บทความที่ 'SIAMSPORT' ขันอาสาหาข้อมูลของ 'นักฟุตบอล' ที่มีความเกี่ยวโยงกับทีมชาติไทย ทั้งในฐานะที่เป็นคู่แข่ง, มีอดีตเคยเล่นในดินแดนขวานทองและอะไรก็ตามแต่ โดยที่เขาคนนั้นอาจจะไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงมาก ทว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เพลิดเพลินไปกับสตอรี่ต่างๆ นั่นเอง!!
ในเกมนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2022 นัดแรก ที่จบลงด้วยผลเสมอของเวียดนาม และไทย ที่เจ๊ากันไป 2-2 โดยเป็นฝั่งช้างศึกที่กุมความได้เปรียบในเรื่องกฎประตูทีมเยือน
แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากันของคู่นี้มีหลายหลากเรื่องราวให้ต้องกล่าวถึง
โดยเฉพาะดีกรี 'ความเดือด' ระหว่างห้ำหั่นกันในสนามที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมกันเด็ดขาด
ฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่มีการปะทะกันตลอดเวลา ทำให้จังหวะเล็กๆ น้อยๆ ในเกมที่มีความกดดันสูง มักจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายตามมาเสมอ
เวียดนาม กับไทย ก็มักจะมีจังหวะบวกกันอยู่บ่อยๆ เพราะคำว่าศักดิ์ศรีที่ค้ำอยู่บนบ่าทั้งสองฝั่ง
ในเกมล่าสุดที่เสมอกัน 2-2 ก็มีเหตุการณ์วุ่นวายจนเกือบจะบานปลาย เมื่อทัพช้างศึกได้ฟรีคิกบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของเจ้าถิ่น แต่แล้ว จู่ๆ เค ง็อก ไฮ เซนเตอร์ฮาล์ฟของทัพดาวทองก็เข้ามาโหวกเหวกโวยวายใส่ผู้ตัดสิน และไปยั่วโมโห ธีราทร บุญมาทัน พร้อมกับเงื้อมือไปที่ใบหน้าของกัปตันทีมชาติไทย แบบเบาๆ
จังหวะนี้ทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ รวมถึงตัวของ ธีราทร เองก็ไม่พอใจที่เป็นฝ่าย 'ถูกกระทำ' จนทำให้นักเตะของทั้งสองฝั่งปรี่เข้าหากัน บ้างก็เข้ามาแยก บ้างก็เข้ามาบวก
ก่อนที่อุณหภูมิจะลดลงในเวลาต่อมา
ผลสุดท้าย คำตัดสินจากตุลาการสนามคือการแจกใบเหลืองให้กับ ง็อก ไฮ ไปรับประทาน
หากยังจำกันได้ ปราการหลังวัย 29 ปี คนนี้ก็เคยมีปัญหากับ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง มาแล้วในศึก อาเซียน คัพ 2020 ที่แข่งขันกัน ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2021
จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นตอนที่ สุภโชค สารชาติ กำลังนอนโอดโอย จากการโดนทำฟาวล์อยู่บริเวณข้างสนาม
ง็อก ไฮ ซึ่งเวลานั้นสวมปลอกแขนกัปตันเวียดนาม วิ่งมาแต่ไกล ก่อนจะตะบันบอลไปใส่ใบหน้าของแนวรุกช้างศึกแบบเต็มๆ
มันเป็นภาพที่แย่มาก เพราะถือว่าคุณ 'ไม่มีน้ำใจนักกีฬา'
แน่นอนว่า อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุจึงไม่พอใจกับการกระทำลักษณะนั้น กุนซือเชื้อสายบราซิล-เยอรมัน ฉุนจัดจนปรี่ไปหากองหลังจุดเดือดต่ำของทัพดาวทองอย่างรวดเร็ว
ภาพที่ออกสู่สายตาประชาชีคือการปะทะคารมของกุนซือของไทย กับ ง็อก ไฮ ที่ใบหน้าขมึงทึง เกร็งคอจนเห็นเส้นเลือด พร้อมผรุสวาทใส่กันไฟแลบ
ผลการแข่งขันในวันนั้นเวียดนาม แพ้ไป 0-2 และหลังจากทัวร์นาเมนต์ที่สิงคโปร์ จบลง พัก ฮัง-ซอ ก็จัดการปลดปราการหลังคนนี้ออกจากการเป็นกัปตันทีมในทันที
ง็อก ไฮ เติบโตจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างลำบาก คุณพ่อและคุณแม่ของเขาทำอาชีพขายผลไม้ และต้องย้ายมาอยู่ เหง๋ อัน จังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือและมีพื้นที่ยาวที่สุดของประเทศ
เด็กหนุ่มคนนี้สนิทกับ เค ง็อก มันห์ ผู้เป็นพี่ชายมากๆ และทั้งคู่หวังให้ฟุตบอลนำพาไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น ว่าแล้วก็เลยจูงมือกันเข้าไปฝึกฟุตบอลกับอะคาเดมี่ของ ซง ลัม เหง๋ อัน ซึ่งเป็นสโมสรประจำเมืองตั้งแต่อายุ 11 ขวบ
ด้วยความเก่งกาจ ง็อก ไฮ ทำให้เขาก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของดอกบัวทอง (ฉายาของ ซง ลัม เหง๋ อัน) ในวัยเพียง 19 ปี เท่านั้น
ทว่าก่อนจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ เขาเองก็ต้องผ่านอุปสรรคมามากทีเดียว เนื่องจาก ง็อก มันห์ ผู้เป็นพี่ประสบปัญหาบาดเจ็บอย่างหนักบริเวณหัวเข่า แต่ด้วยความที่ห้วงเวลานั้นตนเองก็ยังเป็นเพียงผู้เล่นเยาวชน เงินเดือนยังน้อยนิด ทำให้ต้องอดออมเพื่อนำเงินมาสมทบกับครอบครัว เพื่อให้พี่ชายได้เข้ารับการผ่าตัด
ง็อก ไฮ จึงเติบใหญ่มาด้วยหัวใจที่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้บนสองบ่า
ด้วยเหตุนี้เองที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่จิตใจแข็งแกร่ง, ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคข้างหน้าและมีความดุดันในสนาม
หลังจากประเดิมสนามกับ ซง ลัม เหง๋ อัน ตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี (ซีซั่น 2012) จากนั้นเขาก็พัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกำลังหลักของสโมสร ก่อนจะถูกเรียกติดทีมชาติเวียดนาม ชุดใหญ่ในปี 2014
อาเซียน คัพ 2014 คือทัวร์นาเมนต์แรกของ ง็อก ไฮ ในระดับนานาชาติ และก็เป็นตัวหลักให้ทัพดาวทองเสียด้วย ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุแค่ 21 ปี เท่านั้น
ด้วยสไตล์การเข้าสกัดที่หนักหน่วง, มีความดุดัน, ไม่เกรงกลัวในจังหวะที่ต้องเข้าปะทะ ทำให้เขากลายเป็นขาประจำของเวียดนาม นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ ง็อก ไฮ เป็นกองหลังที่บู๊แหลกลาญ 13 สิงหาคม 2015 ในเกม วีลีก ระหว่าง ซง ลัม เหง๋ อัน กับ ดานัง
ตรัน อันห์ เคา นักเตะของ ดานัง กำลังตะลุยเข้าถึงกรอบเขตโทษ - สตั๊ดของ ง็อก ไฮ เปิดปุ่มลอยมาแต่ไกล พร้อมกับย่ำเข้าใส่เข่าของฝั่งตรงข้ามทันที
ผู้ตัดสินแจกเพียง 'ใบเหลือง' ให้กับปราการหลังจอมโหด แต่จากภาพช้าเห็นชัดเจนว่าเขาจงใจทำร้ายคู่ต่อสู้แบบน่าเกลียด
แนวรุกของ ดานัง นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่สามารถเล่นต่อได้ และต้องถูกหามออกจากสนามไป
ภายหลัง อันห์ เคา ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บนานถึง 18 เดือน และต้องตระเวณหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สิงคโปร์ เพื่อเฟ้นหาวิธีที่จะเยียวยาหัวเข่าให้กลับมาใช้งานได้
แต่แพทย์ผู้รักษาได้วิเคราะห์ว่าเข่าของ อันห์ เคา จะฟื้นฟูได้เพียง 50 เปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 24 ปี เท่านั้น
ผลจากการกระทำอันทารุณของ ง็อก ไฮ ที่มีต่อเพื่อนร่วมอาชีพ ทำให้เขาถูกแบนจากการแข่งขันทั้งหมด 6 เดือน พร้อมกับจ่ายค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาความเสียหายให้กับ อันห์ เคา เป็นจำนวนสูงถึง 1.1 ล้านบาท เลยทีเดียว
เหตุการณ์นั้นทำให้ปราการหลังทีมชาติเวียดนาม ผ่อนความเหี้ยมโหดลงก็จริง แต่ด้วยความที่ 'เนื้อใน' เป็นผู้เล่นที่นิยมความรุนแรง มันจึงทำให้เขามักจะมีจังหวะปะทะหนักๆ กับฝั่งตรงข้ามอยู่เสมอ
ตลอดอาชีพค้าแข้งของ ง็อก ไฮ นับตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2012 จนถึงปัจจุบันทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เจ้าตัวสะสมไปแล้ว 52 ใบเหลือง โดยเป็นเหลือง-แดง 2 ครั้ง แต่เหลือเชื่อว่าเขาเพิ่งถูกไล่ออกจากสนามเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าโหดเป็นระดับต้นๆ ของทวีปเอเชีย
เค ง็อก ไฮ บุรุษหาญแห่งเหง๋อัน!!