ชานุกูล ก๋ารินทร์ ดาวดวงใหม่ของฟุตบอลไทย

   ชานุกูล ก๋ารินทร์ น้องใหม่ใสกริ๊งกับห้วงเวลา 23 นาที ในเกมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ฟอร์มการเล่นถือว่า 'สอบผ่าน' และถือเป็นนิมิตหมายอันดีว่าทีมชาติไทย จะมีมิดฟิลด์เก่งๆ เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแน่ๆ

   อย่างไรก็ตาม กว่าที่เด็กหนุ่มจากจังหวัดเชียงราย ใช้เวลานานปีกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ชีวิตต้องต่อสู้ไม่น้อย โดยเฉพาะการตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับสโมสรบ้านเกิด แล้วย้ายมาผจญภัยในเมืองหลวงของสยามประเทศ

   ชานุกูล เริ่มกับอะคาเดมี่ของ เชียงราย ยูไนเต็ด โดยมีช่วงหนึ่งที่ปรารถนาจะคัดตัวกับโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี แต่สุดท้ายไม่ได้ไป เนื่องจากโค้ชเยาวชนกว่างโซ้งมหาภัยแนะนำว่าควรจะอยู่ต่อ เพื่อฝึกฝนตนเอง อีกทั้งอายุที่ยังน้อยนิด การเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร อาจจะทำให้เส้นทางลูกหนังของเขาสะดุดก็เป็นได้

   พออายุ 16 ปี เขาก็ได้ขึ้นไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ เชียงราย ซึ่งก็เป็นโมเมนต์ดีๆ ที่ได้เทรนกับกองกลางสายคลาสสิกของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ และ ยุทธจักร ก้อนจันทร์ 

   พรสวรรค์ของ ชานุกูล ยังคงอยู่ในสายตาของบรรดาโค้ชกว่างโซ้งมหาภัย ซึ่งนั่นทำให้เขาถูกส่งไปให้ อุตรดิตถ์ เอฟซี กับ น่าน เอฟซี ยืมตัวเมื่อซีซั่น 2014 และ 2015 ตามลำดับ

   แม้จะเล่นในลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 (ไทยลีก 3 ในปัจจุบัน) แต่การลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ฝีเท้าของกองกลางดาวรุ่งคนนี้รุดหน้าขึ้นชัดเจน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ทิ้งความฝันที่จะไปหาความท้าทายในเมืองหลวงให้ได้ในสักวัน

   ปี 2016 สัญญาของ ชานุกูล กับ เชียงราย หมดลง ซึ่งทางสโมสรต้องการที่จะให้เขาอยู่ต่อ เพราะรู้ดีว่านี่คือเพชรเม็ดงามที่รอวันฉายแสง แต่เด็กหนุ่มวัยย่าง 19 (ณ เวลานั้น) ปรารถนาจะไปตะลุยลูกหนังในพระนคร 

   เขาปฏิเสธที่จะจรดสัญญาฉบับใหม่กับกว่างโซ้งมหาภัย

   นั่นจึงเป็นเหตุให้ ชานุกูล ลงเอยกับ นอร์ธ-กรุงเทพ ในเวลาต่อมา

   "มันคือครั้งแรกของผมกับชีวิตในกรุงเทพฯ ยอมรับเลยว่าช่วงแรกๆ ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เพราะมันไม่เหมือนกับที่เชียงราย ทุกอย่างแตกต่างกันหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน, ผู้คน, อากาศและอะไรอีกหลายๆ อย่าง กดดันเหมือนกัน เพราะตอนนั้นเพื่อนๆ ในอะคาเดมี่ของ เชียงราย ก็ได้เล่นลีกอาชีพบ้างแล้ว ส่วนตัวผมมานับหนึ่งที่กรุงเทพฯ มันจึงทำให้ผมเริ่มคิดมากเหมือนกัน" ชานุกูล เล่าความหลังผ่าน SIAMSPORT

   ด้วยความที่ยังใหม่นักในเมืองหลวง เขาจึงคิดจะกลับบ้าน ซึ่งคือเชียงราย แต่ยังดีที่โค้ชแบงค์ (ดำรงค์ศักดิ์ บุญม่วง) ปรามไว้ เพราะเห็นว่า 'ความฝัน' ที่จะไป ไทยลีก ด้วยกันยังดำเนินต่อไป

   ตลอดระยะ 4 ปี ในรั้ว นอร์ธ-กรุงเทพ ชานุกูล คือคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์โซนของ ไทยลีก 3 ได้ถึง 3 สมัย อย่างไรก็ตามทัพอาชาผยองไม่สามารถผ่านสู่ ไทยลีก 2 ได้ดังหวัง เพราะข้อจำกัดเรื่องผู้เล่นที่เน้นการใช้ดาวรุ่งเป็นหลัก

   อายุของเขาเพิ่มมากขึ้น แต่ตนเองยังโลดแล่นในลีกรองของประเทศ ขณะที่นักเตะในรุ่นใกล้เคียงต่างได้โชว์ฟอร์มในลีกสูงสุดกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะ เอกนิษฐ์ ปัญญา รุ่นน้องที่ไปไกลถึงระดับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ 

   แน่นอนว่า 'ความฝัน' ก็เริ่มที่จะเลือนรางลงไปทุกที

   ทว่า 'จุดพลิกผัน' ที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลคือการที่ได้เซ็นสัญญากับ โปลิศ เทโร เอฟซี สโมสรใน ไทยลีก เมื่อฤดูกาล 2021-22

   มันคือผลพวงมาจากการที่ นอร์ธ-กรุงเทพ มักจะลงอุ่นเครื่องกับทีมมังกรโล่เงินบ่อยๆ จนฝีเท้าของ ชานุกูล ไปเตะตา รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือ โปลิศ เทโร นั่นเอง

   ในที่สุด 'ความฝัน' ของเขาก็เป็นจริงสักที

   ชานุกูล เป็นนักเตะที่มุ่งมั่นกับฟุตบอลเอามากๆ เขาจริงจังเสมอในยามฝึกซ้อม และก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งความมานะบากบั่นนี่แหละที่ทำให้ฝีเท้าของเจ้าตัวพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนชนะใจ 'โค้ชอ้น' ที่ส่งเด็กหนุ่มจากเชียงราย ลงสนามเป็นประจำในซีซั่น 2021-22

   ในอาภรณ์สีแดงของมังกรโล่เงิน ฟอร์มของเขาร้อนแรงกว่าใครในทีม โดยเฉพาะฤดูกาลปัจจุบัน (2022-23) ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตู ในลีก ซึ่งแน่นอนว่ามันอยู่ในสายตาของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย 

   "ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไกลไปขนาดนั้นเลย เพราะตัวผมเองก็เพิ่งเล่น ไทยลีก เป็นฤดูกาลที่ 2 แถมกองกลางคนอื่นๆ ในเมืองไทย ก็เก่งๆ ทั้งนั้น เลยรู้สึกว่าคงจะไวเกินไปที่จะฝันถึงทีมชาติไทย" ชานุกูล เอื้อนเอ่ยถึงเรื่องราวก่อนจะมีชื่อในทัพช้างศึกชุดใหญ่

   ฟีฟ่า เดย์ มีนาคม เดือนทางมาถึง - สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่งจดหมายถึงสโมสรต่างๆ พร้อมกับ 50 รายชื่อผู้เล่นที่อยู่ในข่ายทีมชาติชุดใหญ่

   ชานุกูล ก๋ารินทร์ คือหนึ่งในนั้น และก็ติดอยู่ใน 23 คน ที่จะลัดฟ้าสู่ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ เสียด้วย

   จาก ไทยลีก 3 กระโดดสู่ ไทยลีก และวันนี้เขาลงสนามในนามทีมชาติไทย เรียบร้อยแล้ว

   แม้จะได้เล่นเพียง 23 นาที ในเกมกับ ยูเออี แต่ผลงานของ ชานุกูล ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว ทั้งการรับ-ส่งบอล, เชื่อมเกม, ยืนพื้นที่หรือแม้แต่กระทั่งยิงประตู ที่เจ้าตัวได้โอกาสสับไกจากนอกกรอบเขตโทษ

   เด็กหนุ่มจากเชียงราย คนนี้ไม่แสดงทีท่าว่าจะตื่นสนามเลยสักนิด

   'โอกาส' ของชีวิตคนเราไม่ได้มีมาบ่อยๆ แต่มันจะเอื้ออำนวยกับคนที่เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสที่ได้รับเท่านั้น

   ผลจากการฝึกซ้อมด้วยความตั้งใจมาตลอดระยะเวลาของการเป็นนักกีฬาอาชีพ จนขณะนี้อายุของเขาใกล้จะเข้าสู่ 26 ปี แม้ว่าระหว่างทาง กว่าจะเดินมาถึง 'ความฝัน' มันจะมีความขรุขระอยู่บ้าง แต่นั่นคือเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเผชิญ

   หากยังรักษามาตรฐานการเล่นของตนเองต่อไป ไม่หลงใหลไปกับชื่อเสียงที่กำลังเข้ามา รับประกันเลยว่าอนาคตของเขาจะไปไกลกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน

   ชานุกูล ก๋ารินทร์ ดาวดวงใหม่ของฟุตบอลไทย