5 สิ่งที่ไทยต้องทำ หากต้องการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป!!

5 สิ่งที่ไทยต้องทำ หากต้องการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป!!
การไปเยือนสนาม บูกิต จาริล ไม่เคยง่าย ผลงานการไร้ชัยที่นี่ 9 ปีเต็ม คงจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามาเลเซีย เคี้ยวยากเพียงใด


แต่ถ้าหากไทย สามารถขจัด 'ความยาก' ทั้ง 5 ข้อ ข้างล่างนี้ได้ ทัพช้างศึกมีโอกาสที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับสู่สยามประเทศเช่นกัน!!

ไม่หวาดหวั่นกับเสียงเชียร์

เหตุผลหนึ่งที่มาเลเซีย เป็นทีมที่คู่แข่งต้องหวาดหวั่น นั่นก็เพราะมี บูกิต จาริล เป็นรังเหย้านั่นเอง เนื่องจาก

บูกิต จาริล สเตเดี้ยม มีความจุ 87,411 ที่นั่ง และก็มักจะทำให้อาคันตุกะต้องอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปกับเสียงเชียร์ของแฟนๆ ที่พร้อมจะกดดันคู่แข่งทุกวินาทีแบบประสานเสียงโดยพร้อมเพรียง จนกลายเป็น 'นรกของทีมเยือน'

โดยเฉพาะทีมชาติไทย ที่ยังไม่เคยมาเอาชัยที่นี่ได้นานกว่า 9 ปี โดยหนสุดท้ายที่ได้เฮ ณ สังเวียนแข้งแห่งนี้ ต้องย้อนกลับไปในศึก อาเซียน คัพ 2014 เลยทีเดียว

แฟนฟุตบอลอินโดนีเซีย ที่ว่าโหดๆ มาที่มาเลเซีย กับ บูกิต จาริล ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่

เสน่ห์อย่างหนึ่งของกลุ่ม 'อุลตร้ามาลายา' (ชื่อเรียกของแฟนฟุตบอลชาวมาเลเซีย) คือการที่พวกเขามีความสามัคคีสูงมากๆ ไม่มีแบ่งแยกว่าจะมาจากก๊วนไหน เพราะเมื่อเข้าสนามแล้ว พวกคุณคือหนึ่งเดียว

มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อัฒจันทร์ที่ 4 ฟากฝั่งของ บูกิต จาริล จึงกระหึ่มไปด้วยเสียงเชียร์ที่อื้ออึงตลอดทั้งเกมการแข่งขัน

ที่สำคัญคืออุลตร้ามาลายาอาจจะเป็นกองเชียร์ที่ดุดันขึงขังมากก็จริง ทว่าพวกเขาหนักหน่วงในเกมเท่านั้น ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แฟนๆ ทีมเยือน หรือสมาคมฟุตบอลของมาเลเซีย เลย 

แต่พอเสียงนกหวีดเป่าปรี๊ด...พวกเขาพร้อมที่จะแหกปากกู่ร้องเพื่อกดดันการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน, ส่งเสียงโวยวายเมื่อทีมของตนเองเสียเปรียบ, ด่าทอฝั่งตรงข้ามด้วยความหนักหน่วง และอีกสารพัดสิ่งที่เท่าที่จะทำได้ในกรอบระเบียบสากล

ทัพช้างศึกผ่านความยากลำบากที่ เสนายัน สเตเดี้ยม ของอินโดนีเซีย มาแล้ว และก็ถือว่าสอบผ่านแบบน่าพอใจ ทว่างานหนักยังรออยู่ที่ บูกิต จาริล ซึ่งถ้าไม่เพลี่ยงพล้ำกลับมา โอกาสจะทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจะสูงขึ้นอีกเท่าตัว

หยุดเกมริมเส้นของเสือเหลือง

รอบแบ่งกลุ่มของ อาเซียน คัพ 2020 มาเลเซีย ทำไปได้ทั้งหมด 10 ประตู ซึ่งมีถึง 8 ลูก ที่มาจากการสร้างสรรค์เกมทางริมเส้น

ทัพเสือเหลืองแห่งมาลายันชุดนี้มีฟูลแบ็กที่ดุดันและพลังหนุ่ม เพราะอายุ 21 เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็น อาซาม อัซมี่ ในฝั่งขวาที่นอกจากจะพละกำลังล้นเหลือ เขายังเป็นกองหลังที่มีวินัยสูง แถมยังมีลูกขยัน กัดไม่ปล่อย ซึ่งจะสร้างความรำคาญให้บรรดาแนวรุกฝั่งตรงข้ามแน่ๆ

ขณะที่ฟากซ้าย รูเว็นธิราน เว็นกาเดซาน ก็โดดเด่นในเรื่องเกมรับที่ไม่ปล่อยให้คู่แข่งผ่านได้ง่ายๆ ซึ่งส่งผลให้บรรดาตัวรุกด้านบนของทีมไม่ต้องพะวงมากนัก

ทว่าจุดที่ 'อันตราย' มากที่สุดคือ 'ปีก' ทั้งสองข้างของมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็น ซาฟาวี่ ราซิด กับ ไฟซาล ฮาลิม ที่มีดีคนละแบบ 

ราซิด ฉลาดเป็นกรดและรู้จักเลือกใช้จังหวะในการเล่นระหว่างเกม แต่ที่สำคัญคือเขาเป็นนักเตะที่เล่นดีมากๆ เวลาเผชิญหน้ากับไทย

ส่วน ฮาลิม นั้นคล่องแคล่วว่องไว ไปกับบอลได้ดี แม้จะรูปร่างเพียง 1.58 เมตร แต่เขามีความแข็งแกร่ง และมักจะสอดไปทำประตูได้บ่อยๆ อีกด้วย

ดังนั้น 'เกมริมเส้น' จึงเป็น 'จุดแข็ง' ของมาเลเซีย ชุดนี้ท ซึ่งทาง อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เองก็คงจะรู้ดี แต่เขาจะมีแผนการรับมือกับความอันตรายของทัพเสือเหลืองแห่งมาลายันได้ดีเพียงใด คงต้องติดตามกันในรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 เกม

หนีห่าง เบรนแดน กัน

มาเลเซีย ชุดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นสายเลือดใหม่ที่มีติดทีมชาติเพียงน้อยนิดเพราะว่า 17 จาก 23 คน นั้นมีสถิติรับใช้ทัพเสือเหลืองแห่งมาลายันไม่ถึง 10 เกม เลยด้วยซ้ำ

นักเตะที่พอจะมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติจึงมีเพียงไม่กี่ราย ไล่ตั้งแต่ ซาฟาวี่ ราซิด, โดมินิก ตัน, ฟาซลี่ มาซลัน, ไฟซัล ฮาลิม, ดาร์เรน โล้ค และ เบรนแดน กัน เท่านั้น

กลุ่มนี้จึงเป็นคีย์แมนที่ คิม พัน-กอน เฮดโค้ชของมาเลเซีย หวังพึ่งพาให้เป็นแกนหลักของมาเลเซีย

โดยเฉพาะ เบรนแดน กัน ที่ผลงานดีมากๆ ในยุคที่กุนซือชาวเกาหลีใต้ เข้ามาเป็นแม่ทัพใหญ่

เขาอาจจะไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่เมื่อใดที่ทีมเสือเหลืองแห่งมาลายันมีเขาอยู่ในสนาม เมื่อนั้นรับประกันได้เลยว่าบรรดาแนวรุกจะเล่นกันได้อย่างสบายใจ ส่วนแผงหลังก็งานเบา เนื่องจากมีคนเก็บกวาดให้ก่อนแล้ว

จริงๆ แล้วมิดฟิลด์เชื้อสายมาเลเซีย-ออสเตรเลีย ควรจะมีสถิติรับใช้ชาติมากกว่านี้ หากแต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาหลุดทีมไป รวมถึงการปลีกวิเวกไปรักษา 'มะเร็งลูกอัณฑะ' อยู่พักใหญ่

ทว่าพอกลับมาลงสนามให้เสือเหลือแห่งมาลายัน เขาก็ทุ่มเทและทำผลงานออกมาได้ดีมากๆ เสมอ

กัน อาจจะไม่ว่องไวนัก แต่เขาเป็นกองกลางที่เล่นฟุตบอลด้วยสมอง เขาอ่านจังหวะของเกมได้เฉียบขาด มันจึงทำให้บอลสองของมาเลเซีย เก็บกินได้เสมอ ซึ่งก็มาจากการที่มีมิดฟิลด์วัย 34 ปี คนนี้คอยจัดการนั่นเอง

เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่เปล่งประกายในสนาม แต่ประโยชน์นั้นมหาศาลสำหรับทีมของตนเอง ซึ่งจุดนี้นี่แหละที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง คงจะต้องหาวิธีหลีกหนีลูกครึ่งออสซี่ ให้ได้ เพราะใน คิงส์ คัพ 2022 ก็เห็นๆ อยู่ว่าที่ไทย ได้เพียงผลเสมอนั่นก็มาจากการที่ กัน สามารถจัดการกับแนวรุกช้างศึกได้นั่นเอง

