4 ข้อ! ทีมชาติไทยยู-23 ทุบบังกลาเทศ 3-0 ลิ่วชิงจ่าฝูงกับมาเลเซีย

[ 1 ] ปรับ 2 ตำแหน่งเพื่อบุกเต็มสูบ

   ทีมชาติไทย มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่น 2 ตำแหน่งจากเกมแรกที่ถล่มฟิลิปปินส์ 5-0 โดยคนแรกเป็น ชนภัช บัวพันธ์ ที่ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทนที่ ทรงชัย ทองฉ่ำ และแบ็กขวา บุฆคอรี เหล็มดี ได้ออกสตาร์ตก่อน พงศกร ตรีสาตร์

   นอกนั้นยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม แผงมิดฟิลด์ อิรฟาน ดอเลาะ จับคู่กับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ โดยมี ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท รับบทคนปั้นเกมหลังแนวรุกที่มี อนันต์ ยอดสังวาลย์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และศูนย์หน้าตัวเป้า ธีรศักดิ์ เผยพิมาย 

   อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ อนันต์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 7 ทำให้ อิสระ ศรีทะโร ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าทันที

   มันจึงเป็นที่มาของการที่ ฉัตรมงคล ต้องถูกขยับไปเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายด้านบน โดยให้ สิทธา บุญหล้า ลงมาเป็นคู่ขาของ อิรฟาน ในแดนกลาง

   จากการไร้ อนันต์ ซึ่งผลงานโดดเด่นมากๆ จากเกมแรก ส่งผลถึงเกมรุกริมเส้นของทัพช้างศึกแบบชัดเจน แม้ว่า ฉัตรมงคล จะมีลูกเปิดป้อนที่คาดหวังได้ แต่คู่แข่งอย่างบังกลาเทศ นั้นรับแน่นหนา จึงต้องพึ่งพานักเตะประเภทสกิลสูงๆ เพื่อทำลายแดนหลังของพวกเขา

[ 2 ] เกมรุกยังขาดความหลากหลาย

   ด้วยความที่เหนือกว่าบังกลาเทศ แบบบานเบอะ ทั้งเรื่องของคุณภาพผู้เล่น, การเป็นเจ้าถิ่นหรือแม้แต่เรื่องประสบการณ์ในเกมระดับนานานชาติ มันจึงเป็นเหตุให้ไทย เป็นต่ออยู่พอสมควร

   อย่างไรก็ตาม อิสระ ศรีทะโร รู้ดีอยู่แล้วว่าคู่ต่อสู้จะต้องเน้นเกมรับแบบเต็มเหนี่ยว เขาจึงมีการปรับทัพเล็กน้อย เพื่อใช้นักเตะที่บุกได้ดีอย่าง บุฆคอรี เหล็มดี มายืนแบ็กขวา รวมทั้งส่ง ชนภัช บัวพัน ซึ่งโดดเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศ มาใช้โจมตีทีมเสือเบ็งกอล

   รูปเกมก็เป็นไปตามคาด ไทย เดินหน้าใส่เกียร์ 5 ดาหน้าบุกใส่ตั้งแต่วินาทีแรก - ผู้เล่น 10 คนของช้างศึกอยู่ในแดนบังกลาเทศ แทบจะตลอดทั้ง 45 นาที แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจฝ่าด่านไปถึงก้นตาข่ายได้สักที

   กว่าจะมาได้ประตูแรก ก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 44 ซึ่งก็มาจากจังหวะเซ็ตพีซ ก่อนจะเก็บตกจากความผิดพลาดของฝั่งตรงข้าม และลูกที่สองก็เช่นกัน ที่มีจุดเริ่มจากเซ็ตพีซ

   พอครึ่งหลัง ไทย ผ่อนเกมลงไปพอสมควร เพื่อเซฟพลังไว้วัดกับมาเลเซีย ในนัดสุดท้าย แต่ก็ยังเหนือกว่าเสือเบ็งกอลแบบชัดเจน 

   แน่นอนว่าการที่ฝนกระหน่ำลงมามีส่วนต่อการเล่นบนพื้นก็จริง แต่นี่คือ 'บททดสอบ' ว่าถ้าทัพช้างศึกเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เน้นรับเต็มสูบแบบนี้ พวกเขาจะแก้ไขสถานการณ์เช่นไร เพราะ 2 จาก 3 ประตูที่ได้มานั้นมีจุดเริ่มจากเซ็นพีซล้วนๆ

   นี่คือ 'โจทย์' ที่ อิสระ ต้องขบคิดและหาทางออกโดยพลัน

[ 3 ] ปุรเชษฐ์ เด็ดสะระตี่

   หากนับรวม 2 เกม ต้องบอกว่า ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท คือนักเตะที่เฉิดฉายที่สุดของทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี อย่างแท้จริง

   เกมแรกซัดประตูเบิกร่องคลายความกดดันให้ทัพช้างศึก ก่อนจะจบไปด้วยสกอร์ 5-0 และแม้ว่าตนเองจะเล่นแค่ 45 นาที แต่ผลงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์บวก

   พอนัดที่สอง ต้องเจอการตั้งรับแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ของบังกลาเทศ เจาะเข้าไปยากลำบากมาก ทว่าประตูสุดสวยที่ทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก็ช่วยปลดล็อกให้ไทย เล่นได้สบายใจกว่าเดิม ก่อนจะมาบวกเพิ่มอีกหนึ่งในช่วงทดเวลาของครึ่งแรก

   บทบาท 'กองกลางตัวรุก' ที่ ปุรเชษฐ์ ได้รับความไว้วางใจจาก อิสระ ศรีทะโร ไม่ทำให้เฮดโค้ชชาวสุพรรณบุรี ผิดหวัง แม้จะยังไม่มีจังหวะแทงทะลุช่องสวยๆ ให้เห็น แต่มันถูกแทนที่ด้วยการยืนตำแหน่งได้เหมาะเหม๋ง และมันนำมาซึ่ง 3 ประตู ใน 2 เกม

   แม้จะใช้เวลาบนม้านั่งสำรองของ เมืองทอง ยูไนเต็ด บ่อยไปหน่อย แต่ถ้าสามารถต่อยอดจากทีมชาติสู่สโมสร และรักษามาตรฐานการเล่นในระดับนี้ไว้ได้ เชื่อได้เลยว่าเขาจะมีอนาคตที่โชติช่วงชัชวาลย์อย่างแน่นอน

[ 4 ] อิรฟาน มาตรฐานสูง

   แม้บทบาทของ อิรฟาน ดอเลาะ จะไม่โดดเด่นเหมือนบรรดาตัวรุกคนอื่นๆ เพราะเขาเป็นนักเตะประเภท 'ปิดทองหลังพระ' ขนานแท้ เล่นง่าย ไม่หวือหวา แต่การเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มจากจังหวัดนราธิวาส นั้นทำให้เกมของไทย ไหลลื่นจริงๆ

   ไม่ใช่แค่นัดชนะบังกลาเทศ 3-0 เท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงแมตช์แรกที่ถล่มฟิลิปปินส์ 5-0 เขาก็เป็นตัวสอดประสานระหว่างแดนหลัง ไปจนถึงกลางและยังโฉบขึ้นไปข้างหน้าอยู่บ่อยๆ

   เรียกได้ว่าบอลอยู่ตรงไหน อิรฟาน ก็จะอยู่ไม่ไกลจากมันนักหรอก

   ทว่าเกมกับบังกลาเทศ ต้องพิเศษเพิ่มขึ้นนิดนึง โทษฐานที่เจ้าตัวซัดประตูสุดสวยเป็นลูกปิดกล่องให้ไทย เอาชนะไปนิ่มๆ และเขาเองก็ยังเล่นได้ตามมาตรฐานเช่นเคย