7 ข้อต้องรู้! "เอสโตเนีย" ด่าน 2 ของทีมชาติไทยในการทัวร์ยุโรป

7 ข้อต้องรู้! "เอสโตเนีย" ด่าน 2 ของทีมชาติไทยในการทัวร์ยุโรป
ความสำเร็จในอดีต, สไตล์การเล่น, เฮดโค้ช, ทีมชุดปัจจุบัน, นักเตะเด่น, นักเตะน่าจับตามองและเกร็ดน่ารู้เรื่องอื่นๆ 'SIAMSPORT' ขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับทีมชาติ 'เอสโตเนีย' เพิ่มมากยิ่งขึ้น!!

   ทีมชาติไทย พบเอสโตเนีย วันอังคารที่ 17 ตุลาคม เวลา 23.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐทีวี (หมายเลข 32) 

[ 1 ] ความสำเร็จในอดีต

   พวกเขาคือทีมอันดับ 115 ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ต่ำกว่าไทย (112) 3 ลำดับ แต่ด้วยความที่อยู่ในยุโรป เอสโตเนีย จึงมีประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับชาติใหญ่ๆ อยู่ทุกๆ ปี

   อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์เลยสักครั้ง ทั้งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายและ ยูโร 

   โดยหนที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ทำผลงานได้น่าพอใจกับการจบอันดับ 2 ของกลุ่ม ซี ซึ่งเหนือกว่าทีมแกร่งอย่างเซอร์เบีย แบบเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไปแพ้ต่อไอร์แลนด์ ในรอบเพลย์-ออฟ 1-5

   ส่วนทัวร์นาเมนต์ บัลติก คัพ หรือศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเหนือ ซึ่งมีลัตเวีย, ลิธัวเนีย, ฟินแลนด์ นั้นทางเอสโตเนีย เคยได้แชมป์ 4 หน และนั่นเป็นเพียงความสำเร็จเดียวที่ทัพซินิซากริดทำได้

[ 2 ] สไตล์การเล่น

   จริงๆ แล้วหากไม่ใช่ โธมัส ฮาเบอร์ลี่ เป็นเฮดโค้ช - เอสโตเนีย คือทีมที่เล่นฟุตบอลไดเร็กต์เป็นหลัก เนื่องจากนักเตะของพวกเขามีรูปร่างกำยำและแข็งแกร่งมากๆ ทว่านับตั้งแต่แต่งตั้งกุนซือชาวสวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นแม่ทัพใหญ่ สไตล์การเล่นของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

   ซินิซากริดกลายเป็นทีมที่เน้นเกมรุกเป็นหลัก โดยไม่สนว่าคู่แข่งจะเป็นใคร และจากการเปิดหน้าแลกนี้เอง ทำให้พวกเขาถูกเบลเยียม และสวีเดน ถล่มไป 13 ประตู จาก 3 เกม เท่านั้น 

   แม้จะต่อกรกับชาติใหญ่ๆ ได้ยาก แต่เอสโตเนีย ก็ไม่ย่อท้อ เพราะยังยึดมั่นการเอนเตอร์เทนแฟนๆ อยู่เช่นเดิม 

[ 3 ] เฮดโค้ช

   โธมัส ฮาเบอร์ลี่ อดีตหัวหอกดีกรีทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ และเริ่มงานโค้ชตั้งแต่ปี 2009 ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาฝีมือในการคุมทีม กระทั่งถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือเอสโตเนีย เมื่อช่วงต้นปี 2021

   ด้วยความที่เป็นศูนย์หน้าเก่า ทำให้การทำทีมของเขาสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนกับเล่นเกมรุก ซึ่งก็ทำได้ดีทีเดียว แม้สถิติ 32 เกม จะเป็นความพ่ายแพ้ถึง 16 นัด แต่ถึงอย่างนั้นแฟนๆ ก็ให้การหนุนหลัง เนื่องจากสไตล์เอนเตอร์เทนนี่เอง

[ 4 ] ทีมชุดปัจจุบัน

   ผู้เล่นของเอสโตเนีย ชุดนี้ค้าแข้งอยู่นอกประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดนกระจายอยู่ทั่วทั้งยุโรป และมีหนึ่งเดียวที่โลดแล่นในเอเชีย คือ เฮนรี่ อานิเยร์ อดีตดาวยิง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันปักหลักกับ ลี่ หมาน (ฮ่องกง)

   แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ชาติใหญ่ในเรื่องฟุตบอล แต่ก็ยังมีนักเตะดาวรุ่งที่เล่นให้สโมสรดังคือ คาร์ล ยาค็อบ ไฮน์ ผู้รักษาประตูมือ 3 ของ อาร์เซน่อล (21 ปี) และ มาร์ติน เว็ตคาล กองกลางของ โรม่า (19 ปี)

