3 สิ่งที่แฟนฟุตบอลไทย อยากเห็นใน คิงส์ คัพ 2024!?

3 สิ่งที่แฟนฟุตบอลไทย อยากเห็นใน คิงส์ คัพ 2024!?
สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยืนยันแล้วว่า คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 ได้ 4 ชาติ ตอบรับคำเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งด้วยความที่มีความสำคัญในระดับ International 'A' Match มันจึงทำให้การแข่งขันย่อมเข้มข้นขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากมีแต้มส่งถึง ฟีฟ่า แรงกิ้ง และเหตุนี้เองที่ 'SIAMSPORT' รวบรวม 3 สิ่งที่แฟนฟุตบอลชาวสยามปรารถนาจะเห็นในทัวร์นาเมนต์นี้!!

[ 1 ] การทดลองผู้เล่นหน้าใหม่

   นับตั้งแต่ มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติไทย โดยประเดิมเกมแรกในวันที่ 1 มกราคม 2024 จนถึงวันนี้ เขาคุมทัพช้างศึกไปแล้วทั้งหมด 9 นัด พร้อมกับทำผลงานได้น่าพอใจ ทั้งการเข้ารอบน็อก-เอาต์ เอเชียน คัพ 2023 รวมไปถึงบุกเสมอเกาหลีใต้ ได้ถึงถิ่น ทั้งยังแชร์แต้มจากซาอุดีอาระเบีย ได้อีกต่างหาก

   อย่างไรก็ตาม แม้การตอบรับจะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่อาจนำทีมผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 รอบต่อไปได้สำเร็จ โดยเฉพาะแมตช์ที่บุกเสมอจีน 1-1 ต่อด้วยชนะสิงคโปร์ 3-1 นั้นถูกวิพากษ์-วิจารณ์อยู่พอสมควรในแง่ของแท็กติกที่เชื่อมั่นในผู้เล่นชุดเดิมจนเกินไป

   ตลอด 9 นัด ในฐานเฮดโค้ชทีมชาติไทย อิชิอิ ใช้นักเตะไปแล้ว 31 คน โดยมี วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ สารัช อยู่เย็น ที่มีส่วนร่วมทุกแมตช์ ขณะที่รองลงมาคือ ศุภชัย ใจเด็ด, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ธีราทร บุญมาทัน, สุภโชค สารชาติ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ และ ปฏิวัติ คำไหม (8 เกม)

   รายชื่อข้างต้น มีบางรายที่ผลงานในนามทัพช้างศึกไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากกุนซือชาวญี่ปุ่น แบบต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่มีตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าจะได้รับโอกาสบ้าง ซึ่งแฟนๆ ต่างก็ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนแปลง

  ดังนั้น คิงส์ คัพ 2024 จึงเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ อิชิอิ ควรจะมองหาสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง เพราะบางทีความจำเจเดิมๆ ก็ไม่อาจทำให้ทีมก้าวไปข้างหน้าได้

[ 2 ] รูปแบบของการเล่นเกมรุก

   ผลงานของ มาซาทาดะ อิชิอิ กับทีมชาติไทย ถือว่าสอบผ่านแบบไร้ข้อกังขา - เขาคือกุนซือที่เก่งกาจในแง่ของแท็กติกและจิตวิทยา เพราะการทำทีมเพียงไม่กี่เดือน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาดีขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย 

   จาก 9 เกม ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของช้างศึก เขาต้องเผชิญหน้าทีมที่มีแรงกิ้งสูงกว่าแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเกาหลีใต้ กับซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นชาติขาประจำของ เวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย 

   การเจอทีมที่แข็งแกร่งและเหนือกว่า ย่อมต้องงัดกลยุทธ์เข้าสู้ ซึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมานั้นน่าพอใจมากๆ แต่พอเจอคู่แข่งที่อยู่ในเลเวลใกล้เคียงกัน ยังเป็นคำถามที่รอให้ผลงานในสนามเป็นคำตอบ

   ไทย อาจจะชนะสิงคโปร์ 3-1 ก็จริง แต่รูปเกมที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ถือว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากเกมรุกที่ดูจะติดๆ ขัดๆ พอสมควร ทั้งๆ ที่อาวุธครบครัน แต่มิติในการเข้าทำนั้นค่อนข้างฝืดแบบเห็นได้ชัด

   ดังนั้น คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบประสิทธิภาพ รวมถึงกึ๋นของ อิชิอิ ที่ว่ากำกับทัพช้างศึกให้เล่นเกมบุกมากขึ้นกว่าเดิมมากเพียงใด เพราะไหนๆ แต่ละชาติก็อยู่ในระดับใกล้เคียง โดยเฉพาะ ซีเรีย (อันดับ 93) กับ ทาจิกิสถาน (อันดับ 102) ที่ไม่ห่างกันนัก จะมีแค่ฟิลิปปินส์ (อันดับ 147) ที่ดูจะไกลหน่อยทีมเดียวเท่านั้น

[ 3 ] การกระจายความคึกคักออกสู่ภูมิภาค

   การที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตัดสินใจให้ 'เจ้าภาพ' จัดการแข่งขัน คิงส์ คัพ 2024 เป็นจังหวัดนอกกรุงเทพมหานคร ถือเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอด เพราะมันจะช่วยส่งเสริมกีฬาลูกหนังให้กระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ 

   ณ ปัจจุบันขณะมีเชียงใหม่ (เจ้าภาพก่อนหน้านี้ 2 ครั้งติดต่อกัน), เชียงราย และสงขลา ที่ยกมือขอมีเอี่ยวกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในเดือนตุลาคม 2024

   แน่นอนว่า 3 จังหวะที่เสนอตัวมานั้นคือเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันแน่นอน ซึ่งสิ่งที่จะตามมานั้นมีมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจในท้องถิ่น, การประชาสัมพันธ์กีฬาฟุตบอลที่ขยายเป็นวงกว้าง, ความเข้าถึงทีมชาติที่ไปฟาดแข้งแบบชิดติดขอบสนามและอื่นๆ อีกเพียบ

    ดังนั้นสิ่งที่แฟนๆ อยากให้เกิดขึ้นคือภาพที่อัฒจันทร์ทั้ง 4 ฟากฝั่งอุดมไปด้วยสาวกลูกหนังที่เข้ามาร้องเพลงเชียร์นักเตะไทย ลงไปห้ำหั่นกับคู่แข่ง   


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport