"อิชิอิ" ลั่นไม่กังวลแข้งจีนโอนสัญชาติ ยันทีมชาติไทยรู้วิธีรับมือ

"อิชิอิ" ลั่นไม่กังวลแข้งจีนโอนสัญชาติ ยันทีมชาติไทยรู้วิธีรับมือ
ช้างศึกพร้อมมาก! มาซาทาดะ อิชิอิ ลั่นชัดไม่เคยกังวลแข้งจีนโอนสัญชาติ ยันรู้จุดแข็งจุดอ่อนให้ลูกทีมเตรียมรับมือเรียบร้อย โวเป้าบุกทุบ 'มังกรแดง' เอา 3 แต้มกลับแดนสยาม แย้มทีมชาติไทยรู้วิธีทำลายเกมรับคู่แข่ง ฝากจับตากันให้ดีๆ

มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของทีมครั้งสุดท้ายในงานแถลงข่าวก่อนเกมระหว่าง จีน พบกับ ไทย ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม ซี นัดที่ 5 ที่จะฟาดแข้งในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิ.ย.นี้

เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า "เรามีเวลาซ้อมที่ไทยมาหลายวัน พอมาถึงที่นี่เราก็มีเวลาซ้อมต่อเนื่องอีกหลายวันเช่นกัน นักเตะของเราอาจจะมีอาการเหนื่อยจากการเดินทางบ้าง มาที่จีนเราลงรายละเอียดแก้ไขในจุดที่เรายังต้องปรับปรุงให้ทีมมีความพร้อมและลงตัวที่สุด ซึ่งเรามีวิธีการในการเลือกนักเตะ ไม่ใช่เฉพาะทีมชาติไทย ที่มีหลักการในการเลือกนักเตะทีมชาติเข้ามาเล่นในทีม"

"ผมคิดว่าประเทศอื่นก็มีลักษณะในการเลือกแบบเดียวกับเราที่จะมีนักเตะหลัก เป็นพื้นฐาน และบางคนก็มาเสริมแต่งในแต่ละทัวร์นาเมนต์ และจากชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 นักเตะตัวหลักของ ยู-23 หลายคนที่ไม่สามารถไปแข่งในรายการนั้นได้ เพราะฉะนั้นเป็นเหตุผลที่เราไม่ได้เลือกนักเตะที่ดีที่สุดจากรายการนั้นมา เรามีนักเตะจากเอเชียน คัพ ชุดใหญ่ ที่มาเล่นรายการนี้ และมีนักเตะระดับ ยู-23 บางรายติดเข้ามาด้วย"

"สำหรับทีมชาติจีน นักเตะที่โอนสัญชาติ อาจจะเป็นแดนหน้าส่วนใหญ่ ตรงนี้เราได้มีการวิเคราะห์เกม มองจุดแข็งของคู่ต่อสู้และเราก็มาปรับแก้ไข เพื่อเตรียมรับมือจีน เราเหลืออีกสองเกมสำหรับรอบนี้ แน่นอนเราตั้งเป้าจะเก็บ 6 คะแนนเต็มจากสองเกมที่เหลือ"

อดีตกุนซือคาชิม่า แอนท์เลอร์ส ชุดแชมป์เจลีก 2016 กลาวปิดท้ายว่า "การเจอกับ โค้ชทีมชาติจีน (บรังโก้ อิวานโควิช) เขาก็มีประสบการณ์ ก็พยายามวิเคราะห์เกม และวิเคราะห์การเล่นของเขา และพยายามทำลายเกมรับของจีนให้ได้เพื่อเก็บผลการแข่งขันในนัดนี้ให้ได้"

สำหรับโปรแกรมระหว่าง ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 101 ของโลก บุกไปเยือน ทีมชาติจีน ทีมอันดับ 88 ของโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่สนามเสิ่นหยาง โอลิมปิก เซ็นเตอร์ เมืองเสิ่นหยาง เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport