ความสำเร็จในอดีต, สไตล์การเล่น, เฮดโค้ช, ทีมชุดปัจจุบัน, นักเตะเด่น, นักเตะน่าจับตามองและเกร็ดน่ารู้เรื่องอื่นๆ 'SIAMSPORT' ขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับทีมชาติ 'เกาหลีใต้' เพิ่มมากยิ่งขึ้น!!
ทีมชาติไทย พบเกาหลีใต้ (นัดแรก) ณ โซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม เวลา 18:00 น. (นัดที่สอง) ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันอังคารที่ 26 มีนาคม เวลา 19.30 น. ทั้ง 2 เกม ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี (หมายเลข 32)
[ 1 ] ความสำเร็จในอดีต
เกาหลีใต้ คือประเทศแรกของเอเชีย ที่มีส่วนกับฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (1954) และก็เป็นขาประจำของ เวิลด์ คัพ มาตั้งแต่ปี 1986 โดยมีผลงานดีที่สุดคืออันดับ 4 เมื่อครั้งที่ตนเองเป็นเจ้าภาพ (2002)
ด้วยมาตรฐานที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีต แน่นอนว่าทัพโสมขาวจึงถือเป็นชาติเบอร์ต้นๆ ของวงการลูกหนังในภูมิภาคนี้
ส่วนผลงานในทวีป พวกเขาได้แชมป์ เอเชียน คัพ 2 สมัย (1956 และ 1960) แต่ก็เข้าชิงชนะเลิศถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดของเอเชีย นอกจากนี้ยังเชยชมเหรียญทอง เอเชียนเกมส์ อีก 3 หน (1970, 1978 และ 1986)
ขณะเดียวกัน โอลิมปิก - เกาหลีใต้ ก็เคยไปไกลถึงการคว้าอันดับ 3 เมื่อปี 1992 และก็มักจะทะลุรอบแรกอยู่บ่อยๆ จนเรียกได้ว่ากลายเป็นทีมชั้นนำของโลกไปแล้ว
[ 2 ] สไตล์การเล่น
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชจาก เจอร์เก้น คลินส์มันน์ มาเป็น ฮวาง ซุน-ฮง คงทำให้สไตล์การเล่นของเกาหลีใต้ เปลี่ยนไปพอสมควร เนื่องจากกุนซือคนใหม่นั้นนิยมเล่นเกมบุกเป็นหลักอยู่แล้ว
เทรนเนอร์วัย 55 ปี เข้ามาสานงานต่อจากตำนานทีมชาติเยอรมัน เป็นการชั่วคราว แต่โปรไฟล์ของเขาถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะเคยเป็นอดีตกองหน้าที่ลงเล่นให้ทัพโสมขาวเกินกว่า 103 นัด พี่แกยังคว้าแชมป์มากมายในฐานะบิ๊กบอสของ โปฮัง สตีลเลอร์ส และ เอฟซี โซล อีกต่างหาก
ที่สำคัญ ฮวาง ซุน-ฮง นี่แหละคือเฮดโค้ชเกาหลีใต้ ชุดเหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 2002 ซึ่งรอบแรกถล่มไทย ไปเละเทะ 4-0
ด้วยสถิติต่างๆ ที่ออกมาของกุนซือป้ายแดง - ทิศทางของทีมจากแดนกิมจิจึงน่าจะเน้นบุกแน่ๆ และด้วยศักยภาพผู้เล่นที่มี เชื่อว่าแฟนฟุตบอลคงจะได้เห็นมิติใหม่ของพวกเขาในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม
[ 3 ] เฮดโค้ช
ฮวาง ซุน-ฮง เทรนเนอร์ผู้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 'ตำนาน' เกาหลีใต้ กับการลงเล่นไป 103 เกม และมีสถิติสุดหรูด้วยจำนวน 50 ประตู
พอผันตัวเองมาเป็นโค้ช ก็พาทีมคว้าแชมป์ในระดับสโมสรมากมาย ก่อนจะนำทัพโสมขาว รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คว้าแชมป์ เอเชียนเกมส์ 2022 มาครองอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยความสำเร็จดังกล่าว ไม่ว่าจะในฐานะนักเตะหรือกุนซือ มันส่งให้พี่แกมีบารมีสูงส่ง จึงเชื่อได้เลยว่าบรรดาแข้งทีมชาติที่ค้าแข้งในยุโรป ต่างต้องเกรงใจ
อย่างไรก็ตาม การที่เขามีเวลาเตรียมทีมไม่มากนัก เนื่องจากเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงมีเวลาทำความคุ้นเคยกับลูกทีมน้อยนิด ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้แท็กติกที่วางไว้ไม่สัมฤทธิ์ผลเต็มประสิทธิภาพ
[ 4 ] ทีมชุดปัจจุบัน
ฮวาง ซุน-ฮง มีการปรับทัพจากชุด เอเชียน คัพ 2023 พอสมควร เนื่องจากหั่นชื่อผู้เล่นถึง 12 คน จากทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ และเติมก๊วนนักเตะหน้าใหม่ที่เล่นอยู่ในประเทศมาหลายราย
ที่น่าสนใจคือการเรียก อี มยอง-แช (แบ็กซ้าย), เชือง โฮ-เยือน (กองกลาง) และ ชู มิน-กยู (กองหน้า) 3 แข้งใหม่ที่ไม่เคยติดทีมชาติมาก่อนเข้าสู่ทัพโสมขาวแบบสุดเซอร์ไพรส์
อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะผู้เล่นหลัก ก็ยังถือว่าอยู่กันเกือบครบ ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์จากลีกใหญ่ของยุโรป อย่าง ซน ฮึง-มิน กับ อี คัง-อิน ที่เคลียร์ปัญหากันเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึง คิม มิน-แจ เซนเตอร์ฮาล์ฟของ บาเยิร์น มิวนิค ก็มาด้วย
[ 5 ] นักเตะเด่น
แน่นอนว่า ณ วินาทีนี้ คงไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้า ซน ฮึง-มิน ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทวีปคนปัจจุบัน กับมาตรฐานการเล่นที่สม่ำเสมอมานานปีที่ยุโรป จนได้รับปลอกแขนกัปตันทีม ท็อตแน่ม ฮอท สเปอร์ส มาครองอย่างเต็มภาคภูมิ
แนวรุกวัย 31 ปี เล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนบน แต่พื้นที่ที่อันตรายที่สุดของหมอนี่คือการยืนริมเส้น เพราะพี่แกเป็นนักเตะที่จมูกไวในกรอบเขตโทษและก็มักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ซน ฮึง-มิน ยังเป็นผู้เล่นที่ไม่เห็นแก่ตัว เขาไม่สนว่าผลงานของตนเองจะเป็นเช่นไร เพราะในใจมีคำว่า 'ทีม' เป็นลำดับแรก ดังนั้นเมื่อใดที่บอลออกจากเท้าของกองหน้าหมายเลข 7 คนนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ในทุกจังหวะ
[ 6 ] นักเตะน่าจับตามอง
อี คัง-อิน ว่าที่นักเตะเบอร์หนึ่งของเอเชีย ในอนาคต เขามีคุณสมบัติที่จะเติบโตไปเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ในวันหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะอันเอกอุ, วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและจังหวะยิงอันเฉียบคม ซึ่งถ้ารักษามาตรฐาน รวมทั้งพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รับประกันเลยว่าหมอนี่จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน
แนวรุกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีทีเด็ดกับการลากเลื้อยด้วยท้าซ้ายก่อนจะตะบันโค้งๆ เสียบตาข่าย ซึ่งนี่คือลูกเก่งของเขาที่กองหลังทีมชาติไทย ต้องพึงระวังให้ดี
[ 7 ] เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ก่อนหน้านี้ ไทยเคยเผชิญหน้ากับเกาหลีใต้ มาทั้งหมด 75 ครั้ง โดยผลการแข่งขันปรากฏว่าทัพช้างศึกแพ้ไปถึง 52 ครั้ง, เสมอ 12 และชนะแค่ 11 หน
- ครั้งแรกที่ทั้งสองทีมพบกันคือปี 1954 โดยตอนนั้นเกาหลีใต้ ถล่มไทย ไปเละเทะ 8-2
- ส่วนปีล่าสุดที่ปะทะกันคือเกมกระชับมิตรที่สนาม ศุภชลาศัย เมื่อปี 2016 และเป็นเกาหลีใต้ เช่นเคยที่เอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0
- ธีราทร บุญมาทัน, ปกเกล้า อนันต์, สารัช อยู่เย็น และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คือนักเตะไทย 4 คน ที่ลงสนามในเกมล่าสุดที่แพ้เกาหลีใต้ 0-1 เมื่อปี 2016
- คิม ยอง-กวอน เซนเตอร์ฮาล์ฟจาก อุลซาน เอชดี (ฮุนได) คือนักเตะที่อายุมากที่สุดของเกาหลีใต้ ชุดนี้ (34 ปี) ส่วนฝั่งไทย เป็น ธีราทร บุญมาทัน ด้วยวัยเท่ากัน แถมยังเกิดเดือนเดียวกันอีกต่างหาก
- อี คัง-อิน (กองกลาง) คือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของเกาหลีใต้ ชุดนี้ (23 ปี) ขณะที่ของไทย ยังคงเป็น ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (กองหน้า) กับวัย 21 ปี
- ซน ฮึง-มิน คือดาวซัลโวของเกาหลีใต้ กับสถิติ 123 เกม 44 ประตู ส่วนฟากไทย ในเมื่อไม่มี ธีรศิลป์ แดงดา ก็ต้องเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ยิงให้ทัพช้างศึกไปแล้ว 12 ลูก
- ทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดนี้มาจาก อุลซาน เฮชดี (ฮุนได) มากถึง 5 คน แต่มี 2 ราย ที่ยังไม่เคยลงเล่นในนามทัพโสมขาวคือ อี มยอง-แช กับ ชู มิน-กยู
- ทีมชาติไทย ชุดนี้มาจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด มากที่สุด ด้วยจำนวน 5 คน (ปกเกล้า อนันต์, ปฏิวัติ คำไหม, สุพรรณ ทองสงค์, รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก และ วีระเทพ ป้อมพันธ์)
- ทีมชาติเกาหลีใต้ มีนักเตะค้าแข้งนอกประเทศ 12 คน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเล่นในลีกยุโรป
- ทีมชาติไทย มีนักเตะ 4 ราย ที่ค้าแข้งต่างแดน ได้แก่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด, อินโดนีเซีย), สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ญี่ปุ่น) และ นิโคลัส มิคเคลสัน (โอบี โอเดนเซ่, เดนมาร์ก)