ความสำเร็จในอดีต, สไตล์การเล่น, เฮดโค้ช, ทีมชุดปัจจุบัน, นักเตะเด่น, นักเตะน่าจับตามองและเกร็ดน่ารู้เรื่องอื่นๆ 'SIAMSPORT' ขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับทีมชาติ 'จีน' เพิ่มมากยิ่งขึ้น!!
ทีมชาติไทย พบจีน วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี (หมายเลข 32)
[ 1 ] ความสำเร็จในอดีต
จีน คือหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลกยุคปัจจุบัน พวกเขาประสบความสำเร็จในทุกแง่มุม โดยเฉพาะเรื่องกีฬาที่เป็นแชมป์มาแล้วทุกประเภท
อย่างไรก็ตาม ฟุตบอล เป็นเหมือนเส้นขนานกับความสำเร็จ เนื่องจากขุนพลมังกรไม่เคยสัมผัสโทรฟี่ใหญ่ๆ เลยสักรายการ เพราะทำได้ดีที่สุดเพียงการคว้าอันดับ 2 ของ เอเชียน คัพ 1984 และ 2004 เท่านั้น
ส่วนในทัวร์นาเมนต์ อีเอเอฟเอฟ (EAFF) แชมเปี้ยนชิพ (ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งเอเชียตะวันออก) ที่อาจจะเคยได้แชมป์ 2 สมัย แต่ก็เป็นรายการที่ญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลีใต้ ไม่ได้ส่งทีมชุดที่ดีที่สุดมาโม่แข้ง
กระนั้น แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับการแข่งขันระดับเมเจอร์ของทวีป แต่พวกเขาก็เคยไปตะลุย เวิร์ล คัพ รอบสุดท้ายมาแล้ว 1 หน ในปี 2002
[ 2 ] สไตล์การเล่น
ด้วยความที่แต่งตั้ง อเล็กซานดาร์ แยนโควิช มาเป็นเฮดโค้ชของทีมชุดใหญ่ ทำให้สไตล์การเล่นของจีน จึงกลายเป็นทีมที่เน้นเกมรับเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ตั้งแถวแนวลึกเสียทีเดียว เพราะอาวุธในแดนบนของพวกเขาก็จัดจ้านและพร้อมลงโทษคู่ต่อสู้ได้ทุกวินาที
ขุนพลมังกรภายใต้การนำของกุนซือชาวเซอร์เบีย เป็นทีมที่ยืดหยุ่นพอสมควร รูปแบบการเล่นของพวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของแต่ละนัด ขึ้นอยู่ที่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร
[ 3 ] เฮดโค้ช
อเล็กซานดาร์ แยนโควิช กุนซือชาวเซอร์เบีย ผู้โชกโชนประสบการณ์ในลีกบ้านเกิด และเบลเยียม อีกทั้งยังรู้จักจีน แบบลึกซึ้ง เพราะย้ายมาเริ่มงานบนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 2018 กับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี กระทั่งเลื่อนขึ้นมาเป็น ยู-20, ยู-23 จนได้เป็นเฮดโค้ชของทีมชุดใหญ่เมื่อต้นปี 2023 นี้เอง
เทรนเนอร์วัย 51 ปี เป็นจอมแท็กติกคนหนึ่งของวงการฟุตบอล จนได้รับการขนานนามว่า 'โชเซ่ มูรินโญ่ แห่งเซอร์เบีย' กับสไตล์การทำทีมที่เน้นความรัดกุมเป็นหลัก แต่ก็เฉียบขาดเมื่อถึงจังหวะเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย
ผลงานเด่นของ แยนโควิช กับทีมชาติจีน คือการพาทีมคว้าอันดับ 3 ของ อีเอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2022 โดยในทัวร์นาเมนต์นั้นเสมอญี่ปุ่น 0-0 ซึ่งเป็นหนแรกในรอบ 12 ปี ที่ขุนพลมังกรไม่แพ้ เดอะ บลู ซามูไร แถมผู้เล่นชุดนั้นก็อุดมไปด้วยนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี อีกด้วย
[ 4 ] ทีมชุดปัจจุบัน
นักเตะ 24 คน ที่ถูกเรียกเข้าสู่ทีมชุดนี้คือผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดของจีน เพราะทุกตำแหน่งคือการผสมผสานระหว่างแข้งมากประสบการณ์ บวกด้วยดาวรุ่งที่ถูก อเล็กซานดาร์ แยนโควิช ปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชน
ผู้รักษาประตู หยาน จุนหลิง จอมหนึบจาก เซี่ยงไฮ้ พอร์ท ยังคงเป็นมือหนึ่งที่สร้างความอุ่นใจให้แนวรับ โดยมี ชาง หลินเป็ง เซนเตอร์ฮาล์ฟจากสังกัดเดียวกันเป็นแกนหลักทางหลังบ้าน
แผงมิดฟิลด์ อู๋ ซี่ ยังเป็นคนสำคัญ พ่วงด้วย หลี เก๊ะ กองกลางลูกครึ่งไซปรัส ที่เคยเป็นนักเตะฝึกหัดของ อาร์เซน่อล รวมถึงเล่นให้ เบรนท์ฟอร์ด มาแล้วยืนเคียงข้างกัน ส่วนแนวรุก อู๋ เล่ย อดีตกองหน้า เอสปันญ่อล ซึ่งเป็น 'ตัวแสบ' ของไทย และยังเป็นความหวังสูงสุดของจีน เช่นกัน
[ 5 ] นักเตะเด่น
