ไทยลีก พักเบรกช่วง ฟีฟ่า เดย์ พร้อมเปิดทางให้นักเตะสยามประเทศรับใช้ชาติกับโปรแกรมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย ที่จะเผชิญหน้าเกาหลีใต้ 2 นัดติดต่อกัน
นี่คือเกมสุดสำคัญที่อาจจะยังไม่ถึงกับชี้ชะตาว่าทัพช้างศึกจะได้ไปต่อในรอบ 3 หรือไม่ แต่ถ้าทำผลงานได้ดี ก็น่าจะลุ้นลึกๆ ได้เหมือนกัน
ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าไทย เป็นรองคู่แข่งแบบสุดกู่และในทุกแง่มุม
แรงกิ้งห่างไกล อันดับ 22 กับ 101 ของโลก ส่วนเรื่องมาตรฐานการเล่นก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเรายังต้องพัฒนาอีกเพียบ หากจะขยับเข้าไปใกล้เกาหลีใต้ มากกว่าเดิม
23 ผู้เล่นที่ ฮวาง ซุน-ฮง กุนซือรักษาการของทัพแทกึกเรียกเข้ามานั้นจัดเป็นชุดที่แข็งแกร่งมาก จะขาดแค่ ฮวาง ฮี-ชาน แนวรุก วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกาย ส่วนที่เหลือก็ยังเป็นนักเตะชั้นนำของประเทศ
แม้ว่าจะมีถึง 11 คนที่เล่นใน เคลีก แต่ชื่อของ ซน ฮึง-มิน, อี คัง-อิน, คิม มิน-แจ และ อี แช-ซอง ก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ประมาททีมชาติไทย แม้แต่น้อยนิด
ดังนั้นนี่จึงถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่เราจะได้วัดศักยภาพในหลายๆ ด้าน กับสองเกมในวันพฤหัสที่ 21 และอังคารที่ 26 มีนาคม
สิ่งแรกเลยคือการที่นักเตะไทย จะได้ห้ำหั่นกับแข้งแนวหน้าที่เล่นในลีกระดับโลกอย่าง ฮึง-มิน, คัง-อิน และ มิน-แจ ซึ่งประสบการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ลองนึกภาพตามตอนที่แผงหลังช้างศึกต้องรับมือกับพายุเกมบุกของทีมโสมขาว ไม่ว่าจะเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ, ฟูลแบ็กหรือมิดฟิลด์ คงจะงานชุกทีเดียว แต่ถ้า 'เอาอยู่' ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ขณะเดียวกัน ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ปรเมศย์ อาจวิไล ก็จะได้เผชิญหน้า คิม มิน-แจ ปราการหลังของ บาเยิร์น มิวนิค สโมสรเบอร์หนึ่งของเยอรมัน
แค่คิดก็ยินดีไปกับบรรดาแข้งไทย จริงๆ
นอกจากประสบการณ์ที่ได้ฟาดฟันกับนักเตะชั้นนำของโลก อีกสิ่งหนึ่งที่จะได้กลับมาคือเรื่องของแท็กติก แม้ว่าเกาหลีใต้ จะเปลี่ยนโค้ชไม่นาน แต่ระบบการเล่น รวมไปถึงสมรรถภาพในด้านอื่นๆ ของพวกเขาคงไม่ดร็อปลงแน่ เผลอๆ อาจจะดีกว่าตอน เอเชียน คัพ 2023 เสียด้วยซ้ำ เนื่องจากกุนซือคนปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในตำนานทีมชาติ ดังนั้นบรมีล้นเหลือ
ยิ่งความที่แดนกิมจิเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ 'อาวุโส' แบบเข้มข้น ฉะนั้นเฮดโค้ชอย่าง ฮวาง ซุน-ฮง จึงกำราบเรื่องร้าวรานได้แบบที่นักเตะไม่กล้าหืออือ
ในเกมกับไทย คงจะได้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเกาหลีใต้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าคืองานหนักของเราที่จะทำยังไงให้สู้กับพวกเขาให้ได้นานที่สุด ซึ่งจุดนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ ก็คงจะรู้ดี เนื่องจากเทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น เก่งกาจในเชิงกลยุทธ์อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะวางแท็กติกต้านคู่แข่งสุดแข็งแกร่งนี้ได้ดีเพียงใดเท่านั้น
มันคือสองเกมอันสุดแสนจะสาหัสสากรรจ์ก็จริง แต่ทีมชาติไทย เองก็จะได้ประโยชน์มากมายจากการดวลกับยอดทีมของทวีปที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่ในโลกได้แบบไม่เป็นรอง
ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากมันให้ได้มากที่สุด นำข้อบกพร่องมาแก้ไข ใช้สิ่งที่ดีอยู่แล้ว พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของไทย ยังอีกยาวไกลก็จริง แต่ถ้าร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย ความฝันที่ฝักใฝ่ก็คงจะเป็นจริงขึ้นในสักวันหนึ่ง
งานยาก แต่ได้ประโยชน์ล้วนๆ
ชิกกะด้าว