4 เหตุผลที่ มาโน่ โพลกิ้ง ควรได้ไปต่อกับทีมชาติไทย

4 เหตุผลที่ มาโน่ โพลกิ้ง ควรได้ไปต่อกับทีมชาติไทย
อนาคตของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กับทีมชาติไทย ถูกตั้งเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มอยู่ด้านหลัง แม้ว่าสัญญาของเขายังเหลือถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เพราะเวลานี้ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชสมองเปรื่องชาวญี่ปุ่น นั้นถูกแต่งตั้งมาเป็นประธานฝ่ายเทคนิค และทำให้แฟนฟุตบอลเกิดความสงสัย

   อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานโดยรวมของเทรนเนอร์วัย 47 ปี ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มันจึงทำให้เก้าอี้ของเขาน่าจะแข็งแรงพอสมควร และนี่คือ 4 เหตุผลที่ มาโน่ ควรได้ไปต่อกับทีมชาติไทย ในมุมมองของ 'SIAMSPORT'

[ 1 ] ไม่ต้องเซ็ตทูซีโร่

   ทุกๆ ครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องนับหนึ่งใหม่เสมอ ในโลกของฟุตบอลก็เช่นกัน นักเตะใหม่, โค้ชใหม่หรือทีมผู้บริหารใหม่ ยังไงก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน 

   นับถึงปัจจุบัน อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ก็กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 2 กับบทบาทกุนซือทีมชาติไทย (ทำงานวันแรก 28 กันยายน 2021) ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรในตำแหน่งนี้

   ผลงานการคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ 2 สมัย ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน แม้ว่าจะถูกค่อนขอดว่าถ้วยนี้ยังไงก็ต้องได้ เพราะมาตรฐานทุกอย่างของเราเหนือกว่าคู่แข่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

   แต่เมื่อมองกลับกัน หากทำไม่สำเร็จล่ะ? เหมือนที่เคยเว้นวรรคจากถ้วยใบนี้ 11 ปี ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ

   ระยะเวลาใกล้ 2 ปี ที่ โพลกิ้ง นั่งตำแหน่งแม่ทัพช้างศึก เขาค่อยๆ ปรับจูนนักเตะให้เข้ากับแท็กติกที่ตนเองพยายามสื่อสารออกมาในสนาม

   33 เกม - ชนะ 20, เสมอ 7 และแพ้ 6 นัด ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง 

   4 จาก 6 เกม ที่แพ้ ก็เป็นการปราชัยต่อประเทศที่มี ฟีฟ่า แรงกิ้ง สูงกว่าเสียด้วย ซึ่งมันบอกอะไรได้เช่นกันว่าถ้าเจอทีมในเลเวลใกล้เคียงกัน ไทย มีโอกาสเก็บชัยได้ทันที

   แน่นอนว่า โพลกิ้ง อาจจะไม่สามารถเอาชนะใจใครทุกคนได้ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาในแง่ของผลงานที่ไม่ได้ถือว่าย่ำแย่ เพราะมันยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 

   ตามสัญญาของเขากับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะสิ้นสุดลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งยังมีภารกิจสำคัญในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก (แข่งขันพฤศจิกายน 2023) และ เอเชียน คัพ รอบสุดท้าย (แข่งขันมกราคม 2024) 

   มันคือทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่จะสะท้อนว่าไทย อยู่ในจุดใดของเอเชีย ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแม่ทัพกลางคัน คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะมันอาจจะส่งผลให้ทัพช้างศึกกระเด็นตกรอบก่อนเวลาอันควร

[ 2 ] รู้ใจนักเตะไทย เป็นอย่างดี

   ด้วยความที่คลุกคลีกับวงการลูกหนังไทย มาตั้งแต่ปี 2012 กับการเป็นผู้ช่วยของ วินฟรีด เชเฟอร์ ในทีมชาติไทย ตามต่อด้วยเฮดโค้ช อาร์มี่ ยูไนเต็ด, สุพรรณบุรี เอฟซี และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทำให้ โพลกิ้ง รู้จักนักเตะสยามประเทศแบบทุกซอกทุกมุม

   หากนับนิ้วรวมระยะเวลาที่เขาทำงานบนแผ่นดินขวานทอง ก็เข้าสู่ปีที่ 12 เข้าให้แล้ว ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่นานมากๆ ที่เทรนเนอร์ต่างชาติคนหนึ่งจะทำมาหากินในประเทศเดียว

   อาจจะมีแวะอยู่ช่วงสั้นๆ ตอนไปคุม โฮ จิ มินห์ ซิตี้ ที่เวียดนาม แต่โดยรวม โพลกิ้ง ก็ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงฟุตบอลไทย มากกว่า

   การที่นี่มานาน เขาย่อมรู้ดีว่านักเตะคนไหนเก่งกาจอย่างไรหรือผู้เล่นคนใดที่มีศักยภาพที่จะเติบโตไปเป็นซูเปอร์สตาร์ได้

   เท่านั้นไม่พอ เฮดโค้ชเชื้อสายบราซิล-เยอรมัน ยังเป็นคนเฟรนด์ลี่ อันเป็นคุณสมบัติเด่นของคนไทย มันจึงทำให้เข้ากับคนรอบๆ ตัวง่าย ดังนั้นเขาจึงมีความสนิทสนมกับลูกทีมแบบแน่นแฟ้น เพราะไม่ว่าจะ อาร์มี่, สุพรรณบุรี หรือ แบงค็อก ไม่เคยเลยที่เจ้าตัวจะออกมาตำหนิแข้งของตนเองผ่านสื่อสาธารณะ 

   ด้วยเหตุนี้เอง นักเตะที่อยู่ภายใต้การปกครองของ โพลกิ้ง จึงพร้อมเล่นเพื่อกุนซือของตนเองชนิดสู้ยิบตาเสมอ

[ 3 ] แข้งซีเนียร์หนุนหลัง

   ฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นเป็นทีมก็จริง ทุกตำแหน่งมีความสำคัญพอๆ กัน ขาดใครคนใดคนหนึ่งก็อาจจะส่งผลเสียในทันที ทว่าในทุกๆ ทีมก็ย่อมมีผู้เล่นประเภท 'ซีเนียร์' หรือนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และบารมี พวกเขาเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อเพื่อนๆ ในแง่ของจิตวิทยา

   คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลีโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และคนอื่นๆ อีกมากมายคือตัวอย่างนักเตะที่จำกัดความด้วยคำว่า 'ซีเนียร์' ด้วยผลงานที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานานจนทุกคนในทีมต่างต้องโค้งคารวะ

   สำหรับทีมชาติไทย ผู้เล่นประเภทนี้คงจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น และแน่นอนว่ารวมไปถึง ชนาธิป สรงกระสินธุ์

   ล่าสุด อดีตเพลย์เมเกอร์ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน 'Man Of The Match' ซึ่งเป็นรายการทาง ยูทูบ (Youtube) ที่มี ธีรเทพ วิโนทัย กับ ดานโญ่ เซียก้า เป็นพิธีกร

   แนวรุกชาวนครปฐม กล่าวในทำนองว่าผลงานของ โพลกิ้ง กับทัพช้างศึกไม่ได้แย่ และถ้าแยกทางกันในเวลานี้ อาจจะส่งผลเสียต่อทีมชาติไทย ก็เป็นได้

   การที่ ชนาธิป พูดผ่านสื่อสาธารณะในลักษณะนี้ หมายความว่าตัวเขาเองให้การสนับสนุนเฮดโค้ชวัย 47 ปี แบบเต็มเหนี่ยว และการได้รับความเชื่อมั่นจากนักเตะระดับซีเนียร์ ทำให้เชื่อได้เลยว่า โพลกิ้ง ยังเป็นคนที่ใช่สำหรับทีมชาติไทย

 [ 4 ] แท็กติกเริ่มเข้าที่

   จริงๆ แล้ว โพลกิ้ง เป็นกุนซือที่นิยมเกมรุกบุกแหลก ระบบที่เขาใช้เป็นประจำในการคุมทีมในระดับสโมสรคือ 4-3-3 ทว่ากับทัพช้างศึก เทรนเนอร์เชื้อสายบราซิล-เยอรมัน เพิ่มมิติมากขึ้น ด้วยการนำ 4-4-2 หรือแม้กระทั่ง 3-5-2 มาเล่น ตามแต่คู่แข่งและสถานการณ์ระหว่างเกม

   ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เล่นที่ถูกเรียกตัวเข้าสู่แคมป์ทีมชาติอย่างสม่ำเสมอจึงได้เรียนรู้และซึมซับแท็กติกที่เขาพยายามใส่เข้าไป ซึ่งผลที่ออกมาก็อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แม้จะมีบางที่ยังดูขาดๆ เกินๆ ก็ตาม

   ทว่าจากศึก คิงส์ คัพ 2023 ที่ผ่านมานั้นแสดงให้เห็นว่าระบบที่ โพลกิ้ง พร่ำสอนนักเตะมาโดยตลอดนั้นเริ่มออกดอกออกผลแล้ว โดยเฉพาะในเกมเสมออิรัก 2-2 ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไทย ไม่ได้ถูกคู่แข่งจะเอเชียตะวันตกไล่ต้อนเหมือนเก่าก่อน

   เมื่อผู้เล่นแต่ละคนต่างก็รู้ว่าควรจะเล่นอย่างไร หากทำได้ตามแผนที่ตระเตรียมกันมา รับประกันเลยว่าผลการแข่งขันที่ต้องการก็จะตามมาเอง


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport