ตำแหน่งต่อตำแหน่ง! ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติจีน

ตำแหน่งต่อตำแหน่ง! ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติจีน
ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เตรียมประเดิมนัดแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งไทย ก็จะเปิด ราชมังคลากีฬาสถาน ต้อนรับจีน ผู้มาเยือน โดยมี 3 คะแนน เป็นเดิมพัน ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขอเทียบ 'ตำแหน่งต่อตำแหน่ง' ให้คุณได้อ่านกันว่าฝั่งใดดูดีกว่ากัน!!

[ 1 ] ผู้รักษาประตู

ไทย: กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ราชบุรี เอฟซี), สรานนท์ อนุอินทร์ (เชียงราย ยูไนเต็ด), ปฏิวัติ คำไหม (แบงค็อก ยูไนเต็ด)

จีน: หยาน จุนหลิง (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), หวัง ต๋าเล่ย (ชานดง ไท่ซาน), หลิว เตี๋ยนซู (อู๋ฮั่น ทรี ทาวน์ส)

หนึ่งในตำแหน่งสำคัญที่ข้อผิดพลาดเพียงหนเดียวสามารถส่งผลต่อการแข่งขันได้ในทันที ซึ่งผู้รักษาประตูของฝั่งจีน ดูจะมีประสบการณ์โชกโชนมากกว่าของไทย เนื่องจากมือหนึ่งของพวกเขาอย่าง หยาน จุนหลิง ที่ติดทีมชาติมา 51 นัด ยังอยู่ในทีมชุดบุกสยามประเทศ

ขณะที่ทัพช้างศึกไม่มีชื่อ ฉัตรชัย บุตรพรม กับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน มือกาวจอมเก๋า แถม กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, สรานนท์ อนุอินทร์ และ ปฏิวัติ คำไหม ก็ยังเฝ้าเสาให้ทีมไม่เกิน 10 นัด เลยสักราย

ดังนั้นปราการด่านสุดท้ายของจีน จึงดูมีความเจนเวทีนานาชาติมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าไทย เป็นรอง เพราะทุกคนที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เรียกตัวมาต่างก็มีความเก่งกาจต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ที่กุนซือชาวบราซิล-เยอรมัน จะเลือกใครลงสนามเท่านั้นเอง

[ 2 ] ฟูลแบ็ก

ไทย: ทริสต็อง โด (เมืองทอง ยูไนเต็ด), นิติพงษ์ เสลานนท์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด), ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), เควิน ดีรมรัมย์ (การท่าเรือ เอฟซี)

จีน: หลิว หยาง (ชานดง ไท่ซาน), หลี เล่ย (ปักกิ่ง กั๋วอัน), ซู เฮาเฟิง (เสินเจิ้น เอฟซี)

ฝั่งขวา ทีมชาติไทย นำโดย ทริสต็อง โด และ นิติพงษ์ เสลานนท์ ที่ผลงานในลีกยอดเยี่ยม โดยเฉพาะรายหลังสุดที่ฟอร์มแจ่มแจ๋วในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24 อีกต่างหาก

ส่วนจีน พวกเขาหนีบ ซู เฮาเฟิง มาเพียงคนเดียวเท่านั้น เนื่องจาก เต๋ง ฮานเวิ๋น กับ ซุน โก๋เวิ๋น ซึ่งเป็นขาประจำของทีมชาติชุดใหญ่นั้นร่างกายไม่สมบูรณ์ และการที่ต้องเผชิญหน้ากับแนวรุกไทย ที่จี๊ดจ๊าดทุกคน ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทัพช้างศึกต้องพยายามโจมตีให้ได้

ขยับมาฟากซ้าย ขุนพลจากลุ่มน้ำเจ้าพระยามีทั้ง ธีราทร บุญมาทัน และ เควิน ดีรมรัมย์ โดยรายแรกคลาสฟุตบอลระดับทวีป ส่วนอีกคนนั้นก็แข็งแรง แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยพละกำลังที่ล้นเหลือ จึงเป็นจุดแข็งของทีมในทันที

ขณะที่จีน เองก็มีผู้เล่นในตำแหน่งนี้ให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หลิว หยาง, หลี เล่ย หรือก็เขยิบ อู๋ เชาคง ซึ่งเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟอาชีพ แต่ก็มาเล่นแบ็กซ้ายก็ได้ในยามจำเป็น

