สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี อย่างเป็นทางการ ตามการพิจารณาเห็นชอบจากฝ่ายเทคนิคสมาคมฯ นอกจากนี้ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ ยังมอบหมายให้ อนุรุทธิ์ นาคาศัย หนึ่งในสภากรรมการ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไป เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงาน และ อำนวยความสะดวกให้ทีมชุดนี้อย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก U17 ที่ประเทศกาตาร์ ในปี 2025
ฝ่ายเทคนิคของสมาคมฯ มีการประชุมเพื่อพิจารณาในประเด็นตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และ อีกครั้ง ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ประกอบด้วย ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมฯ และ ในฐานะประธานที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค , อนุรุทธิ์ นาคาศัย สภากรรมการ และ ผู้จัดการทั่วไป , ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน สภากรรมการ และ ฝ่ายเทคนิค , ทรงยศ กลิ่นศรีสุข รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค รวมถึง เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค และ ทีมชาติไทย ก่อนได้ข้อสรุป แต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ ทำหน้าที่หัวผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย U17 ด้วยคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งประสบการณ์ในระดับฟุตบอลเยาวชน , ฟุตบอลอาชีพ และ ฟุตบอลระดับชาติ ขณะที่ ชยกร ถนัดเดินข่าว หัวหน้าผู้ฝึกสอนรักษาการณ์ก่อนหน้านี้ จะทำหน้าที่ผู้ช่วยฝ่ายเทคนิค สนับสนุนในเรื่องชุดข้อมูลเดิมทั้งหมด
อนุรุทธิ์ นาคาศัย ผู้จัดการทั่วไปของทีมชาติไทย U17 กล่าวว่า "คุณแป้ง นายกสมาคมฯ มีนโยบาย ให้ความสำคัญในเรื่องเยาวชนอยู่ตลอด โดยเฉพาะกับทีมชุดนี้ ซึ่งสำคัญมาก เพราะตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ฟีฟ่า ปรับให้มีการแข่งขันฟุตบอลโลก U17 ในทุกปี ดังนั้น ผม ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากท่านนายกฯ ให้เข้ามาช่วยดูแล ทีมชุดนี้ รู้สึกขอบคุณ และ เป็นเกียรติที่มีโอกาสทำงานเพื่อประเทศชาติ ยืนยันว่าจะพยายามสนับสนุนการทำงาน ทุกอย่างของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชอย่างเต็มที่"
ขณะที่ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน สภากรรมการ และ ฝ่ายเทคนิคสมาคมฯ กล่าวว่า "ในส่วนของฝ่ายเทคนิค U17 เป็นหนึ่งในความคาดหวังของสมาคมฯ และ แฟนบอลชาวไทย ที่ผ่านมา เรามีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข เพื่อให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นอยู่ตลอด ตั้งแต่โครงการ FIFA Talent ID ที่ทำร่วมกับ ฟีฟ่า ต่อเนื่อง และ ยังมีโค้ชคนไทย ฝ่ายเทคนิคคนไทย ที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิดร่วมกับ ฟีฟ่า เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด คือ เข้าไปเล่นฟุตบอลเยาวชนโลก ในรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2025 ซึ่งผมเชื่อว่าเรามีโอกาส เพราะตอนนี้โควตาของเอเชีย เพิ่มขึ้นถึง 9 ทีม"
"การพิจารณา ตั้ง โค้ชจเด็จ มีลาภ เป็นการพิจารณาร่วมกันของฝ่ายเทคนิค เพราะเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด จากรายชื่อโค้ชไทย ในระดับโปร ไลเซนส์ โดยมีทั้งความเป็นโค้ช และ ครู ในคนเดียวกัน มีผลงานชัดเจนในระดับฟุตบอลเยาวชน มีประสบการณ์ทั้งในระดับฟุตบอลอาชีพ และ ระดับชาติ ดังนั้น เชื่อว่า จะเข้ามาถ่ายทอดประสบการณ์ และ เพิ่มความเข้มข้นให้กับเด็กในรุ่น 16-17 ปี ได้ พร้อมให้ โค้ชจเด็จ นำเสนอชื่อ ผู้ช่วยโค้ช เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนทีมงานชุดเดิม ทุกคนยังอยู่กับทีมทั้งหมด เพื่อสนับสนุนในเรื่องชุดข้อมูลทั้งหมด และ เพื่อพัฒนาทีมชาติไทยไปพร้อมกัน"
ปัจจุบัน จเด็จ มีลาภ อายุ 52 ปี เป็นโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ รุ่นที่ 1 ของสมาคมฯ ผ่านประสบการณ์คุมทีมมาอย่างโชกโชน ทั้งความสำเร็จในระดับฟุตบอลเยาวชน พา อัสสัมชัญ ศรีราชา คว้าแชมป์กรมพละศึกษา 18 ปี ประเภท ก. ได้ถึง 7 สมัยในรอบ 10 ปี , แชมมป์โค้ก คัพ และ แชมป์เอเชีย นักเรียนไทย 18 ปี (The Winner) รวมถึงประสบการณ์ในฟุตบอลระดับอาชีพ และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเคยพา ชลบุรี เอฟซี คว้าแชมป์ไทยลีก ในปี 2007 และ เอฟเอ คัพในปี 2010 , เคยคุมทัพ พัทยา ยูไนเต็ด , วัวชน ยูไนเต็ด , ชัยนาท ฮอร์นบิล , พีทีที ระยอง , การท่าเรือ เอฟซี และ คัสต้อม ยูไนเต็ด ที่สำคัญ ยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในชุดของ มาโน โพลกิ้ง อีกด้วย
ทั้งนี้ จเด็จ มีลาภ จะประเดิมคุมทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2567 โดยอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ มาเลเซีย , ติมอร์ เลสเต และ ออสเตรเลีย ต่อด้วย ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ในฐานะเจ้าภาพ (ชลบุรี) ระหว่างวันที่ 19-27 ตุลาคม 2567 เพื่อหาทีมผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 3-20 เมษายน 2568 โดยจะคัดเลือก 9 ทีม ไปเล่นฟุตบอลโลก 2025 ที่ประเทศกาตาร์ ต่อไป