยลีก สนใจดึงตัวมาค้าแข้งบนแผ่นดินสยาม ก็น่าจะยกระดับการแข่งขันนได้มากทีเดียว

หากไม่นับก๊วนที่เล่นอยู่ในดินแดนขวานทองอยู่แล้วอย่าง จอห์น-พาทริก สเตร้าส์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด), สกอตต์ วู้ดส์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด), เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), อมานี่ อากินัลโด้ (ระยอง เอฟซี) และ โจชัว กร็อมเมน (อุทัยธานี เอฟซี) ชื่ออื่นๆ ที่มีก็เก่งกาจไม่แพ้กัน

ไล่ตั้งแต่ พอล ทาบินาส, แมนนี่ อ็อตต์, ซานโดรเรเยส, บยอร์น มาร์ติน คริสเตนเซ่น และอีกหลายๆ ราย เพราะกล่มนักเตะเหล่านี้ค่าจ้างอยู่ในระดับที่ทีมใน ไทยลีก จ่ายไหวแน่ๆ แถมยังอยู่ในโควตาอาเซียน แต่ได้ฝีเท้าระดับยุโรป

เว้นเพียง แกร์ริต โฮลต์มันน์ ที่โลดแล่นใน บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะรายนี้ค่าเหนื่อยแพงระยับ แต่ถ้ามีสโมสรใหญ่สนใจจริง ก็น่าสนใจมากๆ เช่นกัน