แม้ว่านักเตะตัวหลักของขุนพลมังกรอย่าง หลิว หยาง กับ หลี เล่ย จะไปค้าแข้งในทวีปยุโรป มาแล้ว รวมไปถึง อู๋ เขาคง ที่เล่นในลีกตุรกี ทว่าของไทย ไม่ว่าจะ ธีราทร หรือ เควิน นั้นคือกองหลังที่มาตรฐานสูง ดังนั้นตรงจุดนี้ทัพช้างศึกจึงดูดีกว่าพอสมควร

[ 3 ] เซนเตอร์ฮาล์ฟ

ไทย: กฤษดา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด), พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), เฉลิมศักดิ์ อักขี (การท่าเรือ เอฟซี), มานูเอล ทอม บีร์ห (แบงค็อก ยูไนเต็ด)

จีน: ชาง หลินเป็ง (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), ชู เฉิ๋นจี้ (เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว), อู๋ เชาคง (เก็นเชอร์บีร์ลิกี, ตุรกี), เจียง เช็งหลง (เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว)

น่าเสียดายที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง หั่นชื่อ สุพรรณ ทองสงค์ ปราการหลังฟอร์มดีจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด ออกจากทีม ทั้งๆ ที่หมอนี่ผลงานยอดเยี่ยมสุดๆ กับต้นสังกัด ในขณะที่ มานูเอล ทอม บีร์ห ซึ่งตกเป็นสำรองของบียูกลับยังอยู่

ดังนั้นตัวเลือกลำดับต้นๆ น่าาจะเป็น กฤษดา กาแมน, เอเลียส ดอเลาะ และ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่จะได้ลงสนาม โดยมี เฉลิมศักดิ์ อักขี ที่รอสแตนด์บายอยู่ข้างสนาม

ฝั่งจีน พวกเขาเล่นระบบกองหลัง 3 คน ซึ่งมี ชาง หลินเป็ง เป็นตัวหลัก ทว่าอีกสองคนนั้นขึ้นอยู่ที่  อเล็กซานดาร์ แยนโควิช จะเลือกใครลงสนาม เพราะว่า ชู เฉิ๋นจี้, อู๋ เชาคง และ เจียง เช็งหลง ต่างก็มีดีแตกต่างกันออกไป

จุดเด่นของแนวรับขุนพลมังกรชุดนี้คือส่วนสูงที่แต่ละรายล้วนแล้วแต่จัดอยู่ในหมวดไซส์บิ๊กทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้คู่ต่อสู้จู่โจมลูกกลางอากาศได้ยากยิ่ง

เมื่อเทียบตำแหน่งต่อตำแหน่งของเซนเตอร์ฮาล์ฟระหว่างไทย กับจีน คือสูสีกันมาก เนื่องจากต่างฝ่ายต่างก็มีข้อดี-ข้อด้อยฝั่งละแบบ

[ 4 ] กองกลาง

ไทย: วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด), สารัช อยู่เย็น (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ปกเกล้า อนันต์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)

จีน: อู๋ ซี่ (เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว), หลี่ เก๊ะ (ปักกิ่ง กั๋วอัน), หวัง ชางหยวน (เหอนหนาน), ไต๋ ไว๋ ซุน (เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว), เกา เทียนยี่ (ปักกิ่ง กั๋วอัน)

แผงมิดฟิลด์ของไทย น่าจะเป็นชุดที่เกือบจะดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะขาดเพียง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ รายเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ที่เรียกมาจัดว่าครบครันทุกตำแหน่ง แถมยังสามารถดัน ธีราทร บุญมาทัน มายืนกองกลางได้อีกต่างหาก

หากเล่นในระบบ 4-3-3 สารัช อยู่เย็น จองแน่ๆ หนึ่งตำแหน่ง ขึ้นอยู่ที่ว่าคู่ขาจะเป็นใครระหว่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ ปกเกล้า อนันต์ โดยปล่อยให้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คอยสร้างสรรค์เกมรุกอยู่หลังศูนย์หน้า

ข้ามมาที่จีน พวกเขามักจะใช้ อู๋ ซี่ ยืนกับ หลี่ เก๊ะ อยู่บ่อยๆ โดยคนที่สอดแทรกคือ หวัง ชางหยวน 

เมื่อเทียบนักเตะในแดนกลาง ดูเหมือนว่าฝั่งไทย จะดูดีกว่าพอสมควร เนื่องจากแต่ละรายทักษะลูกหนังเลิศเลอ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติกันเพียบแปล้อีกด้วย 

[ 5 ] ปีก

ไทย: บดินทร์ ผาลา (การท่าเรือ เอฟซี), เอกนิษฐ์ ปัญญา (อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส, ญี่ปุ่น), สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ญี่ปุ่น)

