สารัช อยู่เย็น ตะบันประตูสำคัญท้ายเกมให้ทีมชาติไทยที่เหลือ 10 ตัวใน น.62 หลัง สรรวัชญ์ เดชมิตร โดนใบแดง บดตีเสมอเจ้าถิ่น อินโดนีเซีย สุดมันส์ 1-1 ส่งผลให้ แชมป์เก่า มี 7 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอ ขณะที่ "อิเหนา" มี 7 แต้ม เท่ากัน อยู่ที่ 2 เพราะผลต่างประตูได้เสียน้อยกว่า โดยเกมสุดท้ายทัพ "ช้างศึก" เปิดบ้านดวล กัมพูชา ในวันที่ 2 ม.ค. 2566 เพื่อชี้ชะตาเข้ารอบ
ฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022
วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2565
อินโดนีเซีย 1-1 ทีมชาติไทย
การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 ประจำวันที่ 29 ธ.ค. 2565 ที่สนามเกโลรา บุง การ์โน สเตเดียม (เสนายัน) เกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดที่ 3 คู่ระหว่าง อินโดนีเซีย รองจ่าฝูงที่มี 6 แต้ม จาก 2 นัด เปิดรังรับมือ ทีมชาติไทย จ่าฝูงที่ลงเตะ 2 นัด มี 6 แต้ม แต่ผลต่างประตูได้-เสียทีมเยือนดีกว่า
เจ้าถิ่นขุนพล "การูด้า" เกมแรกเปิดรังเฉือน กัมพูชา 2-1 และเกมล่าสุดบุกถล่ม บรูไน 7-0 ขณะที่ทัพ "ช้างศึก" เกมนัดแรกบุกอัด บรูไน 5-0 ส่วนเกมที่แล้วเปิดบ้านเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 โดยเกมนี้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ปรับระบบมาเล่น 4-2-3-1 พร้อมกับเปลี่ยนผู้เล่น 1 ตำแหน่งจาก 2 เกมที่ผ่านมา โดยส่ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ออกสาร์ตตัวจริงแทนที่ อดิศักดิ์ ไกรษร
น.15 จากจังหวะลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งขวาเกือบกลางสนามของไทย ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลโค้งๆเข้าไปในเขตโทษ ทว่าบอลเลยไปหมดแต่เกือบกลายเป็นดีเพราะบอลตกพื้นก่อนจะกระเด้งเฉียดเสาออกไปอย่างหวุดหวิด
น.17 เจ้าถิ่นอิเหนา ได้โอกาสจบสกอร์หนแรกจากจังหวะเปิดบอลมาจากริมเส้นฝั่งขวาของ อัซนาวี มังกูวาลัม เข้ามาในเขตโทษให้กับ เดนดี้ สุลิสยาวัน แต่เจ้าตัวดันโหม่งไม่เต็มศีรษะทำให้บอลออกหลังไป
น.22 ไทย เกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย ธีราทร บุญมาทัน เปิดบอลเข้ามาก่อนจะเป็น บดินทร์ ผาลา ที่วิ่งโฉบขึ้นโขกลูกนี้แต่บอลดันเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
น.38 อินโดนีเซีย พลาดโอกาสทองขึ้นนำ จากจังหวะที่ กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก นายทวารช้างศึก ออกมาเล่นบอลนอกกรอบเขตโทษ แต่ดันชะล่าใจไปจ่ายบอลเข้าทาง วิตัน ซูเลมาน ฉกบอลไปได้แถมประตูโล่งๆ ทว่ากองกลางอิเหนาวัย 21 ปี ดันแปบอลเข้าข้างตาข่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังคงไม่มีใครทำประตูกันได้ ก่อนจะจบ 45 นาทีแรก อินโดนีเซีย ยังเปิดบ้านเสมออยู่กับ ทีมชาติไทย 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง น.49 อินโดนีเซีย ได้จุดโทษจากจังหวะที่ อัซนาวี มังกูวาลัม ได้ซัดนอกกรอบเขตโทษ บอลไปโดนแขน ธีราทร บุญมาทัน เต็มๆ ผู้ตัดสินชี้จุดโทษให้เจ้าถิ่นทันที แถมแจกใบเหลืองให้ "กัปตันอุ้ม" อีกด้วย ก่อนที่ น.50 มาร์ค คล็อค จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด
น.62 ไทย เหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ สรรวัชญ์ เดชมิตร ไปยกเท้าสูงหงายปุ่มยันใส่ ซัดดิล รัมดานี บริเวณกลางสนาม ผู้ตัดสินไม่รอช้าวิ่งมาควักใบแดงให้ "เจ้าแคมป์" โดยตรงทันที ทำให้ "ช้างศึก" เหลือ 10 คนกับสกอร์ที่ตามหลังอยู่ 0-1
น.74 เจ้าถิ่นอิเหนา เกือบหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เดนดี้ สุลิสยาวัน พาบอลเลี้ยงจี้ขึ้นมาก่อนกระดกบอลต่อไปฝั่งขวาให้กับ ยาค็อบ ซายูรี ได้ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลดันพุ่งเฉียดเสาสองออกไปนิดเดียว
น.79 กลายเป็นทีมเยือนช้างศึก ที่เหลือ 10 คนได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ สารัช อยู่เย็น ได้โอกาสซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลไปแฉลบขา ริคกี้ กัมบัวยา เปลี่ยนทางเข้าประตูไป
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มจบเกม อินโดนีเซีย เปิดบ้านเสมอกับ ทีมชาติไทย ที่เหลือ 10 คนไปด้วยสกอร์ 1-1 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน ทำให้ "อิเหนา" มีเพิ่มเป็น 7 แต้มจาก 3 นัด ยังรั้งที่ 2 ของตาราง ขณะที่ "ช้างศึก" ยังนำเป็นจ่าฝูง มีเพิ่มเป็น 7 แต้ม จาก 3 นัด แต่ผลต่างประตูได้-เสียดีกว่าอยู่ 1 ประตู
สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้ายของทั้งสองทีมจะลงเตะในวันจันทร์ที่ 2 ม.ค.66 เวลา 19.30 น.พร้อมกัน โดยขุนพล "การูด้า" จะบุกเยือน ฟิลิปปินส์ ที่สนามริซาล เมมโมเรียล ส่วนทัพ "ช้างศึก" จะเปิดบ้านรับมือ กัมพูชา ที่สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ทีมชาติอินโดนีเซีย : นาเดโอ อาร์กาวีนาตา (ผู้รักษาประตู), ฆอร์ดี อามัต, ปราตามา อาร์ฮัน, อัซนาวี มังกูวาลัม, ฟัครูดิน อาร์ยันโต, มาร์ค คล็อค, เอกี้ ฟิกรี้ (ซัดดิล รัมดานี แทน น.59), รัคมัต อีร์ยานโต (ริคกี้ กัมบัวยา แทน น.75), ยาค็อบ ซายูรี, วิตัน ซูเลมาน (มูฮัมมัด ราฟลี แทน น.75), เดนดี้ สุลิสยาวัน (มาร์เซลิโน เฟอร์ดินัน แทน น.87)
ทีมชาติไทย : กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก (ผู้รักษาประตู), พรรษา เหมวิบูลย์, กฤษดา กาแมน, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, ศศลักษณ์ ไหประโคน, ธีราทร บุญมาทัน (กัปตัน), สารัช อยู่เย็น, เอกนิษฐ์ ปัญญา (จักพัน ไพรสุวรรณ แทน น.87), บดินทร์ ผาลา (พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แทน น.82), ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว (สรรวัชญ์ เดชมิตร แทน น.46), ธีรศิลป์ แดงดา (อดิศักดิ์ ไกรษร แทน น.73)
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : สารัช อยู่เย็น (ทีมชาติไทย)