เมื่อวาน ทีมชาติไทยบุกไปควักผลเสมอกลับออกมาจาก โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม บ้านของขาประจำฟุตบอลโลกอย่าง เกาหลี ได้แบบไม่น่าเชื่อ
และต่อไปคือสิ่งที่อยากจะบอก
1. ประหลาดใจตั้งแต่ตอนเริ่มเกมแล้วนะครับ
ช่วง 15 นาทีแรก เราเล่นได้ไฉไลมาก คือบีบสูงแล้วพุ่งเข้าหาคู่แข่งแบบเป็นหมู่คณะอย่างรวดเร็ว ต่อเมื่อตัดบอลได้ก็จะบุกจู่โจมแบบสายฟ้าฟาดทันที
เกาหลีขึ้นเกมไม่ได้จนผมนึกว่า ซน ฮึง มิน ไม่ได้ลงสนาม แถมกว่าเจ้าถิ่นจะตั้งหลักได้ ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง
2.หลังจากพลพรรคนักเตะพลังหมาตุ๋นโสมตั้งหลักได้ พวกโอปปร้า-โอปปร้า (พรี่ๆ) ก็มาเป็นพายุอุกาบาตเลยสิ
แล้วก็โดนกะซวกไส้จนได้ เกาหลี ขึ้นนำ 1-0 จนได้ ประตูแรกมาจนได้...พุทโธ่
นาทีนั้น ผมคิดว่าไทยคงไม่มีทางรอดแล้ว เพราะรูปเกมเป็นรองจนไม่ได้รับอนุญาตให้บุก แถมเล่นในบ้านเขาอีกต่างหาก มันจะเอาอะไรไปรอด
3. มาซาทะดะ อิชิอิ นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ นะครับ
คือนับตั้งแต่ส่ง ศุภณัฏฐ์ ลงมาแทน เจริญศักดิ์ ทีมชาติไทยมีโอกาสทำประตูติดๆ กันถึง 3 ครั้ง
จังหวะ ชนาธิป ยิงแป๊ก กับอีกจังหวะที่ ศุภณัฏฐ์ หลุดไปถึงเส้นหลังด้านขวา ก่อนหักกลับมาติดขาหลัง คิม มินแช นิดเดียว
ส่วนครั้งที่ 3 เป็นประตูตีเสมอที่สมบูรณ์แบบมากจากจังหวะเล่นเกมรุกเร็ว-รุกเร็ว
เมื่อ ศุภณัฏฐ์ ป้ายบอลจังหวะเดียวแถวริมเขตโทษมาที่ว่างด้านขวา นิโคลัส มิเคลสัน เติมขึ้นมาตะบันแบบกึ่งยิงกึ่งผ่าน ก่อน ศุภณัฏฐ์ คนเดิมจะพุ่งเข้าชาร์จตาข่ายพินาศ
4. ดันทะลึ่งไปตีเสมอเขาแบบนั้น พายุอุกาบาตถล่มหัววัวคันไถก้อนใหญ่ มันก็เลยโขยกเข้าใส่แบบไม่ยั้งหยุด
แต่เพราะช่วยกันเล่น ช่วยกันไล่ ตั้งรับหนาแน่น แถมอุดมด้วยวินัย บวกกับโชคดวงอีกนิดหน่อยก็ช่วยให้ทีมชาติไทยรอดพ้นจากการเสียประตูแบบหวุดหวิด ถึงแม้จะมีการทดเวลาบาดเจ็บเพิ่มจากเดิมอีก 2 นาทีก็ตาม
บอลเป็นรองสุดกู่ต้องแบบนี้ครับ คือใช้เหลี่ยมเล่ห์กลยุทธ์กับจิตวิญญาณนักสู้
5.ถ้าเป็นเมื่อก่อน
หากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ต่อให้เล่นได้เลิศเลอขนาดไหน ไทยก็จะยิงประตูตีเสมอไม่ได้ และไทยก็จะยันคู่แข่งเอาไว้ไม่อยู่ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับทีมชาติไทยมานานกว่า 60 ปี นึกออกไหมครับ ???
แต่ดูเหมือน "อาจารย์อิชิอิ"แกจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของเราตรงจุดนี้ได้แล้ว
นี่แหละที่เขาบอกว่า...
คนญี่ปุ่น ถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก
บอ.บู๋