จีน: เหวย ชิเฮา (อู๋ฮั่น ทรี ทาวน์ส), หลิว บินบิน (ฉานดง ไท่ซาน), ตัน หลง (ชางชุง ยาไต๋), ซิ เป็งเฟย (อู๋ฮั่น ทรี ทาวน์ส), เฉิ๋น ปู (ฉานดง ไท่ซาน), หลิน เหลียงหมิง (ต้าเหลียน โปร)

นี่เป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ของทั้งสองทีม เนื่องจากทั้งไทย และจีน ต่างก็เน้นการเจาะริมเส้นอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตำแหน่งนี้มีความสามารถเฉพาะตัวค่อนข้างสูง

ทัพช้างศึกนำโดย สุภโชค สารชาติ ที่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร อีกทั้งยังมี เอกนิษฐ์ ปัญญา แนวรุกจาก อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส ซึ่งค่อยๆ แทรกซึมสู่ทีมชุดตัวจริงของปีศาจแดงแห่งเอเชีย ได้ทีละนิด

รวมไปถึง บดินทร์ ผาลา ที่อาจจะไม่ได้เล่นต่างแดน แต่ผลงาน 6 ประตู กับทีมชาติ ในยุคที่มี อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เป็นเฮดโค้ชก็บ่งชี้ได้ชัดเจนว่าเขาเล่นเข้าแท็กติกดีเพียงใด เท่านั้นไม่พอ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็สามารถขยับมายืนริมเส้นได้อีกราย

ฟากจีน พวกเขามี เหวย ชิเฮา อดีตนักเตะเยาวชน เบาวิสต้า (โปรตุเกส) เป็นตัวหลัก ส่วนคนอื่นๆ ก็มีความเก่งกาจคละเคล้ากันไป

แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ หลิน เหลียงหมิง อีกหนึ่งผู้เล่นที่เคยไปฟูมฟักในยุโรป กับ เรอัล มาดริด (สเปน) ซึ่งปีนี้ผลงานดีกับทีมชาติมากๆ เพราะซัดไปแล้ว 2 ประตู จากการลงเล่น 5 เกม

เมื่อเทียบกัน จะเห็นว่าต่างฝ่ายต่างก็มี 'อาวุธหนัก' ไว้จู่โจมฝั่งตรงข้าม ดังนั้นตำแหน่งปีกจึงเป็นจุดสำคัญที่สามารถชี้วัดผลการแข่งขันได้เลย ซึ่งทั้งไทย และจีน ก็มีนักเตะฝีเท้าดีพอๆ กัน

[ 6 ] กองหน้า

ไทย: ธีรศิลป์ แดงดา (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม)

จีน: อู๋ เล่ย (เซี่ยงไฮ้ พอร์ท), ชาง หยูหนิง (ปักกิ่ง กั๋วอัน), ซิ เว๋ยจุน (เทียนจิน จินเมน ไทเกอร์ส)

แดนหน้าเป็นจุดที่ไทย เป็นรองจีน อย่างชัดเจน เพราะฝั่งขุนพลมังกรมี อู๋ เล่ย อดีตหัวหอกของ เอสปันญ่อล ทีมดังของ ลา ลีกา สเปน ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุกเป็นตัวหลัก และหมอนี่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานระดับสูงอยู่เลย

นอกจากจะดูด้อยกว่าอาคันตุกะแล้ว - ทัพช้างศึกยังต้องลุ้นว่า ธีรศิลป์ แดงดา เพชฌฆาตมาดนิ่ง ซึ่งเป็นความหวังสูงสุดของทีมจะฟิตสมบูรณ์หรือไม่ เนื่องจากเขาไม่ได้เล่นให้ต้นสังกัดมาเป็นเดือน ทำให้ภาระหน้าที่จึงไปตกกับ ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโว ไทยลีก 2022-23 

ยังดีหน่อยที่ แอลเคซอน ศูนย์หน้าบราซิล ที่โอนสัญชาติมาเป็นจีน ไม่ได้อยู่ในทีมชุดนี้ มิเช่นนั้นแนวรับไทย มีหวังต้องระทมกบาลกว่านี้แน่

อย่างไรก็ตาม แม้จะดูเป็นรองในแดนบน แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ อีกทั้งบางครั้ง บางโอกาส สถานการณ์ก็มักจะสร้าง 'วีรบุรุษ' ซึ่งตรงจุดนี้เราอาจจะได้เห็นฟอร์มอันเจิดจรัสของ ศุภชัย ที่จะสับไกใส่คู่แข่งพร้อมกับนำ 3 คะแนน มาฝากแฟนๆ ในศึกนัดสำคัญที่ ราชมังคลากีฬาสถาน วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายนนี้


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport