ล้างแค้นหรือย้ำแค้น! มาเลย์เคยทำแสบด้วยอเวย์โกล เขี่ยไทยน้ำตาร่วงตกรอบรองฯ

อย่างไรก็ตามในเกมรอบรองชนะเลิศ ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลรายการนี้ ยังคงใช้ "กฏอเวย์โกล" เพื่อหาผู้ชนะเหมือนเดิม แม้ว่าฟุตบอลรายการใหญ่ๆทางฝั่งยุโรปได้มีการยกเลิกตั้งแต่ปีที่แล้วก็ตาม

จากกฏอเวย์โกลเกมแรก "ช้างศึก" แพ้มาก่อน 0-1 ทำให้เกมนี้ ไทยจะต้องเอาชนะระยะห่าง 2 ลูกขึ้นมา เช่น 2-0, 3-1, 4-2 หากชนะด้วยสกอร์ 1-0 จะต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที และยิงจุดโทษตามลำดับ ทว่าหากไทยได้แค่เสมอ หรือชนะด้วยสกอร์เช่น 2-1, 3-2, 4-3 ไทยจะร่วงตกรอบทุกกรณี

โดยการหาผู้ชนะในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ผล 2 นัดหากเสมอกัน จะนับเฉพาะ 90 นาทีเท่านั้น หากยังเท่ากันจะมีการต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ของเกมนัดสอง ซึ่งช่วงต่อเวลาจะไม่มีการใช้ "อเวย์โกล" แล้ว แต่หากยังหาผู้ชนะไม่ได้ จะตัดสินด้วยการดวลลูกจุดโทษต่อไป

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย เคยพ่ายแพ้ มาเลเซีย ด้วยการใช้กฏอเวย์โกลมาแล้วในฟุตบอลรายการนี้เมื่อปี 2018 รอบรองชนะเลิศ ซึ่งนัดแรก "ช้างศึก" ในยุค "มิโลวาน ราเยวัช" คุมทัพ บุกไปเสมอ มาเลเซีย 0-0 ทว่าเกมนัดสอง ไทย ดันเปิดบ้านเสมอ มาเลเซีย 2-2 แม้ผลรวม 2 นัดจะเสมอกัน 2-2 แต่ทัพ "เสือเหลือง" เป็นฝ่ายเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยอเวย์โกลที่มายิงประตูไทยได้ในเกมเยือน