หลังจบจากรั้ว อสช.ศรีราชา มา นเรศ สุขงาม ที่เคยเปลี่ยนชื่อมา 2 ครั้ง หนแรก ณัฐพงษ์ หนสอง สรศักดิ์ ก่อนกลับมาใช้ชื่อเก่า ได้เล่นอาชีพ กับ การท่าเรือ และด้วยฝีเท้าที่ดี ทำให้ได้โควตา บรรจุ เป็นพนักงานการท่าเรือ องค์กรรัฐวิสาหกิจ ที่มั่นคง
นักเตะรุ่นเดียวกับเขา ที่ได้บรรจุงานพร้อมกันก็คือ "แดง" พงษ์ศักดิ์ คงแก้ว ได้เงินหนแรก 7 พันกว่าบาท เมื่อราว 20 ปีทีผ่านมา กับการเป็นมนุษย์เงินเดือน
นเรศ สุขงาม ยอมรับว่าเขาเลือกทางเดินผิดพลาด นั่นคือ การเดินออกจาก งานที่มั่นคง อย่าง การท่าเรือ ที่เข้าได้ไม่ได้นานก็ลาออก เพราะตอนนั้นมั่นใจในตัวเองสูงกับความสามารถด้านลูกหนัง
ทำให้กล้าทิ้งงานประจำ ที่ การท่าเรือ และเดินออกจากการเป็นนักเตะ "สิงห์เจ้าท่า"ไป อยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน ที่ให้เงินเดือน ราว 3 หมื่นบาท ต่อเดือน และยังเคยไปค้าแข้งที่ อินโดนีเซีย กับทีม เปอร์ซิบาย่า เกาะ สุราบายา ได้เดือนละ 6 หมื่นบาท ไม่รวมโบนัสชนะ ในวันที่วุฒิภาวะยังน้อยแม้ฝีเท้าจะดีแต่ นเรศ ลืมไปว่า หากต้องปลดระวางจากการเป็นนักเตะถ้าไม่มี งานประจำทำต้องเจอกับความลำบากแน่นอน
นเรศ สุขงาม ที่วันนี้ในวัย 40 กว่าปี ยังต้องดิ้นรน เพื่อปากท้องตัวเองและบุตร วัย 4 ขวบ ถามว่า ลำบากหรือไม่ บอกเลยว่าใช่เพราะไม่มีงานประจำ ที่จะทำให้มีรายได้ต่อเดือน มาจับจ่ายใช้สอย
ชีวิต นเรศ สุขงาม วันนี้ เขาต้องขายลูกชิ้นปิ้ง ที่สนามฟุตบอล พร้อมกับทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับ อะคาเดมี่ ของสนามดังกล่าว เพื่อหาเงินมาดำเนินชีวิต "ผมมั่นใจในตัวเองเกินไปจะบอกว่าเลือกทางเดินผิดก็ว่าได้ กับการทิ้งงานประจำ ที่การท่าเรือ หากไม่ออกไปป่านนี้น่าจะได้เป็นระดับหัวหน้าไปแล้ว ช่วงนั้นผมคิดว่า ฝีเท้าตัวเองจะไปเล่นที่ไหนก็ได้
ที่ผมลาออกจากงาน การท่าเรือ นอกจากเงินเดือน สมัยนั้นก็ไม่มาก และมีปัญหาบางประการ กับ ผู้ฝีกสอนรายหนึ่ง อีกด้วย ช่วงนั้นไม่ได้คิดเรื่องเก็บเงินด้วย วันนี้นอกจากจะขายลูกชิ้นปิ้งแล้ว ผมสอนเด็กๆให้กับสนามฟุตบอล ถึงได้ไม่มากอะไรแต่ยังดีกว่า ไม่มีงานทำ
ผมอยากฝากถึงน้องๆรุ่นหลัง เรื่องการอดออม ถ้าหามาได้แล้วไม่เก็บจะลำบากเหมือนผม ต้องเผื่อถึงวันที่เราต้องเลิกเล่นด้วย อยากให้เรื่องผมเป็นบทเรียนการใช้ชีวิตของทุกคน หาไม่แล้ว อาจต้องลำบากดิ้นรนเช่นผมก็ได้"
"สิงห์นก Hk vp 9"