แม้ว่า ไทยลีก 2022-23 จะปิดฉากลงไปแล้ว ทว่ายังเหลือถ้วย เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ ให้ลุ้นกันต่อ และวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคมนี้ จะเป็นการดวลกันระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในเวลา 18.00 น. ณ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์-เจาะลึกขุมกำลังของทั้งสองทีมให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] เฮดโค้ช
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: หากเทียบโปรไฟล์ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือของ บุรีรัมย์ ถือว่าดีกรีเลิศหรูที่สุดในเมืองไทย กับการพา คาชิมะ แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์ เจลีก 2016 อีกทั้งยังอาจหาญต่อกรกับ เรอัล มาดริด ในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกได้อย่างสูสี
พอมาหาความท้าทายที่สยามประเทศ เขาก็ยังมีผลงานโดดเด่นกับการปลุกปั้น สมุทรปราการ ซิตี้ จนไปได้สวย - นักเตะหลายๆ คนก้าวไปติดทีมชาติไทย กระทั่งย้ายมาคว้าแชมป์มากมายร่วมกับ บุรีรัมย์ ในปัจจุบัน
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: ธงชัย สุขโกกี จัดเป็นเทรนเนอร์มากฝีมือของลีกไทย ประสบการณ์การคุมทัพโชกโชน และล่าสุดก็เพิ่งพา นครปฐม ยูไนเต็ด หวนคืนสู่ลีกสูงสุดได้สดๆ ร้อนๆ ก่อนจะโยกมานั่งเก้าอี้บิ๊กบอสให้ทีมกระต่ายแก้วแบบสุดเซอร์ไพรส์
'โค้ชธง' ถือเป็นจอมแท็กติกคนหนึ่งของวงการฟุตบอลแดนขวานทอง เขามีกลยุทธ์หลากหลาย โดยขึ้นอยู่ที่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร ซึ่งนั่นหมายความว่ากุนซือผู้นี้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับเปลี่ยนแผนการได้ตามแต่สถานการณ์จะพาไป
[ 2 ] ผู้รักษาประตู
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: แม้ว่า นพพล ละครพล จะทำผลงานได้ดีกับสถิติ 7 คลีนชีต ใน ไทยลีก ทว่าเมื่อถึงเกมที่มีความกดดันสูง ยังไงก็ต้องเป็น ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จอมหนึบวัย 39 ปี ที่เจนจัดเวทีและแทบจะไม่แสดงความผิดพลาดใดๆ เลยสักนิด
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: ถือเป็นฤดูกาลที่ไม่ค่อยน่าจดจำสำหรับ กิตติพงศ์ ภูแถวเชือก กับการเสียไป 39 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขอันดับที่ 9 ของลีก แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องของประสบการณ์และการรับมือกับความกดดัน เขามักจะทำได้ดีเสมอ
[ 3 ] ฟูลแบ็ก
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: ปราสาทสายฟ้าเป็นทีมที่น่าอิจฉาในเรื่องของฟูลแบ็กมากที่สุด เพราะฝั่งขวามี นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ผู้ทำไป 8 แอสซิสต์ ขณะที่ทางซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน ก็วินัยสูง รับ-รุกทำหน้าที่ได้ตามความรับผิดชอบของตนเอง
นอกจากนี้ อย่าลืมว่าพวกเขายังมี ธีราทร บุญมาทัน ที่เป็นแบ็กซ้ายอาชีพอีกราย ซึ่งอันตรายมากๆ ในลูกครอสจากด้านข้าง
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: กระต่ายแก้วเป็นทีมที่มีฟูลแบ็กให้เลือกใช้มากมาย ด้านขวา สันติภาพ จันทร์หง่อม นักเตะจอมฟิตคือตัวเลือกแรก โดยที่ นาคิน วิเศษชาติ ดาวรุ่งวัย 23 ปี ก็สามารถทดแทนได้
ขณะที่ฟากซ้าย ต้องแย่งชิงกันระหว่าง เอร์เนสโต้ ภูมิภา, อภิสิทธิ์ โสรฎา, วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร และ ยูซูเกะ มูระฮาชิ แข้งญี่ปุ่น ผู้ผ่าน เจลีก มาเกินกว่า 380 เกม
[ 4 ] เซนเตอร์ฮาล์ฟ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: เวลานี้คู่ปราการหลังตัวกลางของแชมป์ ไทยลีก 8 สมัย น่าจะเป็น เรบิน ซูลาก้า กับ ดิออน คูลส์ ที่ทำผลงานได้แข็งแกร่งในเลกที่สอง โดยมี พรรษา เหมวิบูลย์ เป็นตัวสแตนด์บาย
เกมรับคือหนึ่งในจุดเด่นของปราสาทสายฟ้าชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะ ซูลาก้า ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็น 'ของจริง' เพราะนับตั้งแต่หมดยุค ออาสมาร์ อีบันเญซ และ อันเดรส ตูเญซ ก็เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอิรัก นี่แหละที่เข้ามาเสริมสร้างแดนหลังของ บุรีรัมย์ จนยากแก่การเจาะเข้าไป
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: จริงๆ แล้วพวกเขาคือทีมที่มีปราการหลังตัวกลางที่เก่งกาจมากมาย โดยเฉพาะ อันเดรส ตูเญซ ที่อาจจะเข้าสู่วัย 36 แต่ประสบการณ์และทางบอลของเขาสามารถยกระดับเกมรับได้เป็นอย่างดี
ทว่าการที่เซนเตอร์ฮาล์ฟของทีมมักจะสลับหน้าผลัดกันเจ็บ ทำให้ขาดความต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ชื่อของ จักพัน ไพรสุวรรณ และ อีร์ฟาน ฟานดี้ ก็ยังอยู่ในระดับท็อปของ ไทยลีก อยู่ดี
[ 5 ] มิดฟิลด์
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: อีกจุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญของปราสาทสายฟ้า เพราะพวกเขามี โกรัน เคาซิช กองกลางชาวเซอร์เบีย ที่ซื้อเข้ามาแล้วกลายเป็นดีลอันแสนคุ้มค่าทันทีกับ 14 ประตู ในลีก แถมหมอนี่ยังส่งเสริม ธีราทร บุญมาทัน ที่ผันตัวเองมาเป็นมิดฟิลด์ให้เฉินฉายอีกต่างหาก
นอกจาก 2 คนข้างบน บุรีรัมย์ ยังสามารถใช้งาน พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, รัตนากร ใหม่คามิ, ฟิลิป โรกิช และรวมไปถึง อิรฟาน ดอเลาะ กัปตันทีมชาติไทย ชุด ซีเกมส์ 2023 ได้เช่นกัน
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: พวกเขามีสองมิดฟิลด์ตัวหลักของทีมชาติไทย อย่าง สารัช อยู่เย็น และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล อยู่ด้วยกัน ซึ่งนั่นเท่ากับว่าถ้าคู่นี้จูนกันติด ฝั่งตรงข้ามเตรียมพบกับความพ่ายแพ้ได้เลย
นอกจากนี้ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ก็เป็นนักเตะที่เข้ามาสร้างความสมดุลได้ชัดเจน รวมไปถึง ฉัตรมงคล ทองคีรี กับ ณัฐพล วรสุทธิ์ ที่พร้อมเสมอหากได้รับโอกาสลงสนาม
[ 6 ] แนวรุกริมเส้น
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: พวกเขาคือทีมที่ยิงประตูใน ไทยลีก ได้มากที่สุดในซีซั่น 2022-23 ด้วยจำนวน 60 ประตู ซึ่งมาจากการ 10 ผู้เล่น โดยเป็นนักเตะในแนวรุก 6 ราย
ในแดนหน้าของ บุรีรัมย์ สามารถสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันได้เสมอ จะมีเพียง ลอนซาน่า ดูมบูญ่า เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ปักหลักเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า เพราะนอกนั้น ไม่ว่าจะเป็น ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโวสูงสุดของลีก, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ฮาริส วุชคิช, โจนาต็อง โบลันญี่ หรือแม้กระทั่ง อาทิตย์ บุตรจินดา ก็ยังถูกโยกออกมาเล่นด้านข้างได้เช่นกัน
เกมริมเส้นคือจุดเด่นของปราสาทสายฟ้า และนั่นจึงเป็นที่มาว่าเหตุใด นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม จึงทำไป 8 แอสซิสต์ เช่นเดียวกับ ศุภณัฏฐ์ ที่จ่ายให้เพื่อนยิงไป 10 ประตู จึงเป็นท็อปแอสซิสต์ของ ไทยลีก
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: เดอะ บลู แมชีน เป็นทีมที่ไม่ค่อยมีแนวรุกริมเส้น มันจึงทำให้เห็น พาทริก กุสตาฟส์สัน กับ สเตนิโอ จูเนียร์ ซึ่งเป็นหัวหอกตัวเป้า ต้องขยับออกไปยืนด้านข้างบ่อยๆ ส่วน กรวิชญ์ ทะสา ที่สามารถเล่นได้ ทว่าโอกาสในการลงสนามนั้นมีไม่ค่อยมากนัก
ด้วยความที่เปลี่ยนโค้ชมาแล้วหลายราย มันจึงทำให้ได้เห็น สุรชาติ สารีพิมพ์ กับ ณัฐพล วรสุทธิ์ เล่นริมเส้น หรือแม้กระทั่ง อภิสิทธิ์ โสรฎา ซึ่งเป็นแบ็กอาชีพ ต้องดันตัวเองไปยืนเป็นปีกในหลายๆ เกม ตามแต่แท็กติกของกุนซือจะสั่งการ
[ 7 ] ศูนย์หน้าตัวเป้า
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด: แม้ว่า ศุภชัย ใจเด็ด จะคว้าดาวซัลโว ไทยลีก 2022-23 ทว่าตำแหน่งที่เขาลงเล่นนั้นไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวเป้า เนื่องจากพื้นที่นี้มักจะเป็น ลอนซาน่า ดูมบูญ่า ที่ประจำการเพื่อใช้ร่างกายอันกำยำปะทะกับแนวรับฝั่งตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แนวรุกของ บุรีรัมย์ ค่อนข้างยืดหยุ่น ทำให้ใน 90 นาที ของพวกเขาไม่มีอะไรใด ตายตัว มันจึงเป็นที่มาของการที่ผู้เล่นจากตำแหน่งต่างๆ สามารถสอดขึ้นไปทำประตูได้บ่อยครั้ง
โดยรายการ ลีก คัพ 2022-23 พวกเขามี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ปรากฏชื่อบนสกอร์บอร์ดมากที่สุด ด้วยจำนวน 3 ประตู
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด: นี่คือทีมศูนย์รวมกองหน้าตัวเป้ามากที่สุดของเมืองไทย นำโดย ธีรศิลป์ แดงดา, อิ๊กห์ซาน ฟานดี้, เบน อาซูเบิ้ล, พาทริก กุสตาฟส์สัน, สเตนิโอ จูเนียร์, สุรชาติ สารีพิมพ์ และรวมไปถึง ชาตรี ฉิมทะเล ดาวยิงจอมเก๋า
ทว่าถ้าร่างกายของ ธีรศิลป์ สมบูรณ์ เขาคือตัวเลือกแรกของกุนซือทุกคน ด้วยมันสมองที่ชาญฉลาดและความปราดเปรื่องในการเล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในชั่วพริบตา น่าเสียดายตรงที่ อิ๊กห์ซาน ดันเจ็บยาว ไม่เช่นนั้นเกมรุกของ บีจี จะทรงอานุภาพกว่าที่เป็นอยู่ หลายเท่าตัว