ตั้งแต่เมื่อช่วงใกล้เช้า-มืดของวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา โลกโซเชียลออนไลน์ต่างระงมไปด้วยคำวิพากษ์-วิจารณ์ถึง ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย ที่มีส่วนทำให้ทัพช้างศึกปราชัยต่อซีเรีย 1-3
ความผิดพลาดจนทำให้เสียประตูแรก รวมถึงโดนลงโทษจากจุดโทษเป็นประตูที่สอง คือสิ่งที่จอมหนึบวัย 28 ปี ต้องเรียนรู้
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือ 'เรื่องปกติ' ของนักฟุตบอลทุกคน
อย่าว่าแต่ผู้เล่นเลย นักกีฬาชนิดอื่นๆ หรือตัวเราชาวมนุษย์ ต่างก็ต้องเคยพบกับความผิดพลาดมาแล้วกันทั้งนั้น
บนโลกกลมๆ ที่สังคมแสนจะบูดเบี้ยวใบนี้ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบหรอก คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต่างก็เคยล้มเหลวมาก่อน
ไม่มีข้อยกเว้น
เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ ปฏิวัติ มันอาจจะทำให้ทีมชาติไทย ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งอย่างซีเรีย ทุกกระบวนท่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อสิ้นเสียงนกหวีด 90 นาที แต่สิ่งที่หลายๆ คนออกมาประณามและก่นด่าแบบไม่ไยดีต่อตัวเขาซะเละเทะ ก็ไม่น่าจะทำขนาดนั้น
อยากให้บรรดานักวิเคราะห์-วิจารณ์ทั้งหลายแหล่ย้อนกลับไปมองตนเองบ้างว่า 'สมบูรณ์แบบ' และไม่เคยผิดพลาดเลยใช่ไหม?
ไม่มีใครชื่นชอบความพ่ายแพ้ และยิ่งกับการที่ตนเองมีส่วนสำคัญต่อความปราชัยนั้น มันยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมเข้าไปอีกยกใหญ่
ฟุตบอลเล่นกัน 11 คน 11 ตำแหน่งก็จริง แต่ผู้รักษาประตูคือจุดที่ 'เปราะบาง' ที่สุด เพราะหากว่าพลาด เท่ากับว่าคุณมีโอกาสแพ้ทันที
ยิ่งปัจจุบันที่เทรนด์การ 'บิวต์อัพ' กำลังมาแรง สโมสรชั้นนำของโลกต่างก็เริ่มต้นเซ็ตเกมของตนเองมาจากแดนหลัง ซึ่งนั่นทำให้บรรดาผู้รักษาประตูในยุคนี้ต้องใช้เท้าเก่งแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง
ทีมชาติไทย ของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ก็เช่นกันที่ใช้การเซ็ตบอลตั้งแต่แดนของตนเอง ซึ่งมันเป็นการเล่นที่เสี่ยงพอสมควร แต่ถ้านึกในทางกลับกัน หากว่าบิวต์เกมได้ มันก็เท่ากับว่ามีโอกาสไปถึงกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้ได้เช่นกัน
เพียงแต่ว่าในเกมกับซีเรีย - ปฏิวัติ นั้นพลาดผิดไปกับการจ่ายบอลจนเสียประตูแรก ส่วนลูกที่สอง เขาก็ออกมาช้ากว่าศูนย์หน้าของคู่แข่งเพียงเสี้ยววินาที
ความผิดพลาดทั้งสองครั้งคือสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้และนำมันกลับไปปรับปรุง
ทุกคนในโลกล้วนผ่านช่วงเวลาที่แย่กันมาแล้วทั้งนั้น เอาใกล้ตัว ปฏิวัติ ก็มีตัวอย่างที่ยกมาได้แบบชัดเจนคือ ธีราทร บุญมาทัน กับการถูก '2 ใบแดง' ในห้วงเวลาเพียง 5 วัน กับทีมชาติไทย ชุดใหญ่และชุด ซีเกมส์ เมื่อปี 2011
เวลานั้น เด็กหนุ่มชาวนนทบุรี ต่างถูกกระหน่ำซ้ำเติมแบบกะให้ไม่ได้ผุดได้เกิด ยังดีที่โลกโซเชียลมีเดียในสมัยนั้นยังไม่แพร่หลายเช่นปัจจุบัน มิเช่นนั้นแบ็กซ้ายของ บุรีรัมย์ คงจะปวดกบาลไปนานปี
แต่จากความผิดพลาด - ธีราทร เอามันกลับมาแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง จนค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะไทย ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังเก่งกาจถึงขั้นถูกยกย่องให้ยืนอยู่ในระดับเอเชีย
หรือข้ามไประดับโลก ซีเนอดีน ซีดาน, เดวิด เบ็คแฮ่ม, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลีโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ และใครต่อใครต่อก็เคยพลั้งผิดมาแล้วทั้งสิ้น
ผู้รักษาประตูที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจที่สุดในยุคปัจจุบันอย่าง อลิซง เบคเกอร์, เอแดร์ซอน, ดาบิด เด เคอา เองก็ใช่ว่าจะเพอร์เฟ็กต์ พวกเขาเหล่านั้นก็เคยพลาดจนส่งผลให้ทีมพบกับความแพ้พ่าย
ความผิดพลาดคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ หากแต่ถ้าเราหวังดีต่อกัน ควรจะให้กำลังใจ ไม่ใช่ซ้ำเติมให้แย่ขึ้นไปอีก เพราะมันอาจจะกลายเป็นปมในจิตใจของคนๆ นั้นเลยก็ได้
ใจเขา-ใจเรา หากคุณพลาด คุณคงไม่อยากให้ใครมาตอกย้ำถึงความผิดที่คุณกระทำใช่ไหม?
คนไทย ใจเดียวกัน อย่าซ้ำเติมกันนักเลย
ชิกกะด้าว