ส.บอลไทย ร่ายยาวกรณี "บิ๊กฮั่น" ตั้งข้อสงสัยสมาคมฯยุค "สมยศ" งบการเงินที่เพิ่มขึ้น แต่จ่ายเงินหนุนล่าช้า แถมไปจ่ายกับช้างศึก ยู-17 ปี ใช้งบทำทีมมากถึง 102 ล้านบาท จนทำให้ลีกอาชีพของไทยถูกตัดงบทุกปี พร้อมแจงชัด 2 ประเด็นร้อนเป็นฉากๆ เพื่อความโปร่งใสของ ส.ลูกหนังไทย
จากกรณีที่ "บิ๊กฮั่น" มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ออกโรงแฉสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การบริหารงานของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โดยเผยว่าที่ผ่านมา ให้บริษัท แพลน บี จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลสิทธิประโยชน์สมาคมฯ 77 ล้านบาท และ เงินของสมาคมฯ ใช้กับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีมากถึง 102 ล้านบาท แต่สโมสรในลีกอาชีพของไทยถูกตัดงบทุกปี และปัจจุบันทีมก็ยังได้เงินสนับสนุนไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้
ล่าสุด ส.ลูกหนังไทย ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวแล้วว่า "สมาคมฯ ขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องการประมาณการงบประมาณของสมาคมที่คาดว่าต้องใช้ ในแต่ละปี สมาคมฯ จะต้องมีการประมาณการงบประมาณที่คาดว่าจะได้ทั้งรายรับ และรายจ่าย มีการเทียบเคียงและอ้างอิงจากรายได้ในปีก่อน บวกกับแผนงานกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไป มีแนวโน้มที่จะได้รับและใช้จ่ายเพิ่มขึ้นภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 เมื่อกิจกรรมฟุตบอลในทุกๆ ระดับ ได้กลับมาแข่งขันได้ตามปกติแล้ว"
"ที่มาของรายรับและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของประมาณในปี 2566 มีนัยสำคัญจากการที่สมาคมฯ ได้ทำสัญญากับเอเอฟซี ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนที่ต้องนำมาใช้จ่ายในการรับรองทีมที่จะเข้ามาแข่งขันรวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โรงแรม ที่พัก อาหาร รถรับส่ง สนามซ้อม สนามแข่ง การรักษาความปลอดภัย การแพทย์ การจัดการแข่งขัน ฯลฯ สำหรับการแข่งขันที่มี 16 ทีม เข้าร่วม และใช้ 4 สนามแข่งขัน กับ 10 สนามซ้อม"
"รวมถึง กลุ่มรายรับได้จากการสนับสนุนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ จำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เท่านั้น ได้แก่ งบประมาณด้านสาธารณูปโภค ซึ่งการบริหารงานของสมาคมฯ ที่มีระเบียบการใช้ในหมวดหมู่ต่างๆ ที่จะต้องถูกตรวจสอบว่าได้นำไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ที่มอบให้หรือไม่และไม่สามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้"
"ดังนั้น การที่ประมาณการรายรับที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นไปตามภารกิจที่เพิ่มขึ้น และที่ต้องนำไปใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้ และหากในปีต่อไป สมาคมฯ ไม่ได้จัดแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติในฐานะเจ้าภาพ การประมาณการก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและลดลงตามลำดับ โดยประมาณการดังกล่าวนี้ และงบการเงินสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงได้อนุมัติรับรองในที่ประชุมใหญ่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 27 เม.ย.66"
"ขณะที่ในประเด็นที่ 2 เรื่องเงินสนับสนุนการแข่งขันของ ทีมชาติไทย ยู-17 ปี สำหรับเงินในหมวดนี้ จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกเป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนมาจากเอเอฟซี ประมาณ 90 เปอร์เซนต์ เนื่องจาก ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพ จัดแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย จะมี 16 ชาติเข้าร่วมแข่งขัน และใช้ 4 สนาม ได้แก่ ราชมังคลากีฬาสถาน, ธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม, ปทุมธานี สเตเดี้ยม และ ชลบุรี สเตเดี้ยม ระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. - 2 ก.ค.66"
"จึงได้รับเงินสนับสนุนจากเอเอฟซี จึงทำเป็นต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของเอเอฟซีเท่านั้น เพื่อดำเนินการจัดการแข่งขันทั้งหมด เงินในส่วนนี้จึงถูกนำมารวมอยู่ในหมวดของ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในประมาณการรายจ่ายของปี 2566"
"และส่วนที่สอง ทีมชาติไทยชุดนี้ มี พิภพ อ่อนโม้ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้ดำเนินการเตรียมทีม เก็บตัวและอุ่นเครื่อง เพื่อให้ทีมชาติไทยมีความพร้อมมากที่สุดก่อนเข้าสู่รายการแข่งขัน มีการเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น และแคมป์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ยู-17 ปี รอบสุดท้าย ทีมชาติไทย อยู่กลุ่ม A ร่วมกับ เยเมน,มาเลเซีย และ สปป.ลาว"