ทัพช้างศึกผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศด้วยการเป็นแชมป์ของกรุ๊ป เอ ตามเป้าหมาย แต่กว่าจะเอาชนะกัมพูชาไปได้ ถือเป็นงานที่ยากลำบากไม่เบา และนี่คือสิ่งที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] กัมพูชาโฉมใหม่ไฉไลไม่เบา
กัมพูชา ที่มาแข่ง อาเซียน คัพ 2022 ด้วยการมี เคซูเกะ ฮอนดะ ตำนานนักเตะชาวญี่ปุ่น เป็นกุนซือ รวมทั้งยังมี ริว ฮิโรเสะ รุ่นพี่ชาติเดียวกัน ซึ่งเป็นโค้ช คอยสนับสนุนในเรื่องของแท็กติก
ทั้งคู่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทัพนักรบอังกอร์เล่นฟุตบอลได้ดีขึ้นแบบชัดเจน
พวกเขามีแบบแผนในการเล่นด้วยการสร้างเกมจากแดนหลัง ไม่มีเตะทิ้งโฉ่งฉ่างเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยผู้เล่นอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยค่าเฉลี่ยเพียง 24.4 ปี
ทีมนักรบอังกอร์เล่นบอลกับพื้น กล้าเลี้ยง กล้าตะลุยไปข้างหน้า โดยเฉพาะแนวรุกที่คล่องแคล่วและมีความสามารถเฉพาะตัวสูง
แม้ว่าสุดท้ายกัมพูชา จะเป็นฝ่ายปราชัยต่อไทย ไปด้วยสกอร์ 1-3 แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็นคือพัฒนาการที่รุดหน้าแบบก้าวกระโดด
หากว่ายังรักษามาตรฐานเช่นนี้ต่อไป รับประกันได้เลยว่าอนาคต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีทีมที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาท้าทายบรรดายักษ์ใหญ่ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
[ 2 ] โพลกิ้งโชว์กึ๋น
อเล็กซานเดร โพลกิ้ง เริ่มต้นด้วยระบบ 4-4-2 เหมือน 2 เกมแรกกับบรูไน และฟิลิปปินส์ แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของกัมพูชา ได้สำเร็จ แถมโอกาสในการเข้าทำดูจะน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ
แม้จะได้ประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก ทว่ากุนซือเชื้อสายบราซิล-เยอรมัน จัดการแก้เกมในทันที ด้วยการกลับมาใช้ระบบ 4-3-3 ดังเดิม
ศศลักษณ์ ไหประโคน, อดิศักดิ์ ไกรษร กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา ถูกถอดออก แล้วส่ง สุมัญญา ปุริสาย, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ลงมาเล่นแทน
ในรายของ พีรดนย์ นั้นมายืนคู่กับ สารัช อยู่เย็น บนแผงมิดฟิลด์ โดยขยับ ธีราทร บุญมาทัน ไปประจำการทางแบ็กซ้าย โดยที่ สุมัญญา รับบทเพลย์เมเกอร์อยู่หลัง ธีรศิลป์ แดงดา
การปรับแผนของ โพลกิ้ง ก็เห็นผลทันตา เมื่อสามารถนำห่าง 2-0 จาก สุมัญญา ในนาทีที่ 50 และต่อจากนั้นทัพช้างศึกก็ครองเกมได้เบ็ดเสร็จ แถมยังโถมบุกอย่างหนัก
แม้จะโดนตีตื้น แต่เทรนเนอร์วัย 46 ปี ก็ยังสั่งให้ลูกทีมใส่เกียร์ 5 เพื่อตะลุยเอาประตูเพิ่ม และก็มาได้สกอร์ปิดกล่อง 3-1 จาก ธีรศิลป์ คนเดิม
[ 3 ] ประตูช่วงสำคัญนำชัย
ในเกมที่อึดอัด แถมยังถูกจังหวะโต้กลับที่แม่นยำของกัมพูชา เล่นงานอยู่บ่อยๆ แต่ไทย ก็ยังอาศัยประสบการณ์ที่มากกว่าเอาชัยไปได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม 'จุดเปลี่ยน' คือการได้ 2 ประตูในช่วงสำคัญของการแข่งขัน
ช่วงเวลาสำคัญของเกมฟุตบอลมีอยู่ 4 ช่วง ได้แก่ 5 นาทีแรกกับ 5 นาที สุดท้ายของครึ่งแรกและครึ่งหลัง
จุดโทษของ ธีรศิลป์ แดงดา ในนาทีที่ 45+2 และประตูของ สุมัญญา ปุริสาย ในนาทีที่ 50 ทำให้ลูกทีมของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง คลายความกดดันไปได้เยอะทีเดียว
แม้จะมาโดน เซียง จันเธี๊ยะ ยิงตีตื้นมา 1-2 แต่ไทย ก็ยังไม่หยุดที่จะบุกกัดดันอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งมาได้ประตูอีกครั้งจาก ธีรศิลป์ ในนาทีที่ 89 ซึ่งก็ยังเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการแข่งขันเช่นกัน
[ 4 ] ความเก๋าของ ธีราทร ช่วยได้เพียบ
เป็นอีกครั้งที่ ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทย แสดงให้เห็นถึง 'คลาส' ที่อยู่ในระดับท๊อปของทวีปเอเชีย
ในแมตช์ก่อนๆ กองหลังวัย 32 ปี จะเจิดจรัสกับการวางบอลยาวหรือจ่ายบอลสั้นแบบได้-เสียให้เพื่อนร่วมทีม แต่ด้วยความที่ทัพนักรบอังกอร์ เองก็รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้นักเตะจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เล่นได้ง่ายๆ อาจจะส่งผลเสียแน่ เลยมีผู้เล่นของกัมพูชา มาคอยพัวพันทุกครั้งที่ได้บอล
อดีตแชมป์ เจลีก 2019 เริ่มต้นด้วยบทบาทกองกลางเหมือนเช่นเคย แต่นัดนี้เขาโดดเด่นมากๆ ในเรื่องการอ่านจังหวะดักบอลจากกัมพูชา ได้หลายต่อหลายครั้ง
โดยเฉพาะจังหวะที่ไทย กำลังจะถูกสวนกลับจากผู้เล่นที่ทั้งคล่องแคล่วและความไวสูง
แต่ไม่มีเลยสักหนที่นักเตะเหล่านั้นสามารถผ่าน ธีราทร ไปได้ ทั้งขณะที่เล่นเป็นมิดฟิลด์และแบ็กซ้าย เพราะเขาอ่านจังหวะการเล่นของกัมพูชา ก่อนจะไปดักสกัดบอลได้ทุกครั้ง
ผลงานของเขานี่แหละ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทย ไม่เพลี่ยงพล้ำต่อคู่แข่ง ก่อนจะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จตามเป้าหมาย
[ 5 ] ธีรศิลป์ ไม่ต้องใช้โอกาสเยอะ
ด้วยความที่เป็น ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นจึงเป็นเหตุให้เขามักจะถูกกองหลังฝั่งตรงข้ามดูแลเป็นพิเศษ
เกมนี้ก็เช่นกันที่ทางกัมพูชา รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้หัวหอกจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้มีส่วนร่วมกับเกม ความอันตรายของไทย จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
นั่นจึงทำให้ ธีรศิลป์ แทบจะถูกตัดออกไปจากการแข่งขัน เพราะสามปราการหลังของนักรบอังกอร์อย่าง ชวน จันชาว, เตส สำบุธ และกัปตันทีม เซือย วิศาล ต่างสลับหน้ากันมารับมืออดีตดาวยิง อัลเมเรีย จนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหน
ใน 45 นาทีแรก จึงแทบไม่เห็นเขาได้โอกาสสับไกเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่ง้างเท้าเลย แค่ได้บอลยังน้อยนิดเท่านั้น
ไม่นับประตู 1-0 ที่มาจากลูกจุดโทษ
ทว่าในครึ่งหลัง พลันที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ปรับหมากมาเป็น 4-3-3 เมื่อนั้นแหละที่ ธีรศิลป์ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น แต่โอกาสที่จะได้ยิงก็ยังไม่ค่อยมีเช่นเคย เนื่องจากโดนประกบติด
อย่างไรก็ตาม 'คลาส' ของนักเตะที่ผ่านประสบการณ์ในลีกสวิตเซอร์แลนด์, สเปน และญี่ปุ่น ก็ยังสามารถสร้าง 'ความแตกต่าง' ให้เห็นได้เสมอในยามคับขัน
ประตู 3-1 ที่กลับตัวยิงจากนอกกรอบเขตโทษ เสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีว่าในวัย 34 ปี แต่พิษสงของเขายังคงสร้างความเจ็บแสบอยู่ตลอด
2 ประตู ในเกมชนะกัมพูชา ทำให้ ธีรศิลป์ สะสมสกอร์ใน อาเซียน คัพ รวมไปแล้ว 24 ประตู ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง นอห์ อลัม ชาห์ ไปแล้ว 7 ลูก ในขณะที่ทัวร์นาเมนต์ปีนี้ตนเองก็นำโด่งเป็นดาวซัลโวสูงสุด
แต่ต่อจากนี้นี่แหละที่น่าสนใจ เพราะคู่แข่งของไทย ในรอบรองชนะเลิศคงจะเห็นแล้วว่าศูนย์หน้าคนนี้ยังร้ายกาจไม่เปลี่ยนแปลง และคงจะทำให้ ธีรศิลป์ เล่นได้ยากกว่าเดิมแน่
นั่นคืออีกหนึ่งโจทย์ที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ต้องขบคิดและหาวิธีการรับมือในยามที่ผู้เล่นคนสำคัญของทีมต้องเจอกับการประกบติดแบบนี้