จัดสูตรเด็ด! มาซาทาดะ อิชิอิ ซ้อมเข้มทีมชาติไทยเตรียมรับมือซาอุฯ ส่งท้ายแบ่งกลุ่ม เอเชียน คัพ

จัดสูตรเด็ด! มาซาทาดะ อิชิอิ ซ้อมเข้มทีมชาติไทยเตรียมรับมือซาอุฯ ส่งท้ายแบ่งกลุ่ม เอเชียน คัพ
มาซาทาดะ อิชิอิ จัดสูตรเด็ดให้นักเตะทีมชาติไทยซ้อม เพื่อรับมือซาอุดิอาระเบีย แมตช์ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคมนี้ พร้อมสั่งเข้ม นิโคลัส มิคเกลสัน กับ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ 2 ผู้เล่นช้างศึกถ้าได้ลงสนามต้องระวังใบเหลือง หากโดนอีกติดโทษแบนอดเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายทันทีตามกฎเอเอฟซี

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "มาซาทาดะ อิชิอิ" โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม หลังจากลงสนามไปแล้ว 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่ม เอฟ ศึกฟุตบอล เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ตอนนี้ทัพ "ช้างศึก" มี 4 แต้ม โอกาสผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ค่อนข้างสดใส

ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 23 ม.ค.2567 ที่สนามซ้อมอัล เอร์ซาล 2 กรุงโดฮา เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาไทย 21.00 น.) ทัพนักเตะช้างศึกลงฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมนัดสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนี้ โดยการซ้อมวันนี้ได้รวมซ้อมกันครบทีมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้แบ่งนักเตะเป็น 2 กลุ่มจากเกมที่เสมอกับ โอมาน 0-0

การฝึกซ้อมครั้งนี้ทางด้าน มาซาทาดะ อิชิอิ เริ่มจัดรูปแบบการเล่นที่ต้องใช้ในเกมกับ ซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะ หลังจากที่ได้มีการศึกษาวิธีการเล่นของคู่แข่งมาสองเกม นอกจากนี้ยังใส่แท็กติกต่าง ๆ ทั้งเกมรับและเกมโต้กลับ รวมถึงรายละเอียดของเกมที่มีการเจาะลึกเข้าไปในระหว่างการฝึกซ้อมในครั้งนี้ด้วย

ขณะเดียวกัน 2 นักเตะไทยที่ต้องระวังในเกมนัดสุดท้ายนั่นคือ นิโคลัส มิคเกลสัน และเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ซึ่งทั้งคู่ได้มีใบเหลืองติดตัวอยู่ หากเกิดโดนใบเหลืองอีกใบจะทำให้ติดโทษแบนทันที และจะพลาดช่วย "ช้างศึก" ลงสนามในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะตามระเบียบการแข่งขันเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย กำหนดไว้ว่า กฎยกเลิกหรือล้างใบเหลืองสะสมจะเริ่มตั้งแต่รอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป

สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 113 ของโลก พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ทีมอันดับ 56 ของโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ม.ค.2567 ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD หมายเลข 36 และช่อง T Sport 7


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport