การวิเคราะห์ปัญหากับการวิจารณ์ปัญหามีความแตกต่างกัน แม้จะทำให้รู้ปัญหาเหมือนกัน แต่การวิเคราะห์ จะทำให้เรามองปัญหาได้ดีกว่าเนื่องจากเราทราบ "ต้นเหตุ" ของปัญหา ที่มาที่ไปว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร
จนทำให้ทีมไทยแลนด์ ชุดบี บุกไปให้ จอร์เจีย สอนบอล 8-0 กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ทั่วทั้งแผ่นดิน
โดยก่อนแข่งผม X (ทวิตเตอร์เดิม) เอาไว้แล้วถึงเรื่องการไปอุ่นเครื่องกับ จอร์เจีย นั้นผิดจังหวะเวลา ใครตามทวิตเตอร์ของผมที่ ยอดฟอลโลว์ 645,000 คงทราบดี
ไม่ใช่ผมมาเขียนซ้ำหลังเกิดเหตุ
แน่นอนครับ...มันไม่น่าแปลกใจที่จะมีเสียงวิจารณ์ ด่าทอ พุ่งเป้าไปยัง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยมีสโมสรสมาชิกที่กักตัวนักเตะตัวหลักทีมชาติ โดนหางเลขไปเต็มๆ นั่นรวมทั้ง "มาดามแป้ง" ที่น่ารักของผมและอีกหลายคน
นี่แหละถึงได้บอกว่าเมื่อเราวิเคราะห์ปัญหา เราจะแยกแยะ เรียงลำดับจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากไปหาน้อย จากการที่ทีมไทยไปแพ้ยับเยิน จนทำให้แฟนบอลรู้สึก "ขายหน้า" ที่โดนจอร์เจียล่อซะ 8 ลูก
ถ้า กัมพล ปฐมอรรคกุลย์ ไม่ช่วยเซฟ ก็คงจะโดนประมาณ 10+ จนดูเหมือนทีมไทยพึ่งหัดเตะบอลกันเมื่อ10ปีที่แล้ว
แม้การด่าไม่ช่วยอะไร แต่การที่แฟนบอลและสื่อสายบอลไทย โจมตี มันคือเสียงสะท้อนการทำงานของ เอฟเอ ไทยแลนด์ ด่าเยอะก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงในทางบวกและคงต้องรอสมาคมชุดใหม่ เพราะชุดนี้เหลือวาระจนถึง ก.พ.2567
ด่าสมาคมชุดนี้ไปก็เท่านั้นครับ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า 8 ปี พวกพรี่ๆ เขาทำอะไรกันเอาไว้บ้าง แม้ untold story (วันหลังวิเคราะห์เรื่องนี้ให้อ่าน) ให้คนเห็นแล้วก็เถอะครับ
เอาเป็นว่าถ้าด่าสมาคม มันคือ "กว้าง" ไม่ทำให้เรามองเห็น "ต้นเหตุของปัญหา" ที่ทำให้เรามาถึงจุดที่ขายหน้าต่อชาวโลก
มันต้องเจาะลึกว่าเกิดอะไรขึ้นครับเรื่องนี้
มันมีที่มาอย่างไร
เอาละ.....นับจากบรรทัดนี้ เรามา "วิเคราะห์"กันว่า อะไรคือต้นเหตุหลักๆของความ "ขายหน้า" ครั้งนี้
-ใครคือต้นคิดไปเตะยุโรป
ข่าวนี้ประกาศช่วงก.พ.ต้นปี ทีมไทย อุ่นเครื่องกับ ทีมระดับจอร์เจีย แรงกิ้ง 79 ของโลก และ เอสโตเนีย สองทีมฝั่งยุโรปตะวันออกที่มาตรฐานสูงกว่าเรา มองเผินๆมันก็ดีอยู่หรอกได้เล่นกับทีมมาตรฐานสูงกว่าในฟีฟ่า เดย์ ซึ่งกำหนดไว้เดือนต.ค. สองนัด
เพื่อยกระดับมาตรฐานในการเล่นกับทีมแรงกิ้งเหนือกว่า
คำถามคือ….จังหวะเวลานั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่ในเมื่อทีมไทยมีโปรแกรมคัดเลือกบอลโลกโซนเอเชีย
จากนั้นก่อนติดต่อหรือตอบรับการอุ่นเครื่องกับ จอร์เจีย และ เอสโตเนีย ได้มีการปรึกษา ผจก. ทีม มาดามแป้ง และ มาโน โพลกิ้ง แล้วหรือไม่ว่า ถามความเห็นโค้ชหรือเปล่า หรือถามแล้ว โค้ช โอเค ถ้าแบบนั้น มาดามแป้ง และมาโน่ จะต้องเป็นจำเลยสังคม
