ทีมชาติไทย : บทพิสูจน์ของ อิชิอิ

เชื่อเหลือเกินว่าแฟนฟุตบอลชาวไทย ส่วนใหญ่คงจะให้อภัยความปราชัยต่อเกาหลีใต้ 0-3 ในเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย เมื่อช่วงค่ำของวันอังคารที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา

   สิ่งที่เราเหนือกว่าอาคันตุกะจากแดนกิมจิมีเพียง 2 อย่าง คือเสียงเชียร์กับความคุ้นชินในเรื่องของอากาศที่อบอ้าว แต่เรื่องอื่นนี่เป็นรองแบบห่างไกลจริงๆ 

   การได้ 1 คะแนน จาก 2 เกมที่เผชิญหน้าเกาหลีใต้ ถือเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆ แล้ว แต่ต่อจากนี้ก็ต้องนำบทเรียนต่างๆ มาแก้ไขและปรับปรุง เพื่อพัฒนาต่อในอนาคต

   มาซาทาดะ อิชิอิ คือคนที่ได้รับคำสรรเสริญจากทั่วทุกสารทิศ โทษฐานที่ทำทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งๆ ที่เข้ามารับงานกุนซือทีมชาติไทย เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น

   แม้จะชนะเพียง 1 เกม (ชนะคีร์กีซสถาน 2-0 เอเชียน คัพ 2023) เสมอ 3 และแพ้อีก 3 แต่ทุกคนรู้ดีว่าทัพช้างศึกต้องเผชิญหน้ากับประเทศที่มี ฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่าทุกทีม

   4 จาก 7 นัด คือการเจอกับญี่ปุ่น, ซาอุดีอาระเบีย และเกาหลีใต้ ซึ่งจัดอยู่ในหมวด 5 เสือเอเชีย เสียด้วย

   มันจึงไม่แปลกที่แท็กติกของ อิชิอิ จะเน้นรัดกุมในทุกๆ เกมที่เขาคุมทีมชาติไทย เพราะเป็นรองคู่ต่อสู้ทั้งนั้น

   จาก 7 นัด ที่ผ่านมาพร้อมมันสมองของเทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น พิสูจน์ให้เห็นระดับหนึ่งแล้วว่าเขามีกลยุทธ์หลากหลาย แถมยังเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องของวินัยให้กับแข้งสยามประเทศได้น่าดูชม คือเล่นเป็นระบบ ทรงบอลดูสากลกว่าเก่าก่อน

   ด้วยเหตุนี้เอง อิชิอิ จึงควรค่าแก่คำชื่นชมจากผู้คนในวงการลูกหนัง ไม่เว้นกระทั่งที่บ้านเกิดของเขาที่ต่างก็ออกมาสรรเสริญความเก่งกาจของอดีตเฮดโค้ช คาชิมะ แอนท์เลอร์ส กันพอสมควร

   อย่างไรก็ตาม 'บททดสอบ' ของเขายังมีอีกเพียบ โดยเฉพาะ 2 นัดที่เหลืออยู่ของไทย ในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่จะเจอจีน และสิงคโปร์

   7 เกม ก่อนหน้านี้ แท็กติกของไทย เน้นไปที่เกมรับ ซึ่งก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการมาเกือบทุกแมตช์  แต่ถ้าจะไปตะลุยรอบที่ 3 เราจำเป็นจะต้องมีการทำประตูที่มากขึ้น เพราะถ้ายังเล่นแบบเดิม ก็คงจอดเพียงเท่านี้

   ดังนั้นเกมที่จะบุกไปเยือนจีน ในวันที่ 6 และกลับมาปิดท้ายในบ้านกับสิงคโปร์ ในวันที่ 11 มิถุนายน จึงเป็นความท้าทายของ อิชิอิ ว่าจะพลิกสถานการณ์ของทัพช้างศึกได้มากน้อยเพียงใด

   เรื่องเกมรับ เท่าที่ผ่านมา เขาแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าสามารถชักพาทีมไปในทิศทางที่ดีได้ แต่เรื่องของแนวรุกนี่สิ ยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่าถ้าเปิดโหมดบุกใส่คู่แข่งจะเป็นเช่นไร

   ด้วยทรัพยากรที่มี ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, ปรเมศย์ อาจวิไล, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ รวมไปถึงคนอื่นๆ อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่รอร่างกายฟิตสมบูรณ์อยู่ มันน่าจะเพียงพอต่อการโจมตีฝั่งตรงข้ามแบบหวังผลได้

   ประสิทธิภาพของรายชื่อเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างการแข่งขันแบบไม่ต้องสงสัย ขึ้นอยู่ที่ว่า อิชิอิ จะมีแผนเด็ดเช่นไรเมื่อต้องเจอคู่ต่อสู้ในเลเวลใกล้เคียงกัน

   ไม่ได้ดูแคลนสิงคโปร์ แต่เชื่อว่าไทย ไม่น่ามีปัญหาในการจัดการกับพวกเขา ด้วยปัจจัยหลายสิ่งอย่าง ทั้งมาตรฐานที่เหนือกว่า แถมยังได้เล่นในบ้านอีกต่างหาก ขอแค่ไม่ติดประมาท ยังไงเสียก็น่าจะได้ 3 คะแนน แน่ๆ

   แต่ในเกมที่จะบุกไปเยือนจีน นี่แหละที่น่าสนใจ เพราะเกมแรกที่พบกัน เราน่าจะมีแต้มจากพวกเขาเป็นอย่างน้อย แต่สุดท้ายกลับแพ้ไปแบบช้ำชอก ร้อนถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น

   เสียงแซ่ซ้องยังคงก้องกังวานสะท้อนแดนขวานทอง กับผลงานที่ดีขึ้นชัดเจนอันมาจากมันสมองของ อิชิอิ

   ทว่าเส้นทางลูกหนังของเขากับไทย ยังเหลืออีกยาวไกล แม้จะแสดงให้เห็นเบื้องต้นถึงพัฒนาการและทัศนคติในทิศบวก 

   บทพิสูจน์ของ อิชิอิ ยังคงรออยู่อีกมากมาย

ชิกกะด้าว



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport