ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทำผลงานได้ตามเป้าหมายกับการคว้าตั๋ว เอเชียน คัพ 2024 ที่ประเทศกาตาร์ และในเกมกับมาเลเซีย ก็มีเรื่องที่น่าสนใจในหลายๆ ประเด็น ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงอยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] อนันต์ พักยาว-ธีรศักดิ์ โยกยืนซ้าย
อิสระ ศรีทะโร กุนซือทีมชาติไทย ยังมาในระบบ 4-3-3 ตามถนัด ทว่าจำเป็นต้องปรับทัพเมื่อไม่มี อนันต์ ยอดสังวาลย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมชนะบังกลาเทศ 3-0 จนต้องพักยาว ด้วยการส่ง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ลงมาเล่นแทนในตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้าย
ส่วนคนอื่นๆ ยังใช้ชุดเดิม ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ถิรวุฑ สรวลสรรค์ แนวรับ ทรงชัย ทองฉ่ำ จับคู่ ชนภัช บัวพันธ์ ส่วนฟูลแบ็กขวา-ซ้ายเป็น พงศกร ตรีสาตร์ และ ภราดร พัฒนะผล
แดนกลาง อิรฟาน ดอเลาะ ยืนประสานงานกับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ที่ถูกจับมายืนเป็นมิดฟิลด์ โดยให้ ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ดาวรุ่งฟอร์มแรงจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำเกมรุกอยู่หลังแดนหน้าที่เอา ยศกร บูรพา ลงมายืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
ส่วน ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ยังอยู่ฟากขวาเช่นเคย
การใช้ ธีรศักดิ์ ซึ่งเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ขยับออกไปยืนทางฝั่งซ้าย น่าจะมาจากการที่ อิสระ เห็นว่าดาวยิงจาก การท่าเรือ เอฟซี มีความแข็งแกร่ง สามารถชนกับแนวรับมาเลเซีย ได้ อีกทั้งแนวรุกวัย 20 ปี เองก็มีความคุ้นชินกับตำแหน่งนี้พอสมควร จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ผลงานที่ออกมาก็ถือว่าน่าพอใจ แม้จะไม่โดดเด่นนัก แต่หัวหอกชาวนครราชสีมา ก็ถือว่าทำหน้าที่ของตนเองได้ตามแท็กติกและมีประโยชน์กับทีมมากทีเดียว
[ 2 ] ชนภัช อนาคตไกล
ทีมชาติไทย ไม่ว่ายุคใดมักจะมีปัญหาในเรื่องเซนเตอร์ฮาล์ฟ บางครั้งมีกองหลังเก่งกาง แต่ก็รูปร่างไม่สูงนัก บางคราวพอมีนักเตะที่สัดส่วนหน่วยก้านแจ๋วๆ ทว่าก็ยังไม่เป็นที่น่าไว้ใจสักที
อย่างไรก็ตาม ชื่อของ ชนภัช บัวพันธ์ นั้นน่าสนใจมากๆ กับฟอร์มการเล่นทั้ง 2 เกม โดยเฉพาะเกมชนะมาเลเซีย 1-0 ที่เก็บกวาดแนวรุกเสือเหลืองมาลายาได้อยู่หมัด
ไม่ว่าจะภาคพื้นหรือกลางอากาศ ปราการหลังจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด สามารถจัดการจนคู่แข่งยังท้อ เข้าสกัดแม่นยำ, อ่านเกมดี, ยืนถูกที่ถูกเวลาและที่สำคัญยังมีความนิ่งเกินวัย ทั้งๆ ที่อายุเพียง 19 ปี เท่านั้น
การคว้าชัยเหนือเสือเหลืองมาลายาต้องยกความดีความชอบให้แนวรับชาวลพบุรี ไม่น้อยเลย
ผลงานที่ออกมา บวกกับการได้เรียนรู้จากรุ่นพี่อย่าง วิคตอร์ คาร์โดโซ่, เรนาโต้ เคลิช, อีร์ฟาน ฟานดี้, จักพัน ไพรสุวรรณ และ ชินภัทร ลีเอาะ ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับท็อปของ ไทยลีก น่าจะทำให้ ชนภัช ค่อยๆ ซึมซับจนกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับต้นสังกัด รวมถึงทีมชาติในอนาคต
[ 3 ] ยศกร มีของ
ยศกร บูรพา ชื่อนี้เริ่มเป็นที่คุ้นชินของแฟนฟุตบอลชาวไทย หลังจากฟอร์มอันโดดเด่นใน ซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา
ในวัยเพียง 18 ปี แต่มีรูปร่างสูงถึง 1.87 เมตร ซึ่งถือว่าใหญ่จนสามารถปะทะกับแนวรับได้ทุกทีมในโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศชั้นนำ
หัวหอกชาวจันทบุรี คนนี้ไม่ได้มีเพียงร่างกายที่แข็งแรงกำยำ หากแต่ 'สัญชาตญาณ' ความเป็นเพชฌฆาตก็มีอยู่เต็มเปี่ยม เพราะการโหม่งประตูชัยให้ไทย เฉือนชนะมาเลเซีย นั้นไม่ใช่ว่าศูนย์หน้าทั่วๆ ไปจะทำกันได้
จังหวะที่ พงศกร ตรีสาตร์ เปิดจากกราบขวาเข้าไปจุดนัดพับ ยศกร ต้องเอี้ยวตัวถอยหลัง แล้วสะบัดหัวโขกเพื่อให้บอลมีน้ำหนักมากพอที่จะหลุดเงื้อมมือนายทวารมาเลเซีย
มันคือความเฉียบขาดที่มาจากการฝึกฝน บวกกับพรสวรรค์ในการทำประตู
ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ยังมีเวลาบนถนนลูกหนังอีกยาวไกล หากตั้งใจฝึกซ้อม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ มุ่งมั่นทางฟุตบอลอย่างเดียว ไม่หลงระเริงกับชื่อเสียงที่เข้ามา รับประกันเลยว่าทีมชาติไทย จะมีกองหน้าชั้นยอดถือกำเนิดขึ้นอีกคน
เด็กคนนี้ 'มีของ'
[ 4 ] เก็บชัย แต่ฟอร์มยังไม่เปรี้ยง
แม้ว่าทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 เกม แถมไม่เสียประตูอีกต่างหาก ซึ่งผลงานที่ออกมานั้นดูโสภาสถาพรก็จริง ทว่ารูปแบบการเล่นของทัพช้างศึกนั้นยังไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าใดนัก
2 นัดแรกที่ชนะฟิลิปปินส์ กับบังกลาเทศ นั้นก็เพราะคู่แข่งด้อยกว่ามากๆ อีกทั้งยังอาศัยความผิดพลาดของคู่แข่งแล้วลงโทษในทันที
ทว่าพอเจอกับมาเลเซีย ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว ด้วยมาตรฐานและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ต้องถือว่าไทย ก็ยังเหนือกว่าอยู่ดี
ในครึ่งแรก รูปเกมค่อนข้างอึดอัด เพราะต่างฝ่ายต่างก็มาแบบรัดกุม แต่เป็นทัพช้างศึกที่อาศัยความเฉียบคมของ ยศกร บูรพา ปิดบัญชีได้สำเร็จ แต่พอมาเล่นกันต่อในอีก 45 นาที กลายเป็นว่าฝั่งมาเลเซีย เปิดเกมบุกอยู่ฝั่งเดียว
เข้าใจได้ว่ามันเป็นไปตามแท็กติกของการแข่งขันที่ไทย เองก็ต้องการรักษาสกอร์ แต่ในเมื่อองค์ประกอบต่างๆ ก็เหนือกว่าคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในบ้านตัวเอง, เสียงเชียร์และตัวผู้เล่น ดังนั้นจึงน่าจะทำได้ดีกว่านี้
พอไปเล่นรอบสุดท้าย เราจะต้องเจอทีมที่มาตรฐานสูงกว่า 3 ทีมนี้แน่นอน ดังนั้นนี่คือ 'การบ้าน' ทีมงานสตาฟฟ์โค้ชต้องกลับไปแก้ไขและปรับปรุง เพราะถ้าอยากไปให้ไกลที่สุดในทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ คงจะต้องแสดงอะไรให้เห็นมากกว่าที่เป็นอยู่จริงๆ
[ 5 ] ความโล่งใจของ อิสระ
ก่อนศึกคัดเลือก เอเชียน คัพ ยู-23 - อิสระ ศรีทะโร คือคนที่ถูกตั้งคำถามว่า 'ดีพอ' สำหรับทีมชาติไทย แล้วหรือไม่ โทษฐานที่ยังไม่สามารถนำทัพช้างศึกแล่นไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เท่านั้นไม่พอ ยังมีบาดแผลจาก ซีเกมส์ 2023 อันอื้อฉาวอีกต่างหาก
'ความกดดัน' มหาศาลจึงถาโถมเข้าหากุนซือชาวสุพรรณบุรี อย่างไม่ต้องสงสัย
ทัวร์นาเมนต์ เอเชียน คัพ ยู-23 ที่จะแข่งขันกันในปี 2024 ณ ประเทศกาตาร์ จึงเป็นโจทย์ที่ต้องการคำตอบเพียงหนึ่งเดียว คือ 'ผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย' ให้ได้เท่านั้น เพราะถ้าผลลัพธ์ออกมาเป็นอื่น เก้าอี้กุนซือของเขาจะยิ่งร้อนกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ด้วยมาตรฐานฟุตบอลภายในประเทศ, ตัวผู้เล่นที่จัดชุดเต็ม ขนดาวรุ่งของลีกมาครบครัน, ได้เล่นในบ้านตัวเอง นี่คือองค์ประกอบที่ได้เปรียบคู่แข่งอีก 3 ชาติ
หากตกรอบคัดเลือก โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กคงจะเต็มไปด้วยไฟแห่งความกริ้วโกรธา โค้ชคีย์บอร์ดคงจะละเลงแป้นพิมพ์กันมันส์หยดติ๋ง
กระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน ไทย ชนะมาเลเซีย ไป 1-0 'ความโล่งใจ' จึงมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง - อิสระ ทำได้ตามเป้าหมาย เขาพาทัพช้างศึกไปตะลุยรอบสุดท้ายได้สำเร็จ แม้รูปแบบการเล่นจะยังดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้