ถ้าไม่ถาม....อันนี้ ผิดมหันต์ เพราะมันคือมิติของฟุตบอล ที่การบริหารจัดการเรื่องนี้ต้องถามโค้ช แม้กระทั่งจะพักโรงแรมไหน, ซ้อมสนามอะไร , กับข้าวมีอะไรบ้าง ยังไงต้องปรึกษาโค้ชและผจก. ยิ่งเกมอุ่นเครื่องนี้เรื่องสำคัญกว่า เพราะโค้ชต้องทำงานกับแทกติกและนักเตะทีมชาติ
ด้วยเพราะ.....ฟีฟา เดย์ กำหนดปฏิทินฟุตบอลไว้ทั้งปี ตั้งแต่ มี.ค.,มิ.ย., ก.ย., ต.ค, พ.ย. (ม.ค. เฉพาะเอเชียน คัพกับแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์)
ทีมชาติไทยมีฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2 นัด เดือนพ.ย. ซึ่งทราบหลังจับสลากเดือนก.ค.ว่าเตะกับเกาหลีใต้, จีน และคาดว่าจะเป็นสิงคโปร์ (ล่าสุดชนะกวม2-1 เหลืออีกนัด)
ถึงไม่ทราบว่าเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่ไหนก็ต้องประเมินบรรดาทีมวางเพื่อหาเกมอุ่นเครื่องในสไตล์ ที่ใกล้เคียงคงต้องเน้นทีมในเอเชีย แทนที่จะเป็นยุโรป
ดังนั้นมุมนี้เรื่องของ year plan ทราบอย่างชัดเจน
ไปอุ่นเครื่องทีมยุโรปตะวันออกเดือน ต.ค. แล้วพ.ย. เตะบอลโลกรอบคัดเลือกทวีปเอเชีย
มาโน่ โพลกิ้ง น่าจะมึนๆกับการวางแทกติกอยู่นะ
ไม่ใช่แค่นั้น "คนต้นคิด" ไปเตะยุโรป ยังนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิดก็ผิดไปหมด....โดยเฉพาะตัวสโมสรใหญ่ที่มีนักเตะทีมชาติหลายคน
-คัดบอลโลกเอเชียแต่อุ่นเครื่องยุโรป
ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสอง เราอยู่กลุ่มเดียวกับ เกาหลีใต้, จีน และคาดว่าสิงคโปร์ (รอสรุปนัดสองกับกวม)
จีนและเกาหลีใต้ มีโปรแกรมอุ่นเครื่องกับเวียดนาม เพื่อนบ้านอาเซียน ที่เหมือนเป็นแบบทดสอบแทกติกที่จะใช้กับไทย ซึ่งนั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ประมาท ต้องเตะกับทีมในย่านอาเซียน แม้สื่อเกาหลีใต้ จะไม่พอใจ แต่งานโค้ช ไม่มีประมาทคู่แข่งครับ เขาไม่ประมาทไทย จึงต้องเล่นกับเพื่อนบ้านอาเซียน
โดยจีน ชนะ เวียดนามไป 2-0 มาโขยกครึ่งหลังเพราะเหงียนเขาหมดแรงและเหลือสิบคนนาทีสุดท้ายของเกม ส่วน เกาหลีใต้ เตะ เวียดนาม วันที่ 17 ต.ค. นี่สื่อเกาหลียังด่าสมาคมตัวเองที่มาเตะกับทีมอ่อนกว่าอย่างเวียดนาม (โค้ชเขาไม่ประมาทไง)
นีไงครับประเด็น....ทราบโปรแกรมล่วงหน้าว่ามีบอลโลกคัดเลือกโซนเอเชียของเรา แต่ดันไปเตะที่ยุโรป
-สโมสรแข็งแกร่งทีมชาติแข็งแรง
สโมสรที่ไม่ปล่อยนักเตะโดนด่าว่า "ไร้สปิริต" เห็นประโยชน์ตัวเองมาก่อนประเทศชาติ
โดนแฟนบอลย้อนแซะว่า "ไหนตั้งโต๊ะแถลงข่าว รักฟุตบอลไทย แต่พอถึงจังหวะนี้ดันไม่ปล่อยตัวเก่งเล่นทีมชาติ"
ผมลองเป็นทนายหน้าหอให้สโมสรบุรีรัมย์,บีจี ปทุมยูไนเต็ด, ทรู แบงคอก หาเหตุผลมาสนับสนุนหน่อย
หลังจากเดินทางกลับจาก เอสโตเนีย ปัญหาที่ตามมาคือสโมสร ต้องลงทำการแข่งขันไทยลีก 20 ต.ค. (ทรู แบงคอก กับชลบุรี เลื่อน) จากนั้นมีโปรแกรมเตะเอเอฟซี ชปล. 24 และ25 ต.ค.
เรื่องโปรแกรมนี่ เอฟเอ ไทยแลนด์ ยิ่งต้องทราบเลย โดยเฉพาะทีมที่เตะบอลสโมสรเอเชีย จะมีโปรแกรมไทย ลีก วันศุกร์
ดังนั้น....เมื่อทีมไทยเตะกับเอสโตเนีย วันอังคารที่ 17 ต.ค. เสร็จเวลา 2 ทุ่ม
ตามเวลาที่เอสโตเนีย (ช้ากว่าเรา 5 ช.ม.) วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับ ผมไม่ทราบกำหนดการ แต่คิดว่ากลับวันพุธ ถ้ากลับพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. ยิ่งหนักเลย
ไทยกับ เอสโตเนีย ไม่มี "ไฟลท์บิน"โดยตรงครับ ต้องแวะ "ทรานสิท" หรือต่อเครื่อง
จะฟินแอร์, เตอร์กิช, กาตาร์ ยังไงต้องแวะต่อเครื่อง
คร่าวๆ ใช้เวลาเดินทางกลับ 14-15 ช.ม. หรือมากกว่านั้น ถึงบ้านเราก็บวกเพิ่มไปอีกห้าชั่วโมงในวันใหม่
นึกภาพบรรดาสโมสรที่มีนักเตะเล่นไทยลีกวัน ศุกร์ที่ 20 ต.ค. (เพื่อเตรียมเตะเอเอฟซี ชปล. กลางสัปดาห์ถัดไป) ทั้งบุรีรัมย์และบีจี ถ้าปล่อยทีมชาติมาเพราะ "ทีมชาติ" และ "สปิริต"
พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ปัญหาซ้ำซ้อนเกิดขึ้นและนั่นทำให้สโมสรจึงเลือกไม่ปล่อยนักเตะทีมชาติไปยุโรป
ด่าได้ครับ แต่คงไม่ใช่จำเลยที่1 คงเป็นจำเลยที่2 เพราะยอมให้จำเลยที่1 ก่อการ
-มือสมัครเล่นหรือขัดแย้งกัน
เมื่อ"คนต้นคิด" พาไปเตะยุโรป นำมาซึ่งปัญหาซ้ำซ้อน แต่มันก็มีทางแก้ไขได้ครับ ถ้าหาก ทุกฝ่ายร่วมมือกันคุยเพื่อประโยชน์ของทั้งสโมสรและทีมชาติต้อง win-win ไม่ใช่ สโมสรชนะ ทีมชาติแพ้ หรือทีมชาติชนะ สโมสรแพ้
ผู้บริหารสมาคมต้องคุยกับสโมสรที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยนักเตะทีมชาติไปยุโรป รวมทั้ง มาดามแป้ง ในฐานะ ผจก. และโค้ชมาโน่ เอง เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
รู้ว่าจะไปยุโรป ก.พ. ณ ตอนนั้นเริ่มมีเสียงวิจารณ์กันแล้วว่า "ไปทำไมจอร์เจีย" มีข่าวลือว่าสโมสรจะไม่ปล่อยตัวหลักให้ทีมชาติ คนก็พูดกันเยอะอยู่ช่วงนั้น แถมมีเวลา8 เดือนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่
ถ้าร่วมมือกันแก้ปัญหา เพื่อหาทางออกมันก็มีแนวทางกำจัดปัญหา
1 ถ้าจะไปยุโรป เลื่อนโปรแกรมไทยลีกสัปดาห์ 20-22 ต.ค. ออกไปก่อน (ขนาดยกเลิกแข่งขันไทยลีกยังมาแล้ว) เพื่อให้นักเตะทีมชาติของสโมสรได้หายใจหายคอ พักฟื้นร่างกาย อย่างน้อย 6-7 วันก่อนเตะ เอเอฟซี ชปล ก็น่าจะได้อยู่
2 คุยกันว่า "ยกเลิก" อุ่นเครื่องจอร์เจีย,เอสโตเนีย แล้วค่อยหาทีมอุ่นเครื่องภายหลัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทับซ้อน
ก็ได้นะ….
คำถามคือ "ได้คุย" ได้ปรึกษาหารือร่วมกันมั้ย
หรือว่า ผู้บริหารสโมสรกับผู้บริหารสมาคม "ไม่กินเส้นกัน" ปล่อยให้มันขัดแย้งกันไปแบบนี้
ผมเชื่อว่า "ไม่ได้คุย" เพื่อหาทางออกนี้ตลอด 7-8 เดือน
เมื่อมันออกมาแบบที่สโมสรไม่ปล่อยนักเตะไปเล่นทีมชาติที่ยุโรป หมายถึงพวกเขาไม่รักชาติ เห็นประโยชน์ตัวเองมากไป...
ผมว่าด่าสโมสรได้ไม่ 100% นะครับ
-มาดามแป้ง "พลาด"
มาดามแป้ง น่าจะมองปัญหานี้ออกแต่แรก เพราะยังไงก็คุยกับ ผู้บริหารสโมสรใหญ่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ถึงขั้นตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อ ส.ค. จนโดนนักข่าวแซว "รัฐประหารสมาคม" ยังทำได้ เรื่องแบบนี้ยิ่งต้องคุย เพราะกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใน 6-7 เดือน แต่เมื่อไม่แสดงบทบาทและความสามารถในการแก้ปัญหาเบื้องต้น
มาดามแป้ง อาจถูกสังคมฟุตบอลมองว่า "ไม่เหมาะ"กับนายกสมาคมฟุตบอลก็เป็นไปได้ครับ เพราะมาดามทำอะไรไม่ได้เลย..... ไม่มีส่วนในการแก้ปัญหาปล่อยผ่าน เลยตามเลย
ส่วนตัวผมมองว่าเรื่องนี้ มาดามแป้ง ไม่ใช่ต้นตอปัญหาแต่ก็ต้องยอมรับการวิจารณ์ว่า "ควรระงับปัญหา" นี้ได้ก่อน เพื่อแสดงบทบาทของว่าที่ นายกสมาคมบอลไทย
นั้นคือการวิเคราะห์ของผมเองโดยใช้หลักการและเหตุผล
จากที่เขียนมาทั้งหมดได้เรียบเรียงต้นเหตุของปัญหาจากมากไปหาน้อย ซึ่งต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เป็นต้นเหตุปัญหามากสุดก็คงอยู่ที่คน "ต้นคิด" ติดต่อประสานงานเพื่อไปอุ่นเครื่องที่ยุโรปสองนัด อันนำมาซึ่ง "อีกหลากหลายปัญหา" รวมทั้งผู้บริหาร, ผจก. และตัวสโมสรเองกลับไม่สามารถ "ร่วมมือกัน" แก้ปัญหา จนได้บันทึกประวัติศาสตร์ด้านมืด
ส่วน "บิ๊กอ๊อด" นายกสมาคมฟุตบอล ไม่ต้องไปด่า ครับ เพราะอีก 5 เดือนก็พ้นวาระ วิจารณ์แกไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เนื่องจาก 8 ปีที่ผ่านมาเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าท่าน "ล้มเหลว" ในการบริหารเอฟเอ ไทยแลนด์ อย่างสิ้นเชิง
ฉะนั้นและฉะนี้...
ความขายหน้าจากจอร์เจียนั้น "คนต้นคิด" จะติดต่อหรือตอบรับการไปเตะที่ยุโรปนั่นแหละต้องโดน "ด่า" เป็นลำดับแรก
จากนั้นก็รับผิดกันไปทั้ง มาดามแป้ง, โค้ช มาโน่ และเจ้าของสโมสรฟุตบอล
พร้อมกับคำถามง่ายๆที่ได้คำตอบว่าไปจอร์เจียเพื่อ…..
1เปิดแผลการบริหารงานขององค์กรลูกหนัง
2การไม่ร่วมมือกันของFA Thailandกับสโมสร
3สโมสรใหญ่กว่าสมาคมบอล
4 คนเดินงานตัวหลักในสมาคมขาดความรู้และความเข้าใจเรื่องฟุตบอล จึงมองงานอย่างตื้นเขิน แถมสร้างดราม่าบอลไทยได้เก่งเหลือเกิน
JACKIE