หลังจากรอมาแสนนาน ในที่สุด ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ได้เฮดโค้ชคนใหม่ตามปรารถนา ซึ่งก็ไม่ผิดคาดแต่อย่างใด เพราะเป็น ทากายูกิ นิชิกายะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่ตกเป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว
เทรนเนอร์คนนี้ได้รับการยืนยันจาก มาซาทาดะ อิชิอิ แม่ทัพช้างศึกชุดใหญ่ว่าเป็นผู้ที่จะเข้ามายกระดับทีมชุดเล็กได้แน่นอน เพราะเคยร่วมงานกันมาแล้วสมัยที่ทั้งสองคนค้าแข้งอยู่กับ อาวิสปา ฟูกูโอกะ เมื่อปี 1998
กุนซือทีมชาติไทย ยืนยันในหลายๆ เรื่องถึงคุณสมบัติที่ตรงสเป็กของ นิชิกายะ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์, ไลเซ่นส์, ความคุ้นเคยกับฟุตบอลอาเซียน และที่สำคัญคือการเป็นนักปั้นเยาวชนตัวยงที่พร้อมจะผลักดันผู้เล่นอายุน้อยให้เจริญเติบโตบนเส้นทางลูกหนัง
ดังนั้น อิชิอิ จึงเชื่อมั่นในตัวอดีตเพื่อนร่วมทีม อาวิสปา ฟูกูโอกะ คนนี้มากๆ
ในสมัยเป็นนักเตะ นิชิกายะ เล่นตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งใน เจลีก ทศวรรษที่ 90' สโมสรส่วนใหญ่จะนิยมระบบ 3-4-3 และมันทำให้เขาได้อิทธิพลมาจนถึงปัจจุบันที่ผันตัวสู่วงการโค้ช
ด้วยความที่แขวนสตั๊ดตั้งแต่อายุเพียง 28 ปี ทำให้เขามีเวลาในการร่ำเรียนศาสตร์ฟุตบอลค่อนข้างเยอะ และเจ้าตัวก็ไปคลุกอยู่หลายแห่ง ไล่ตั้งแต่ มหาวิทยาลัย สึคูบะ และมหาวิทยาลัย เมจิอิ รวมไปถึงทีม โตเกียว เวอร์ดี้ ชุดเยาวชน
พอวิชาเริ่มแก่กล้า รวมถึงตนเองจบหลักสูตร ยูฟ่า โปร ไลเซ่นส์ ซึ่งคือใบเบิกทางของอาชีพ เขาก็ไปเป็นผู้ช่วยของ ฮิซาชิ คุโรซากิ ที่ อัลบิเร็กซ์ นีงาตะ
กระทั่งปี 2015 ที่ นิชิกายะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชเต็มตัวกับ มิโตะ โฮลลีฮ็อค สโมสรใน เจลีก 2 และก็อยู่ที่นี่ 3 ซีซั่น โดยผลงานเด่นคือการล้ม คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ในการดวลลูกจุดโทษศึก เอ็มเพอร์เรอร์ส คัพ ที่มี อิชิอิ คุมทีม
จากนั้นเขาไปต่อที่ เอสซี ซากามิฮาระ (2018) ก่อนจะไปคลุกกับทีมเยาวชนของ มะสึโมโตะ ยามากะ อยู่พักใหญ่ ซึ่งห้วงเวลานี้เองที่เจ้าตัวได้พัฒนานักเตะอายุน้อยแบบจริงจัง
จนถึงเมษายน 2022 สมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ ได้ประกาศให้ นิชิกายะ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ พร้อมภารกิจนำทีมชาติกลับมาผงาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้อีกครั้ง
ทว่าผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะสถิติการคุมทัพเมอร์ไลอ้อนค่อนข้างย่ำแย่ แต่ยังมีแสงสว่างอย่างหนึ่งกับการที่เขามักจะเปิดโอกาสกับบรรดาผู้เล่นอายุน้อยลงสนามมากว่าเก่าก่อน
พอแยกทางกับสิงคโปร์ นิชิกายะ ก็ว่างงานได้ไม่นาน เพราะได้รับการทาบทามจากไทย ให้มาคุมทีมชาติชุดยู-23 ตาม เจแปน เวย์ส ที่สมาคมฟุตบอลให้สิทธิ์การตัดสินใจเลือกโค้ชกับ อิชิอิ
แต่ด้วยเหตุขัดข้องบางประการทำให้เส้นทางของเขากับทัพช้างศึกยังเป็นคู่ขนาน กระทั่ง 4 กันยายน 2024 ที่ต่างฝ่ายต่างมาบรรจบกัน
นิชิกายะ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย ชุดเล็ก ควบตำแหน่งผู้ช่วย อิชิอิ ในทีมชุดใหญ่ โดยมีเป้าหมายคือการกลับมาทวงเหรียญทอง ซีเกมส์ 2025 เพราะนี่คือแชมป์ที่รอคอยมาตั้งแต่ปี 2017 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี เอเชียน คัพ ยู-23 ในปีหน้าอีกต่างหาก ซึ่งสองทัวร์นาเมนต์นี้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คาดหวังไว้สูงพอสมควร
เมื่อดูจากโปรไฟล์และสไตล์การทำงานในแบบฉบับซามูไร เชื่อได้เลยว่า นิชิกายะ จะประสานพลังกับ อิชิอิ ได้อย่างลงตัว พร้อมกับนำช้างศึกก้าวข้ามอาเซียน ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ทว่าสิ่งที่คิดไว้กับความเป็นจริงจะสอดคล้องหรือไม่นั้น ผลงานในสนามเท่านั้นจะตอบทุกอย่างเอง