ย้อนหลังไปราว 2 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ในยุคที่วิวัฒนาการ ยังไม่ได้ล้ำเลิศ เช่นทุกวันนี้ หลายชนิดของเกมกีฬา มักจะใช้ผู้ที่มีความสามารถในด้านการบีบนวดให้เข้าไปดูแลทีม
ในฐานะหมอนวดประจำทีม ต่างจากยุคนี้ที่แต่ละทีมจะใช้บุคลากรสายตรงที่จบตรงอย่าง วิทยาศาสตร์การกีฬา ,นักกายภาพฟิตเนส มาดูแลทีม วงการลูกหนังยุคอดีต เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ยามทีมชาติลงเตะรายการต่างๆเราจะเห็นบุคคลหนึ่งใส่ชุดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กางเกงวอร์มขายาว เสื้อกีฬา คอยดูแลนักเตะยามได้รับบาดเจ็บ นอกเหนือจากหมอประจำทีม
หนุ่มหน้าตาออกไปทางแขกหรือมุสลิม ที่อาบไปด้วยหงวดเครา เป็นที่รู้จักกันดีของนักเตะรุ่นอย่าง สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ , นที ทองสุขแก้ว,เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ,ธชตะวัน ศรีปาน โดยทันรุ่นของ ธีรศิลป์ แดงดา , ธีราทุร บุญมาทัน สมัยที่ยังเป็นละอ่อนด้วย ชายผู้นี้คือ "น้าบัง" สมชาติ เตมีย์ศิลปิน
ปัจจุบัน "น้าบัง" ชื่อที่ไม่เฉพาะแค่นักฟุตบอล แต่รวมถึงโค้ช,นักข่าวรุ่นเก่าที่อยู่ในวงการน้ำหมึก มาเกิน 20 ปี จะเรียก แกว่า "น้าบัง" เช่นกันนั้น อายุ 69 ปี เกิดเมื่อ 9 ก.ย. 2497 ที่เรียกว่า "น้าบัง" เพราะเป็นชาวมุสลิม หากใครสนิทจริงๆจะรู้ว่า ชื่อเล่นจริงๆของ "น้าบัง " คือ บังมาน หรือ มาน โดย "น้าบัง"มีครอบครัวอบอุ่น มีบุตร 4 คน ชื่อ รอฮีม , ยะ ,กิ๊บ และ โส
ด้านการศึกษา "น้าบัง" จบระดับ มศ. 3 พื้นเพ เป็นคนกทม. อยู่สี่แยกบ้านแขก ฝั่งธนฯ
ผู้ที่ชักนำให้ "น้าบัง" ได้เข้ามาสู่วงการฟุตบอลไทย เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานยุคอดีตในส่วนของหมอนวดประจำทีม ก็คือ "แม็ค" พัฒนพงษ์ ศรีปราโมช อดีตกองหลังทีมชาติไทย ที่มักคุ้นกัน และพาไปรู้จักกับ "โค้ชหมี" สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ อดีตทีมชาติ แห่ง ราชนาวี
โดยภารกิจแรกที่ "น้าบัง" ได้เข้าไปทำทีมชาติก็คือ ศึกลูกหนังชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ที่มี "น้าติ๊ก" สมชาติ ยิ้มสิริ เป็นกุนซือ แข่งที่สนามศุภฯ นั่นคือ จุดเริ่มต้น กับอาชีพหมอนวดประจำทีมชาติไทย ที่นักเตะทีมชาติแทบทุกคน ผ่านมือโดน "น้าบัง" มือหนักบีบนวดคลายเส้น รักษาอาการบาดเจ็บมาแล้วทั้งนั้น
รวมระยะเวลาในการทำทีมชาติ ของ "น้าบัง"เจ้าตัวบอกว่า ประมาณ 20 ปี จากปี พ.ศ. 2537 – 2557 ผ่านผจก.ทีมมามากมาย ทั้ง ลุงหอย ธวัชชัย สัจจกุล , วิรัช ชาญพานิชย์ ฯลฯ
นั่นหมายถึงในยุครุ่งเรืองวันวานของทีมชาติไทย "น้าบัง" จะมีส่วนร่วมอยู่ด้วย ทั้งได้แชมป์ คิงส์คัพ ,ซีเกมส์, ไทเกอร์ ,ซูซุกิ คัพ ,คัดเลือกฟุตบอลโลก ,อช.เกมส์ ,อช.คัพ "น้าบัง"ได้มีโอกาสติดตามทีมไปมาหลายประเทศ กับทีมชาติไทย ทั้งไปอุ่นเครื่อง เก็บตัว และแข่งขัน โดย"น้าบัง" บอกว่า เคยได้เงินอัดฉีดด้วย โดยก้อนโต ที่สุด ที่เคยได้รับอยู่ที่ 1 แสนบาท ยุคนั้นเงิน 1 แสน ถือว่ามีค่ามากมาย
นอกจากทำงานให้ทีมชาติไทย แล้ว "น้าบัง" ยังเคยทำงานให้กับหลายสโมสร ทั้ง ราชนาวี, โอสถสภา,ชัยนาทฯ หลายคนอาจจะอยากรู้ว่า แล้ว "น้าบัง"ไปนำวิชานวดมาจากไหน แน่นอนว่า ของแบบนี้ต้องมีครู หากฝีมือไม่ดีและนิสัยไม่โอเค คงไม่ได้รับโอกาสเข้าไปทำทีมชาติ
"น้าบัง" บอกว่า แกศึกษาวิชานวดมาจากหมอนวดจีน แถวบ้าน , รุดไมเนอร์ อดีตนักกายภาพประจำทีม รวมถึง นายแพทย์ วิโรจน์ ที่ทุกท่านเหล่านี้ มอบวิชาให้กับ"น้าบัง" จนแกเรียกว่า เป็นครูได้เต็มปาก แบบไม่อายใคร
วันนี้ในวัยใกล้จะมีเลข 7 นำหน้า "น้าบัง" ยังคงแข็งแรง โดย ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านย่านสี่แยกบ้านแขก กับครอบครัวที่อบอุ่น โดยรับงานนวดจับเส้นอยู่กับบ้าน โดยทำแบบไม่ได้เรียกร้องเงิน ใครไม่มีเงินนวดรักษาให้ฟรี หรือใครพอมีกำลังแล้วแต่จะให้ วันนี้ยังคงมีอดีตนักเตะหลายๆ รายที่เลิกราไปแล้ว ไปใช้บริการนวดอยู่ที่บ้าน "น้าบัง"
แม้จะไม่ได้อยู่ในวงการฟุตบอลแล้ว แต่วันนี้ "น้าบัง" บอกว่า ตัวแก ยังคงติดตามผลงานทีมชาติไทย อยู่ตลอด ยามมีแข่งขัน และมีถ่ายทอดสด และยอมรับว่า ฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นกว่าอดีตมากทั้งทีมชาติ,สโมสร และเทคโนโลยี ต่างๆ
บทความนี้หวังว่าจะทำให้ชีวิตของชายที่ชื่อ "น้าบัง" สมชาติ เตมีย์ศิลปิน กระชุ่มกระชวย ว่ามีคนยังไม่ลืมเรื่องราวของแก ที่ครั้งหนึ่ง บุคคลนี้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมชาติไทย กับหลากหลายภารกิจ มานับครั้งไม่ถ้วน ในฐานะของคนเบื้องหลัง
ใครเจ็บกล้ามเนื้อกระดูกกระเดี้ยว อยากไปนวดผ่อนคลาย หรือรักษาอาการบาดเจ็บ ไปแถวสี่แยกบ้านแขก ถามคนแถวนั้นดู ไม่มีใครไม่รู้จัก หมอนวดมือทอง อย่าง "น้าบัง" แน่นอน
เรื่องโดย "สิงห์นก Hk vp 9 "