    ส่วนคนอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นชุดที่เกือบจะเต็มสูบ เพราะขาดเพียง แรกนาร์ คลาวาน (เซนเตอร์ฮาล์ฟ), คารอล เม็ตซ์ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ), นิกิต้า บรานอฟ (เซนเตอร์ฮาล์ฟ), ไทโย เทนิสเต้ (แบ็กขวา), เราโน แซปปืเน่น (ปีก) และ แฟร้งค์ ลีวัค (ปีก) เท่านั้นที่ไม่ถูกเรียกตัวมา

   โดยตัวหลักคนอื่นๆ ยังอยู่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คอนสแตนติน วาสซิเยฟ กองกลางกัปตันทีมเจ้าของสถิติติดทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์อันดับ 2 (153 นัด), จอร์จี้ ตุนยอฟ มิดฟิลด์อนาคตไกล (เปสคาร่า, อิตาลี), แม็ตติอัส ไคท์ เพลย์เมเกอร์ (ราปิด บูคาเรสต์, โรมาเนีย) และปราการหลังวัย 20 ปี อย่าง มัคซิม ปาสก็อตซี่ (กลาสฮ็อปเปอร์ส ซูริค, สวิตเซอร์แลนด์)

[ 5 ] นักเตะเด่น

   เฮนรี่ อานิเยร์ กองหน้าวัย 32 ปี ที่ซัลโวให้เอสโตเนีย มากที่สุดเป็นลำดับ 2 ของทีมชุดนี้ ด้วยจำนวน 21 ประตู คือความหวังในแดนบนของทัพซินิซากริด

   หัวหอกร่างบึ้กเป็นที่รู้จักของคอลูกหนังชาวไทย อยู่แล้ว เนื่องจากมาเล่นให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่ช่วงหนึ่งและก็มีผลงานที่น่าพอใจกับสไตล์ที่ดุดัน, แข็งแรงและที่สำคัญคือเป็นเพชฌฆาตที่เฉียบขาดในกรอบเขตโทษ

[ 6 ] นักเตะน่าจับตามอง

  มาร์ติน เว็ตคาล มิดฟิลด์ดาวโรจน์ที่ถูก โรม่า สโมสรดังของ กัลโช่ เซีเรีย อา มากระชากตัวจาก ทัลลิน คาเลฟ ไปตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี ก่อนจะเพาะบ่มฝีเท้าจนกลายเป็นตัวหลักของทัพหมาป่าแห่งกรุงโรมชุดแชมป์ยู-19 ชิงแชมป์อิตาลี

   ฝีเท้าของเขาเปล่งประกายฉายแสงระยับ กับปัจจุบันในวัย 19 ที่ได้ประเดิมสนามให้เอสโตเนีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเกมอุ่นเครื่องที่พบอาเซอร์ไบจาน 

[ 7 ] เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

- นี่คือการพบกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างเอสโตเนีย และไทย

-  กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ผู้รักษาประตู) คือนักเตะที่อายุมากที่สุดของไทย ชุดนี้ (31 ปี) ส่วนฝั่งเอสโตเนีย นั้นเป็น คอนสแตนติน วาสซิเยฟ (กองกลาง) ที่อายุ 39 ปี   

- ยศกร บูรพา (กองหน้า) คือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของไทย ชุดนี้ (18 ปี) ขณะที่เอสโตเนีย เป็น มาร์ติน เว็ตคาล (กองกลาง) กับวัย 19 ปี 

- บดินทร์ ผาลา คือดาวซัลโวของฝั่งไทย (6 ประตู) ส่วนเอสโตเนีย นั้นเป็น คอนสแตนติน วาสซิเยฟ (26 ประตู) 

-  ทีมชาติไทย มีผู้เล่นหน้าใหม่หลายราย ไล่ตั้งแต่ จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ (ผู้รักษาประตู), สุเมธี โคกโพธิ์ (ผู้รักษาประตู), เจมส์ เบเรสฟอร์ด (แบ็กขวา), ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท (กองกลาง) และ เบนจามิน เดวิส (กองกลาง) แต่สองคนหลังสุดนั้นได้ลงเล่นในเกมแพ้จอร์เจีย 0-8 

- ส่วนฝั่งเอสโตเนีย นั้นมี มาร์ติน เว็ตคาล ที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรก และก็ประเดมสนามในเกมกระชับมิตรเดือนตุลาคมเช่นกัน

- 25 ผู้เล่นของเอสโตเนีย นั้นมีถึง 15 คนที่เล่นอยู่ในต่างแดน ส่วนอีก 10 คนนั้นค้าแข้งในประเทศ

- เฮนรี่ อานิเยร์ เป็นนักเตะหนึ่งเดียวของเอสโตเนีย ที่เล่นอยู่ในเอเชีย (ลี่ หมาน, ฮ่องกง)

- ทีมชุดนี้ของเอสโตเนีย มี มาร์คุส พูม กองกลางวัย 24 ปี ลูกชายแท้ๆ ของ มาร์ท พูม อดีตผู้รักษาประตูชื่อดังของทศวรรษ 90' ตอนปลาย ต่อถึงช่วง 2000 กับการเฝ้าเสาใน พรีเมียร์ลีก เกินกว่า 10 ซีซั่น


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport