จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบแบ่งกลุ่มของศึก เอเชียน คัพ 2023 พร้อมกับการได้ทั้ง 16 ทีมที่เข้าสู่รอบน็อกเอาท์ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีทีมชาติไทยของเราด้วยที่ทำผลงานได้โดดเด่นจนเรียกว่าเหนือความคาดหมายของหลายคน
ทั้งนี้ จากทั้งหมด 36 เกมที่เตะกันนั้น มันมีเกร็ดผลงานหลายอย่างทั้งด้านเกมรุกและเกมรับที่ถือว่าน่าสนใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสถิติเหล่านี้มาจากทั้งเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ เอเชียน คัพ และ fbref เว็บไซต์เชิงบันทึกผลงานต่างๆ
- การยิง
857 ครั้ง คือจำนวนการยิงโดยรวมของรอบแบ่งกลุ่มประจำศึก เอเชียน คัพ 2023 ซึ่งทีมที่มีจังหวะยิงมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ซาอุดี อาระเบีย เพื่อนร่วมกลุ่มของทีมชาติไทยนั่นเอง หลังจากพวกเขาได้ยิงไปรวม 57 ครั้ง โดยที่ เกาหลีใต้ ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่จำนวน 55 หน ขณะที่ ปาเลสไตน์ อยู่ที่ 3 จากจำนวน 47 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากดูเฉพาะการยิงตรงกรอบนั้น เกาหลีใต้ เป็นทีมที่ทำได้ดีที่สุด หลังพวกเขาทำได้ 19 ครั้ง โดยที่ ซาอุดี อาระเบีย ตามมาเป็นที่ 2 ที่ 18 หน ส่วน ปาเลสไตน์ ครองอันดับ 3 จากการทำได้ 17 ครั้ง
ขณะที่หากพิจารณาผลงานแบบเฉพาะบุคคลนั้น อายเม็น ฮุสเซน หัวหอกทีมชาติอิรักที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของรายการในตอนนี้ก็ถือเป็นคนที่มีค่าเฉลี่ยการยิงตรงกรอบต่อ 90 นาทีดีที่สุดด้วยจำนวน จำนวน 3.72 ครั้งต่อ 90 นาทีด้วยกัน รองลงมาคือ อัลดุลราห์มาน ชารีบ ดาวเตะ ซาอุดี อาระเบีย ที่ตัวเลข 2.71 ต่อ 90 นาที ขณะที่ โอเดย์ ดับบาจ จาก ปาเลสไตน์ อยู่ที่ 3 ด้วยค่าเฉลี่ย 2.70 ลูกต่อเกม
ถึงกระนั้น เอเชียน คัพ 2023 ก็ไม่มีใครที่สามารถทำแฮตทริกในรอบแบ่งกลุ่มได้เลย ทั้งที่ใน 3 ครั้งก่อนหน้านี้มันต้องมีคนทำแฮตทริกในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างน้อย 1 คน
- การเคลียร์บอล
อย่างที่รู้กันดีว่าในรอบแบ่งกลุ่มมีแค่ ไทย กับ กาตาร์ เท่านั้นที่ไม่เสียประตูเลยจากการลงเล่นทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง สำหรับ ไทย นั้น ถือเป็นทีมที่มีจังหวะเคลียร์บอลพ้นพื้นที่อันตรายได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของรายการด้วย จากการทำไป 84 ครั้ง โดย 3 อันดับแรกคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินเดีย และ มาเลเซีย ที่ทำไป 91 หน, 88 รอบ และ 87 ครั้ง ตามลำดับ
ส่วนหากดูกันที่นักเตะแต่ละราย คนที่เคลียร์บอลได้เยอะที่สุดคือ คาลิล คามิส จาก เลบานอน, บาเดอร์ นาสเซอร์ ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คาลิด อัล บรายกี้ ของ โอมาน และ ชาห์รูลซาอัด จาก มาเลเซีย ที่ทำไปคนละ 19 ครั้ง แต่ พรรษา เหมวิบูลย์ ของ ไทย ก็ทำได้โดดเด่นเช่นกันเพราะมีจังหวะเคลียร์บอลไป 18 หนเลยทีเดียว
- การสกัดและตัดบอล
มุาบ บัตทัต แข้งจาก ปาเลสไตน์ ถือเป็นจอมสกัดบอลที่เก่งที่สุดประจำรอบแบ่งกลุ่ม เพราะเขาทำอย่างนั้นได้ถึง 13 ครั้ง โดยที่ อี แช-ซุง ของ เกาหลีใต้ อยู่ที่ 2 ด้วยจำนวน 11 หน ส่วน มาเซลิโน่ เฟอร์ดินาน จาก อินโดนีเซีย ครองอันดับ 3 จากการทำไป 8 ครั้ง
ในส่วนของการอ่านเกมดีจนตัดบอลได้แบบไม่ต้องพุ่งเสียบนั้น บุย ฮอง เวียต อัน จาก เวียดนาม ทำได้ดีที่สุดจากการทำไปถึง 12 หน ตามมาด้วย จัสติน ฮูบเนอร์ ของ อินโดนีเซีย ที่ทำได้ 8 ครั้ง ส่วน จาง ลิ่งเผิง ของ จีน กับ ทาเมียร์ลาน โคซูเบฟ ของ คีร์กีซสถาน ครองที่ 3 ร่วมกันจากจำนวน 7 หน
- การผ่านบอล
ทุกวันนี้วงการฟุตบอลให้ความสำคัญกับการผ่านบอลเพื่อทำเกมรุกเป็นทอดๆ กันมากขึ้น ซึ่ง เกาหลีใต้ เป็นทีมที่ผ่านบอลได้มากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มจากการผ่านบอลรวมกัน 2,099 ครั้ง ตามมาด้วย ญี่ปุ่น กับ ซาอุดี อาระเบีย ที่ทำได้ 2,005 หน กับ 1,949 ครั้ง ตามลำดับ
ขณะที่นักเตะซึ่งจ่ายบอลไปมากที่สุดคือ แฮร์รี ซูตทาร์ จาก ออสเตรเลีย ที่ทำไป 314 ครั้ง ทิ้งห่าง ฮวัง อิน-บอม อันดับ 2 จาก เกาหลีใต้ ไปเยอะพอตัว หลังแข้งโสมขาวผ่านบอลไปรวม 271 หน ขณะที่อันดับ 3 น่าจะคุ้นหูแฟนบอลหลายคน เพราะเขาคือ วาตารุ เอ็นโด มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นจาก ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ 269 ครั้ง
- เด็กเกร็ดบอล -