จตุรมิตร 437 ต้นน้ำของความสามัคคี...ผองพี่เล่นให้น้องเดินตาม

ยังถือได้ว่าเป็นรายการป้อนบุคคลากรคุณภาพสู่สังคมไทยได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น วิรัช ชาญพานิช ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติไทย เคยสวมเสื้อหมายเลข 2 ประจำการตำแหน่งแบ็กขวาให้กับสวนกุหลาบในครั้งที่ 5 พศ. 2513 ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ คนปัจจุบัน ก็เคยสวมเสื้อสีม่วงทองให้กับกรุงเทพคริสเตียน ในการแข่งขันครั้งที่ 11 เมื่อปี 2526

ไม่นับรวมบรรดานักฟุตบอลอีกนับสิบนับร้อยชีวิตที่เหล่าสี่สถาบันสร้างขึ้นมาป้อนสู่ทำเนียบทีมชาติ มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง

เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ สนามฟุตบอลธูปะเตมีย์ คราคร่ำไปด้วยรถรา และผู้คนที่สวมเสื้อสัญลักษณ์สี่สถาบันจตุรมิตร สร้างบรรยากาศให้คึกคัก และเมื่อหลุดเข้าไปภายในต้องตื่นตากับภาพบรรยากาศฟุตบอลสามัคคีที่ถอดแบบฟุตบอลจตุรมิตรมาได้ราวกับพิมพ์เดียวกัน

"นิค" ณรงค์ ทำประโยชน์ โอเอสเค 104 ประธานจัดการแข่งขันได้ถ่ายทอดให้ฟังว่า 

“เราคือฟุตบอลจตุรมิตร 437 เป็นการรวมเพื่อนในเครือจตุรมิตร ที่เคยเล่นเคยเรียนด้วยกัน มาตั้งแต่เด็กต่างจบการศึกษาในปี 2528 ผ่านมาก็ 30 กว่าปี มามีกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบการแข่งขันฟุตบอล”

เมื่อถามถึงจุดกำเนิดนิคบอกว่า ”ต้นคิดมาจากฝั่งของคริสเตียน โดย มนตรี อังศิริจินดา อดีตผู้สื่อข่าวสยามกีฬา-ฟุตบอลสยาม กับรองผกก.สน.สามเสน พ.ต.ท รุ่งโรจน์ อำรุงแคว้น ได้มาชวน สาธร ชุมช่วย อดีตนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติ แกนหลักของสวนกุหลาบ 104 กลับมาฟื้นความหลังเล่นฟุตบอลกัน จึงได้ชักชวน ไพศาล ฉัตรวุฒิชัย จากเทพศิรินทร์ และ "กิม" ภากร เจริญธนกิต ตัวแทนอัสสัมชัญ มาหารือร่วมกัน

ต่างชื่นชมและมีจุดรวมตรงกัน ที่เน้นย้ำถึงความสามัคคี ไม่เน้นย้ำถึงชัยชนะ ไม่บันทึกสกอร์ ไม่บันทึกคนยิงประตู ไม่ชิงความเป็นเลิศเหมือนสมัยนุ่งขาสั้นเป็นนักเรียนมัธยม บันทึกไว้เพียงรอยยิ้มความสนุกสนานความมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน จึงได้เกิดเป็นฟุตบอลรายการนี้ขึ้นมา “

โดยนำเอารหัสรุ่นที่ร่วมเรียนมารวมกัน เป็นเลข 437 ได้แก่ กรุงเทพคริสเตียน 133, สวนกุหลาบ 104, เทพศิรินทร์ 100ปี และอัสสัมชัญ รุ่น 100 มาเป็นชื่อทัวร์นาเมนท์แข่งขัน

ในปีนี้สวนกุหลาบ 104 รับหน้าที่ต่อจากกรุงเทพคริสเตียน 133 ได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่ิอกัน และปีหน้าเป็นคิวของ เทพศิรินทร์ 100 ต่อด้วยอัสสัมชัญ 100 หมุนเวียนกันไป ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์นะครับ”

กิจกรรมของเหล่าชาวจตุรมิตรนอกจากจะแข่งฟุตบอลที่ไม่ระบุสกอร์กันแล้ว ยังได้เชิญบรรดาครูเก่ามาร่วมชม และให้โอวาทกับเหล่าศิษย์ นั่งพูดคุยกันโดยไม่มีการแบ่งค่ายแบ่งขั้ว จบด้วยการรับประทานอาหารร่วมกัน บรรยากาศราวกับการเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนเก่าแก่ของเมืองไทยไม่ปาน

ท่ามกลางความขัดแย้งของสังคมไทยที่ต่างไม่ยอมรับไม่ลดราวาศอกให้แก่กัน เหล่า 4 พี่น้องจตุรมิตรกลับสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้อย่างน่าที่ง เขารัก ให้เกียรติ ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้อย่างที่หาดูภาพเข่นนี้ได้ยากยิ่ง

จัดต่อไปธำรงค์จตุรมิตร 437 ให้เป็นแบบอย่างต่อชนรุ่นหลัง ให้น้องในรุ่นลูกรุ่นหลานได้นำไปเป็นเยี่ยงได้เดินตามแบบอย่างไปให้ยิ่งใหญ่ยาวนานเช่นนี้ ดังเจตนารมย์ของฟุตบอลจตุรมิตรที่ว่า

จตุรมิตร สามัคคีดีเด่น

จตุรมิตรนั้นเป็นสายใย

ยึดดวงใจให้ เราสี่พี่น้องต่างปองรักกัน

ดำรงค์ให้คงอยู่ชั่วนิรันดร์