ดรีมไฟนอลยกแรก ! เวียดนาม เบอร์หนึ่งอาเซียน ไร้ปัญหาแข้งเจ็บ-ติดแบน โดย "ปาร์ค ฮัง-ซอ" พร้อมขนทัพใหญ่ไฟกระพริบนำโดย เหงียน เทียน ลินห์ ที่ซัดไป 5 ประตู, เหงียน กวง ไฮ, เกว๊ หง็อก ไฮ, ดวน วาน เฮา ฯลฯ เปิดรังมีดินห์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนแชมป์เก่าทีมชาติไทย ที่ยังต้องลุ้นเช็กความฟิต "มุ้ย-ธีรศิลป์" นอกจากนั้น "โค้ชมาโน่" เตรียมจัดผู้เล่นชุดเก่งเช่นเดิม อาทิ "กัปตันธีราทร", สารัช, เอกนิษฐ์, บดินทร์ ฯลฯ สถิติดวลกันล่าสุดคือรอบรองฯ อาเซียนคัพ 2020 หนที่แล้ว ปรากฏว่า สกอร์รวมสองนัด "ช้างศึก" ชนะ 2-0 ขณะที่เกมคู่นี้ถือเป็นการชิงดำรอบ 14 ปี หลังเคยดวลกับเมื่อปี 2008 แต่ครั้งนั้นเป็นเวียดนามที่โค่นไทย ซิวแชมป์อาเซียนสมัยแรกได้สำเร็จ โดยเกมคู่นี้จะเตะ 1 ทุ่มครึ่ง ช่อง MCOT HD กับช่อง T-Sport 7 รับหน้าที่ยิงสด
การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 ประจำวันศุกร์ที่ 13 ม.ค.66 ที่สนามมีดินห์ สเตเดี้ยม เวลาไทย 19.30 น. เป็นเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ระหว่าง ทีมชาติเวียดนาม อดีตแชมป์ 2 สมัยในปี 2008, 2018 เปิดบ้านพบกับ ทีมชาติไทย ทีมแชมป์เก่าและอดีตแชมป์ 6 สมัยในปี 1996, 2000, 2002, 2014, 2016, 2020
ความพร้อมของเจ้าถิ่น "ดาวทอง" ที่มี "ปาร์ค ฮัง-ซอ" คุมทัพ เกมรอบรองชนะเลิศเอาชนะ อินโดนีเซีย ด้วยสกอร์รวมสองนัดชนะ 2-0 ส่งผลให้พวกเขายังรักษาสถิติไม่เสียประตูตั้งแต่นัดเปิดสนามรอบแบ่งกลุ่ม จนจบรอบรองชนะเลิศแม้แต่ลูกเดียว เกมนี้เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ยังพร้อมส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน โดยวางเป้าเก็บชัยชนะตุนสกอร์เอาไว้ให้ได้
โดยขุมกำลังทีมเบอร์หนึ่งอาเซียนจะนำทัพโดย เหงียน เทียน ลินห์ ที่ซัดไปแล้ว 5 ประตูเป็นรองดาวซัลโวอยู่ในเวลานี้ เช่นเดียวกับดาวดังซูปตาร์เวียดนามอย่าง เหงียน กวง ไฮ, เกว๊ หง็อก ไฮ, ดวน วาน เฮา รวมถึงมือกาวจอมหนึบอย่าง ดัง วาน ลัม พร้อมลงสนามทุกราย
ด้านทีมเยือนทัพ "ช้างศึก" ที่มี "มาโน่ โพลกิ้ง" คุมทัพ โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม เกมรอบรองชนะเลิศเอาชนะ มาเลเซีย ด้วยสกอร์รวมสองนัดชนะ 3-1 เกมนี้ยังต้องลุ้นเช็กความฟิต ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกดาวซัลโวที่ยิงไปแล้ว 6 ลูก
อย่างไรก็ตามหาก "เจ้ามุ้ย" ฟิตไม่ทันก็ยังมี อดิศักดิ์ ไกรษร ที่พร้อมลงประจำการแทน ส่วนแกนหลักรายอื่นๆคาดว่าเฮดโค้ชวัย 46 ปี จะยังคงเน้นชุดเก่งชุดเดิมที่ใช้มาตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ และน่าจะยังวางระบบ 4-4-1-1 เหมือนกับเกมรอบรองชนะเลิศทั้งสองนัดที่ผ่านมา
ทั้งนี้ 11 คนแรกที่น่าจะออกสตาร์ต ผู้รักษาประตู กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่ได้รับโอกาสเฝ้าเสานัดแรกในเกมที่แล้ว พร้อมลงเฝ้าเสาต่อเนื่อง ส่วนแผงแบ็กโฟว์ไม่น่าเปลี่ยนทั้งคู่เซ็นเตอร์จะยังเป็น พรรษา เหมวิบูลย์ กับ กฤษดา กาแมน แบ็กสองฝั่งใช้ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ฝั่งขวา ศศลักษณ์ ไหประโคน ยืนฝั่งซ้าย
ขณะที่แผนกองกลาง "กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ยังพร้อมยืนกับ สารัช อยู่เย็น โดยใช้ตัวรุกอย่าง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เป็นทีเด็ดยิงไกล โดยมี บดินทร์ ผาลา พร้อมขนาบข้างฝั่งปีกซ้าย ส่วนฝั่งขวา เอกนิษฐ์ ปัญญา พร้อมลงเช่นกัน ส่วนกองหน้าหาก ธีรศิลป์ แดงดา พร้อมก็จะลงล่าตาข่ายแน่นอน
สำหรับเกมนัดคู่นี้ถือเป็นการรีแมตช์นัดชิงรอบ 14 ปี และเป็นครั้งที่สองต่อจากปี 2008 ที่ได้ดวลกันนัดชิงดำ นับตั้งแต่จัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1996 โดยเกมเกมนัดชิงหนนั้น เวียดนามเป็นฝ่ายเอาชนะ ไทย ด้วยผลสกอร์รวมสองนัดชนะ 3-2 (นัดแรก ไทย เปิดบ้านแพ้เวียดนาม 1-2, นัดสอง เวียดนามเปิดบ้านเสมอ ไทย 1-1) ซึ่งส่งผลให้ทัพ "ดาวทอง" ผงาดคว้าแชมป์อาเซียนสมัยแรกในประวัติศาสตร์นั่นเอง
ขณะเดียวกันการเจอกันครั้งล่าสุดคือชิงแชมป์อาเซียน 2020 หรือหนที่ผ่านมา ในเกมรอบรองชนะเลิศ ที่เตะกันที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งสองนัด โดยผลปรากฏว่า นัดแรก ไทย ชนะ เวียดนาม 2-0 จากการเหมาคนเดียว 2 ลูกของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และเกมนัดสองเสมอกัน 0-0 สกอร์รวมสองนัดไทยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะเข้าไปเป็นแชมป์อาซียนสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