อู๋ เล่ย ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทีมชาติจีน ผู้เป็นเจ้าของสถิติ 'ผู้เล่นอายุน้อยที่สุด' ที่ลงสนามใน ไชนีส ซูเปอร์ ลีก ด้วยอายุเพียง 14 ปี กับอีก 287 วัน ทั้งยังไปโลดแล่นในลีกสเปน นานถึง 4 ฤดูกาล โดยเป็นตัวตัวจริงให้ เอสปันญ่อล อีกต่างหาก
แนวรุกวัย 31 ปี จัดเป็นนักเตะที่ชอบยิงประตูใส่ไทย ทั้งในระดับสโมสรที่เคยซัด เมืองทอง ยูไนเต็ด 2 ลูก เมื่อปี 2016 รวมไปถึงยังเคยซัลโวทัพช้างศึกในเกมอุ่นเครื่องปี 2018
สไตล์การเล่นของเขาคล้ายๆ กับ ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ คือเป็นผู้เล่นที่เคลื่อนที่ได้อันตราย โดยเฉพาะการสอดเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ ก่อนจะสังหารประตูอย่างเฉียบคม
[ 6 ] นักเตะน่าจับตามอง
จริงๆ แล้วขุนพลมังกรชุดนี้มีผู้เล่นหลายรายที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น ชู เฉิ๋นยี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่ง หรือ ได๋ ไว๋ ซุน แนวรุกอดีตเยาวชน เร้ดดิ้ง และ บิวรี่ ทว่าคนที่อันตรายที่สุดคงต้องยกให้เป็น ชาง หยูหนิง ศูนย์หน้าหมายเลข 9 จาก ปักกิ่ง กั๋วอัน
หัวหอกวัย 26 ปี เคยไปค้าแข้งในยุโรป กับ วิเทสส์ แถมยังคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเนเธอร์แลนด์ส มาแล้วอีกต่างหาก ก่อนจะย้ายไป เวสต์บรอมวิช (อังกฤษ) และ แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) ในเวลาต่อมา
หยูหนิง เป็นดาวยิงที่หาจังหวะจบสกอร์ในกรอบเขตโทษได้ดี เขามีสัญชาตญาณเพชฌฆาตอยู่เต็มตัว และยังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกอีกต่างหาก
[ 7 ] เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ก่อนหน้านี้ ไทยเคยเผชิญหน้ากับจีน มาทั้งหมด 26 ครั้ง โดยผลการแข่งขันแบ่งเป็น ชนะ 6, เสมอ 2 และแพ้ไปถึง 18 นัด
- ครั้งแรกที่ทั้งสองทีมพบกันคือปี 1974 โดยตอนนั้นไทย พ่ายไปในเกมกระชับมิตร 2-3
- ส่วนปีล่าสุดที่ปะทะกันคือในทัวร์นาเมนต์ เอเชียน คัพ 2019 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งทัพช้างศึกก็พลาดท่าด้วยสกอร์ 1-2 ก่อนจะมาล้างตาสำเร็จใน ไชน่า คัพ ปีเดียวกัน กับชัยชนะ 1-0
- ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, ทริสต็อง โด และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คือ 5 จาก 11 ผู้เล่นตัวจริงของไทย ชุดที่บุกชนะจีน ในการพบกันครั้งล่าสุด เมื่อปี 2019
- ธีรศิลป์ แดงดา (กองหน้า) คือนักเตะที่อายุมากที่สุดของไทย ชุดนี้ (35 ปี) ส่วนฝั่งจีน ก็เป็นผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันแถมอายุยังเท่าหัวหอกช้างศึกอีกต่างหาก ซึ่งคนๆ นั้นก็คือ ตัน หลง นั่นเอง
- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (กองหน้า) คือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของไทย ชุดนี้ (21 ปี) ขณะที่ฝั่งจีน เป็น เจียง เฉิ๋นหลง เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 22 ปี
- ธีรศิลป์ แดงดา คือดาวซัลโวของฝั่งไทย (64 ประตู) ส่วนทางจีน นั้นส่ง อู๋ เล่ย มาประกวด (31 ประตู)
- ทีมชาติไทย ชุดนี้มาจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด จ่าฝูงของ ไทยลีก 2023-24 มากที่สุด ด้วยจำนวน 5 คน
- ขณะที่จีน นั้นมี 3 สโมสรใหญ่ที่ส่งนักเตะมาทีมละ 4 คน คือ ปักกิ่ง กั๋วอัน, ชานดง ไท่ชาน และ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว
- ทีมชาติไทย มีนักเตะ 4 ราย ที่ค้าแข้งต่างแดน ได้แก่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด, อินโดนีเซีย), สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ญี่ปุ่น) และ เอกนิษฐ์ ปัญญา (อุราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส, ญี่ปุ่น)
- ส่วนฝั่งจีน นั้นก็มีนักเตะที่ผ่านเวทียุโรป มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อู๋ เล่ย, หลี เก๊ะ, ได๋ ไว๋ ซุน, หลิว หยาง, หลี เล่ย และ ชาง หยูหนิง ทว่าปัจจุบันมีเพียงคนเดียวที่เล่นนอกประเทศ คือ อู๋ เชาคง กองหลังที่เพิ่งย้ายไปตุรกี เมื่อต้นปี 2023 นี้เอง