"ทนายอ๊อด" เคยทำงานส.บอลยุคสมยศรอบแรก ระหว่างปี 2560-2563 ทะลวงฟัน ส.บอล ระบุสถานการณ์ตอนนี้ต้องเลือกตั้งใหม่อย่างเดียวเลย อย่าดื้อดึง อย่าสร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมืองไปมากกว่านี้ ต้องยอมรับความจริงว่าบริหารล้มเหลว คนฟุตบอลสมควรต้องกลับมาดูแลฟุตบอล ขณะที่เรื่องลิขสิทธิ์ไทยลีก สโมสรสมาชิกสามารถยื่นตรวจสอบขอดูสัญญาของบริษัทผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของส.บอลได้
ทีมงานฟุตบอลสยามรายวัน ได้สอบถาม นายภีมเดช อมรสุคนธ์ หรือ "ทนายอ๊อด" ทนายเพื่อประชาชนคนฟุตบอลไทย ที่ได้ให้ข้อมูลกับคำถามที่ว่า แบบนี้สโมสรสมาชิกสามารถยื่นตรวจสอบขอดูสัญญาของบริษัทผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ของ ส.บอล ได้หรือไม่ จากปัญหาการถกเถียงกันเรื่องลิขสิทธิ์ไทยลีกจะเอายังไงต่อไปหลังมูลค่าตอนนี้คือ 0 บาท
ทนายอ๊อด ระบุว่า "บริษัทที่เสนอการดูแลสิทธิประโยชน์ให้สมาคมไทยลีก ต้องบอกว่าในปีๆนึง จะหามาได้ 500 ล้าน หักค่าจัดการ 20 เปอร์เซนต์ คิดเป็นตัวเลข 410 ล้าน ถ้าหาไม่ได้ ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้หนังสือค้ำประกันธนาคารจึงมีความสำคัญมากๆ"
ส่วนกรณีนี้ฟ้องร้องได้หรือไม่ ทนายอ๊อด ระบุว่า "ปกติคู่สัญญา ผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลกับไทยลีก (สมาคมถือหุ้นใหญ่)" ต้องไปดู TOR อันเก่า จากฉบับแรก ที่กำหนดเงื่อนไข ส.บอล จะประกาศเลย คุณจะหาเงินได้เท่าไหร่ เพราะอะไร หนังสือค้ำประกันธนาคารพาณิชย์จะต้องไม่น้อยกว่าวงเงินที่เสนอสิทธิประโยชน์ตลอดทั้งปีตลอดสัญญา เมื่อคุณหาไม่ได้ สมาคมก็จะยึดเงินคุณ ต้องให้สโมสรสมาชิกถามในที่ประชุมว่า หนังสือค้ำประกันตัวนี้อยู่ไหน ทำไมไม่ยึดมาให้สโมสรสมาชิก สมาคมมีหน้าที่ไปบังคับเอามาแจกให้สโมสรสมาชิก ถ้าไม่มีหนังสือค้ำประกันธนาคาร ถ้าเกิดการเสียหายแบบนี้ สมาคมจะทำยังไง"
"สโมสรสมาชิกสามารถตั้งคำถามได้ คือ 1.สโมสรเข้าชื่อเรียกประชุม 2.แล้วให้สมาคมแถลงถึงสัญญาสิทธิประโยชน์ 3.ถามหาหนังสือค้ำประกันธนาคารพาณิชย์ 3.1ถ้าไม่มี สมาคมจะดำเนินการเรีนกค่าเสียหายอย่างไร และ 3.2 ทำไมถึงไม่มี เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในทางคดีของ คุณวรวีร์ มะกูดี ความจริงปรากฏว่า มีการทำหนังสือค้ำประกันธนาคารพาณิชย์จริง แต่ทำมาไม่ถึงเดือน ก็ยกเลิก เปลี่ยนเป็นเช็กค้ำประกันแทน ซึ่งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์คดีคุณวรวีร์ พิพากษาว่า ไม่มีหน่วยงานไหนของรัฐเขาทำกัน ที่จะเอาเช็กบริษัทตัวเองมาค้ำตัวเอง สรุปว่าทำไม่ได้"
ทนายอ๊อด ยังให้ความเห็นกรณีที่ พล.ต.อ.ดร.สมยศ ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่า "สมัยผมทำงานตอนรัฐบอลสมยศ 1 ปี พ.ศ.2560-2563 ในช่วงนั้น ไทยลีกถูกแยกออกมาต่างหาก ผู้บริหารสิทธิประโยชน์ต้องจ่ายให้ไทยลีกเลยปีละ 260 ล้านบาท ในระยะเวลา 4 เอาไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ แต่หลังจากปี 2563 มีการต่อสัญญา ดังนั้นไทยลีกอย่าไปกังวล เพราะไทยลีกแยกอยู่แล้ว ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์ก็ต้องจ่ายให้ครบสัญญา คือต้องเอาหลักฐานมาดู ให้หลบยังไงก็ไม่รอด"
"ถามว่าตอนนี้นายกลาออกแล้วจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเลือกตั้งใหม่ ผมในนามที่ทำฟุตบอลมา ผมขอเรียนอย่างนี้ครับว่า อย่าสร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมืองไปมากกว่านี้ ต้องยอมรับความจริงว่าบริหารล้มเหลว คนฟุตบอลสมควรต้องกลับมาดูแลฟุตบอล ตอนนี้คงทำได้อย่างเดียว คือ รีบเลือกตั้งใหม่ กรรมการทั้งหมดอย่าดื้อดึง ควรลาออก เพราะพวกคุณมีส่วนร่วมกันหมด ที่ทำให้ฟุตบอลประเทศไทยลงมาสู่จุดต่ำสุด"