"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกส.บอลไทยฯ สรุปผลงาน 8 ปี ที่ทำงาน ชี้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและวางรากฐานที่ดีให้กับฟุตบอลไทยให้มีระบบมากยิ่งขึ้น ชี้นี่คือการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง มากกว่าทุกยุค ทุกสมัยในอดีตที่ผ่านมา ในรอบ 108 ปี
"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงผลงานผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊กแฟนเพจ Fair ตลอด8 ปีที่ดำรงตำแหน่ง โดยระบุว่า "ฟุตบอลไทย กับการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาเกือบ 8 ปี" เพื่อสร้างให้รากฐานมั่นคง และยั่งยืน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและวางรากฐานให้ฟุตบอลไทยสามารถเดินหน้าพัฒนาได้อย่างเป็นระบบ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบ 8 ปี ภายใต้การบริหารของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มีอะไรบ้าง
- สร้างที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (อาคาร HOUSE OF THAI FOOTBALL) ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ แห่งแรกในรอบ 108 ปี / โดยก่อนหน้าที่ได้สร้างที่ทำการชั่วคราว อาคาร FA Thailand ที่อาคาร 40 ปี อาคาร 40 ปี (อาคาร 2) ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาบริหารงานในปี 2560
- สมาคมฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สร้างศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลครบวงจรขึ้น ในรอบ 101 ปี เพื่อใช้งานและทำกิจกรรมระดับทีมชาติ ฟุตบอลรากหญ้า ทีมชาติทุกชุดได้ใช้เก็บตัว และมีกิจกรรมพัฒนาฟุตบอล ทั้ง บอลเยาวชน อบรมผู้ตัดสิน อบรมโค้ช
- สมาคมฯ ลงนาม MOU ร่วมกับกรมพลศึกษาเพื่อใช้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ ที่อยู่ในความดูแลของกรมพลศึกษา ในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลแห่งชาติที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุดแห่งแรก ของประเทศไทยในรอบ 108 ปี โดยใช้งบประมาณตามโครง FIFA FORWARD 3.0
- สมาคมฯ ทำให้ฟุตบอลลีกอาชีพในประเทศไทยถูกกฎหมาย โดยกำหนดให้ทุกสโมสรต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และขึ้นทะเบียนเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพตามกฎหมาย กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทุกสโมสร โดยที่ผ่านมาในอดีตมีสโมสรสมาชิกขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ กกท. ไม่ถึง 10 สโมสร
- สมาคมฯ นำเอาเทคโนโลยี VAR มาช่วยสนับสนุนการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ และได้รับการยอมรับจากสโมสร แฟนบอล และเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในอาเซียนขณะนี้ ล่าสุด เอเอฟซี ขอใช้ VAR Center ของสมาคมฯ ในการแข่งขัน AFC Champions League 2023/24 รอบแบ่งกลุ่ม เกมเหย้าของ 3 สโมสรจากประเทศไทย ทั้งหมด 9 แมตช์ เนื่องจากเห็นว่ามีความพร้อมและมีศักยภาพตามมาตรฐาน
- สมาคมฯ จัดให้มีการแข่งฟุตบอลลีกหญิงอาชีพ แบบที่ถูกต้องทุกฤดูกาล โดยมีระเบียบให้ทุกสโมสรต้องเป็นนิติบุคล และขึ้นทะเบียนสโมสรฟุตบอลอาชีพ กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถือเป็นการเริ่มต้นในการวางรากฐานสร้างนักกีฬาฟุตบอลหญิงสายเลือดใหม่จากรุ่นสู่รุ่น
- สมาคมฯ ร่วมมือกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) และ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( SAT) จัดโครงการ Grow Together เพื่อเฟ้นหาผู้เล่นเยาวชนสู้ฐานข้อมูลทีมชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 12,14,16 ปี ชายและหญิง โดยสมาคมจะส่งผู้ฝึกสอนของสมาคมฯ ออกไป Scout ผู้เล่นเยาวชนที่มีความสามารถ รุ่นอายุต่างๆ ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ และเก็บบันทึกข้อมูลมายังส่วนกลาง จากการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนและฟุตบอลรายการต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค
- สมาคมฯ จัดให้มีการอบรมโค้ชทุกระดับ ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปี มากที่สุดในรอบ 108 ปี ทำให้ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ฝึกสอนในระดับต่างๆ กว่า 4,700 คน แบ่งออกเป็น ระดับ โปร ไลเซนส์ จำนวน 39 คน, ระดับ เอ ไลเซนส์ จำนวน 155 คน, ระดับ บี ไลเซนส์ จำนวน 291 คน, ระดับ ซี ไลเซนส์ จำนวน 1,247 คน และ ผู้ฝึกสอนเบื้องต้น (Introductory) จำนวน 2,861 คน, AFC GoalKeeper Level 1 จำนวน 108 คน GK และ AFC GoalKeeper Level 2 จำนวน 8 คน
- สมาคมฯ สร้างวิทยากรคนไทย ที่สามารถอบรมโค้ชได้ถึงระดับ เอ ไลเซนส์ โดยไม่ต้องจ้างวิทยากรจากต่างประเทศ และสามารถเปิดคอร์สอบรมได้เอง ในรอบ 108 ปี
- สมาคมฯ จัดทำแบบฝึกสอนฟุตบอลของสมาคม (โดย มิสเตอร์ กาเลส โรมาโกซ่า) ซึ่งเป็นแบบฝึกที่ได้รับการรับรองจาก AFC เพื่อวางรากฐานการพัฒนาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน และช่วยยกระดับฟุตบอลเยาวชนให้มีมาตรฐานและสอดคล้องกับ เอเอฟซี และ ฟีฟ่า ในรอบ 108 ปี
- พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรฟุตบอลทั่วโลก โดยเฉพาะ เอเอฟซี และฟีฟ่า ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสภากรรมการเอเอฟซี ถึงสองสมัย และประเทศไทย ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดงานสำคัญๆ เช่น จัดงาน AFC Annual Awards ปี 2017, จัดแข่งขันฟุตบอลชิงเเชมป์เอเชีย U23 ปี 2020,จัดการแข่งขันฟุตบอลชิงเเชมป์เอเชีย U17 ปี 2023 และ เป็นเจ้าภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปี FIFA Congress ครั้งที่ 74 ในช่วงเดือน 17 พฤษภาคม 2567 ครั้งแรกในประเทศไทย และครั้งแรกในอาเซียน
ตลอดการทำงาน พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ความพยายามและความทุ่มเททุกวิถีทาง ประสานความร่วมมือกับองค์กรฟุตบอลทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้างรากฐานให้ฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทุกมิติอย่างมั่นคงยั่งยืน นับว่าเป็นการวางรากฐานสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น สำหรับพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง มากกว่าทุกยุค ทุกสมัยในอดีตที่ผ่านมา ในรอบ 108 ปี