สนใจแต่ฟุตบอลอย่างเดียว

แท็กติกที่ทุกชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งัดมาใช้กับไทย อยู่เสมอ คือ 'เตะติดดาบ' 

การเล่นในลักษณะนี้อาจจะเสี่ยงต่อใบเหลืองเป็นอย่างน้อยก็จริง แต่ถ้ารอด มันจะส่งผลไปยังฝั่งตรงข้ามในทันที เพราะจะทำให้คู่แข่งเกิดอาการหงุดหงิดและหัวเสียจนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้

ทัพช้างศึกซึ่งถือว่าเหนือกว่าหลายๆ ทีมในภูมิภาคนี้จึงมักจะต้องเจอกับการเข้าสกัดที่หนักหน่วงทุกครั้งไป

โดยเฉพาะกับเวียดนาม และมาเลเซีย นี่แหละที่เป็นสองประเทศที่มักจะหวดกันสนั่นเสมอที่เจอกัน

เอาแค่สดๆๆ ร้อนๆ ใน คิงส์ คัพ 2022 ที่เชียงใหม่ ฝั่งเสือเหลืองแห่งมาลายันก็ถูกไล่ออกจากสนามไป 1 คน

หรือจะย้อนไป 10 นัด หลังสุด มาเลเซีย ก็รับไปถึง 27 ใบเหลือง กับอีก 4 ใบแดง เลยทีเดียว

จากตัวเลขที่ออกมาสามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาพร้อมที่จะจัดหนักใส่ทีมชาติไทย ทุกวินาที

ครั้งสุดท้ายที่ทัพช้างศึกเอาชนะคู่แข่งรายนี้ได้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปี ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นกุนซือ และสิ่งหนึ่งที่ 'โค้ชซิโก้' เน้นย้ำกับลูกทีมคือ 'เล่นฟุตบอลอย่างเดียว'

เทรนเนอร์ชาวขอนแก่น กำชับนักเตะว่าไม่ต้องใส่ใจกับลูกตุกติกของฝั่งตรงข้าม ใครจะเล่นหนักก็ช่างปะไร เราสนใจแค่การแข่งขันก็พอ

ผลที่ออกมาคือความสำเร็จทั้งในทีมชาติชุดใหญ่ และชุดยู-23 ที่ฟาดแชมป์เป็นว่าเล่น พร้อมกับครองความเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียน อยู่นานพอสมควร ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง

ดังนั้นเกมที่จะบุกไปเยือนสนาม บูกิต จาริล ในวันเสาร์ที่ 7 มกราคมนี้ คงจะต้องมีสมาธิกับการแข่งขันให้มากที่สุด และก็อย่าว่อกแว่กกับแท็กติกการเตะหนักของมาเลเซีย เป็นอันขาด

อย่าให้ ราซิด เล่นง่าย

10 ประตู ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่มีชื่อของ ซาฟาวี่ ราซิด บนสกอร์บอร์ด แต่เขาก็มีถึง 4 แอสซิสต์ ซึ่งมากที่สุดใน อาเซียน คัพ 2022

แนวรุกป้ายแดงของ ราชบุรี เอฟซี คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ กับผลงานในการสร้างสรรค์เกมที่สามารถทำได้หลายหลาก ไม่ว่าจะจ่ายบอลทะลุช่องหรือครอสจากริมเส้น

แม้จะอายุเพียง 25 ปี แต่เวลานี้เขาสะสมไมล์รับใช้ชาติไปแล้ว 50 เกม ซึ่งนั่นทำให้ประสบการณ์ของปีกรายนี้เข้มคลั่กและสามารถประคองเพื่อนร่วมทีมได้

5 เกม หลังสุดที่เผชิญหน้ากับไทย - ราซิด มีส่วนร่วมทุกนัด และก็สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของช้างศึกอยู่เสมอ ก่อนจะทำไป 1 ประตู และมีอีก 1 แอสซิสต์ 

ที่สำคัญคือทั้ง 5 แมตช์ - มาเลเซีย ไม่พลาดท่าต่อไทย เลยสักครั้ง

ดังนั้นหากจะหยุดเกมรุกของเสือเหลืองแห่งมาลายัน ก็จำเป็นต้องทำลายจังหวะการเล่นของ ราซิด ที่เปรียบเสมือนหัวใจในการขับเคลื่อนเกมของมาเลเซีย ให้อยู่หมัด


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport