ลงโทษถึงที่สุด ! ส.บอลไทย เอาจริงเช็กกล้องวงจรปิด จับคนมือบอนจุดพลุแฟร์มาลงโทษให้ได้ ชี้ผิดกฎหมายมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง มีโทษปรับ 5 หมื่น จำคุกไม่เกิน 5 ปี แถมข้อหาที่ 2 ขัดขวางข่มเหงเจ้าพนักงานไม่ให้เข้าไปจับกุมจากกลุ่มแฟนบอลจุพลุก่อนที่พลุแฟร์จะหายไป
สืบเนื่องจากมีกลุ่มกองเชียร์หนึ่งกลุ่มบริเวณอัฒจันทร์หลังประตูฝั่งทิศใต้ (โซน S) ได้จุดพลุแฟร์ในช่วงท้ายเกมที่ทีมชาติไทย เปิดบ้านเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 ในศึกเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดที่ 2 ที่สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา
จากกรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตรียมถูกลงโทษจากฝ่ายจัดการแข่งขัน และจะถูกปรับเงินมากกว่า 1,000,000 บาท เพราะถือเป็นความผิดซ้ำจากการที่เคยถูกลงโทษเพราะแฟนบอลจุดพลุแฟร์มาแล้วถึง 2 หนก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นความผิดทางวินัยของระเบียบข้อบังคับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ "เอเอฟซี" ที่กำหนดไว้
ล่าสุด ส.บอลไทย ออกมาเปิดเผยแล้วว่า "สมาคมฯ เตรียมจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้จุดพลุแฟร์ เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วเมื่อปี 2016 เกมที่ ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 2-0 ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2016 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เนื่องจากการจุดพลุและครอบครองพลุแฟร์ ซึ่งมีความผิดฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
"สมาคมฯ ยังมีหลักฐานคือภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งหากดูเห็นจากคลิปจะเห็นว่ามีการจุดพลุแฟร์ จากนั้นดึงผ้าเข้าไปคลุมซึ่งอันตรายมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพยายามเข้าไปแสดงตัวเพื่อจับกุมแต่ต้องระมัดระวังเพราะมีเด็กและผู้หญิง อีกทั้งยังมีการขัดขวางการจับกุมจากกลุ่มคนในนั้นและสุดท้ายคนจุดพลุแฟร์ก็หายไป แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี"